ตอนเป็นพระ ก็ไล่ลบไล่บล็อกหลายคนอยู่นะ
ไม่เข้าใจว่าเขาเปลี่ยนไปตรงไหน เสมอต้นเสมอปลายด้วยซ้ำ

ผมไม่ชอบไพรวัลย์แต่แรก แกพยายามอยู่ Spotlight​ ตลอดตั้งแต่พูดเรื่องประชาธิปไตยใหม่ๆ เป็นพระที่ค่อนข้างบ้า social เลย จากนั้นก็ยาวเรื่อยมา ส่วนสมปองไม่ได้ตามแกนัก แต่ขอชมทีมงานเบื้องหลังแก ตอนสึกใหม่ๆมีพลาดนิดหน่อย จากนั้นปรับตัวได้ ok เลย

เอาง่ายครับ ตอนอกหัก ปลอบเพื่อน ได้เป็นวรรคเป็นเวร

แต่พอตัวเอง โดนเข้าบ้าง กลับทำไม่ได้ ตามที่เคยปลอบเพื่อน

เคสนี้ ก็น่าจะคล้ายๆ กัน

ต้องโทษการศึกษาบ้านเราล่ะครับ

ความรู้ หาได้โดยการอ่าน การศึกษา จำ และ ท่อง เพื่อสอบให้ผ่าน

แต่ปฏิบัติตาม ให้ได้นั้น ผมว่า ค่อนข้างยาก

พระในอดีต การเป็นพระ คือ ละแล้วซึ่ง ความสุข เพื่อ แสวงหา

หนทางหลุดพ้น ซึ่งส่วนใหญ่ เรียนกับ พระอาจารย์ พอชำนาญ ก็เข้าป่า หาที่เงียบสงัด

ปฏิบัติ แบบ เอาชีวิต เข้าแลก เมื่อสำเร็จ จึง มาโปรดญาติโยม ตามสมควร

มันมีดราม่าไรนิ ตกข่าวเลยผม

จริงครับ พระสมัยก่อน หลายรูปนี่ ธุดง หนีความวุ่นวายหาทางดับกิเลส

นี่ ตั้งแต่เป็นพระไลท์สด เอาสินค้าวางในรายการเรียกค่าโฆษณา
จะบอกว่า ผู้จัดการส่วนตัวทำก็เหอะ คุณไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้ส่วนแบ่งเลยว่างั้น

ตอนเป็นพระผมชอบฟังแกในเรื่องที่เป็นสาระ ชอบแนวคิดทีมองโลกเป็นปัจจุบันเป็นความจริง ส่วนสึกออกมาเฉยๆ ไม่ได้ตามต่อครับ เพราะรู้สึกว่าไม่ได้น่าติดตามเหมือนตอนเป็นพระ

พว อยู่ได้ไม่นานหลอก น้าผิดจริง

ผมเห็นแกครั้งแรกตอนออกไปเถียงกับพี่ศรี ตอนนั้นรู้สึกโอเคนะ ไม่ชอบแต่ก็รู้สึกสนใจ แต่พอดังแล้วมานั่งไลฟ์กับพระสมปอง ผมไม่ชอบเลย มีมู้มาตั้งผมก็ไปแสดงความเห็นอยู่บ้างว่าแกวางตัวไม่เหมาะสม แต่ก็ไปพูดมากไม่ได้เพราะคนเฮโลชอบกันจัดๆ บอกว่าพระสมัยนี้ไม่ต้องอะไรมากแล้ว ขอแค่เข้าถึงใจคนได้ก็พอ (จริงๆผมแปลกๆกับพระสมปองมาก่อนละเรื่องการวางตัว แต่รายนั้นนิ่งกว่าเยอะ) ในใจผมคือถ้าท่านมาศึกษาธรรมะ ก็ควรทำให้ถูกต้องสิ ต้องสำรวม ต้องละทุกสิ่ง ต่อให้จะทำให้คนไม่สนใจศาสนาอีกเพราะน่าเบื่อ มันก็เรื่องคนที่จะเลือกศรัทธา แต่คุณเป็นตัวแทนศาสนาก็ต้องทำตัวให้ถูกต้องก่อน ให้คนเค้าเลือกจะเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง


แต่ก็ไม่แปลกใจที่แกจะพังพอสึกออกมา เพราะคนชอบแกก็แค่ชอบตามกระแส เหมือนกับศาสนาที่ทิดแกศึกษาและทำได้แค่ผิวๆ ไม่ได้เข้าไปในจิตใจหรือแก่นแท้ของมัน

คนที่เค้าติดตามอยู่มันก็ต้องมีอะไรที่เค้าชอบสิครับ
คนเราไม่ได้ชอบตามอุดมคติเสมอไป การจะชอบที่ตัวบุคคล ซึ่งประเทศนี้ยังคงมีอยู่มาก ก็ไม่แปลกที่คนจะยังติดตามทิด แค่เราไม่ชอบไม่ได้หมายความว่าคนอื่นเค้าจะคิดเหมือนเรา คำตอบก็คงประมาณนี้

เคยได้ยิน ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด หมองูตายเพราะงู ไหมครับ

มันเกิดกับทุกคนได้หมดครับ ตัวผมก็เช่นกัน
บางครั้งสอนคนอื่นได้เพราะเรามองเห็นปัญหาของเขา..แต่มันยากมากที่จะมองปัญหาของตัวเองออกแล้วแก้ไขได้
มันจึงเป็นที่มาของคำว่า ประสบการณ์

ทั้ง 2 ท่านอยู่ในผ้าเหลืองมานาน พอเป็นคนธรรมดา การรับมือกับปัญหาต่างๆยังใหม่อยู่แค่นั้นเอง
ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่เป็นความคาดหวังของคนไทย มันจึงเป็นกระแสอย่างมาก ในการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่มีขอบเขต

ถ้าจะมองย้อนกลับไปตอนท่านเป็น สมมุติสงฆ์ หรือภิกษุสงฆ์ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความหมายนี้ของคำนี้ก่อน
ก็คือ ผู้เข้ามาบวชเป็นภิกษุ ยังเป็นปุถุชนมีกิเลสเช่นสามัญชนทั่วไป แต่ปฏิบัติเพื่อความสะอาด สว่าง สงบ

แต่ละคนก็มีแนวทาง ความคิด การปฎิบัติ เป้าหมาย ไม่เหมือนกัน
แค่เพียงหลักธรรมคำสอน 1 หมวด ไม่สามารถให้คนบรรลุทุกคนได้ จึงมีการแตกย่อยมาอีกหลายๆหมวด ใครถนัดแบบไหนก็ปฏิบัติแบบนั้น ไม่ถือว่าผิด เพราะคนก็มีหลายแบบ หลายประเภท

ทุกวันนี้คนเรายังไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่น กับคำสอนหรือตัวบุคคลมากเกินไป โดยไม่ได้พิจารณาอย่างมีสติ คือ ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้ปฎิบัติตามที่ตนเองเชื่อ ก็คือผิด

ถ้ามองตามความเป็นจริง ทั้ง 2 ท่านก็แค่บุคคลธรรมดา ที่มีกิเลสเช่นสามัญชนทั่วไป ที่ทำมาหากินตามปกติ และไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนก่อนเลยด้วยซ้ำ

จะอะไรขนาดนั้น อินกันเนาะ

ไอดอลเช่นกันครับผม เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมดูฟุตบอลเลยครับ

เคยดูยูทูปแกตอนยังไม่ดังที่พาไปนู้นไปนี่ หัวเราะปกติเลย ไม่ใช่แบบตอนนี้ด้วยนะ ตอนนี้คือดูปลอมมากๆ

พระก็คือคนคับบวชมานานแค่ไหนก็คือคน ลองไปยืนด่าพระจริงๆเผลอๆโดนพระเตะปากคับ

ไม่คิดเหรอว่าที่เขาทำคือสิ่งที่เขากำลังสอนธรรมะในรูปแบบที่เป็นคนธรรมดาอยู่ เขาสอนเรื่องบาปกรรม คุณด่าเขาพอเขาเอามาแขวน คุณโดนด่า ก็เป็นกรรมของคุณ

คุณเป็นแฟนคลับเขาจริงไหม ถ้าจริงทำไมไม่เอาคำสอนเขามาใช้ รู้จักปล่อยวาง มาพิมพ์ด่า พิมพ์บูลลี่เขา ทำไมไม่เอาคำสอนเขามาใช้

ที่เขาเป็นตอนนี้ ทำอยู่ตอนนี้ ผมยังไม่เห็นเขาทำผิดเลยนะ มีแฟนมีความรัก ทำงานหาเงิน

เขาบอกว่าเขาอยากเป็นแบบที่เขาเป็น เขาขอแค่นี้ พวกคนที่ด่าๆต้องการให้เขาเป็นแบบไหนคับ เขาไม่อยากเป็นได้ไหม

สลิ่มกับสามกีบต่างกันนะ สามกีบเหมือนจะยอมรับว่าตัวเองเป็นชัดเจนว่าเอาอะไรหรือไม่เอาอะไร แต่สลิ่มคือบางทีไม่ยอมรับตัวเองว่าเป็นสลิ่ม ไม่รู้ว่าจะอายอะไรในเมื่อเป็นสลิ่มก็ยอมรับว่าเป็นสลิ่ม ชอบวางตัวทำมึนบอกเป็นกลาง ไม่เพื่อไทยหรือตามแซะก้าวไกล แล้วก็ไปยกหาเหตุผลอ้อมๆคอยแซะคนที่ตัวเองไม่ชอบอยู่นั่นทั้งๆที่แค่อยากจะแซะสามกีบหรือคนเชียร์เพื่อไทยเท่านั้นอะ มันต่างกันเยอะระหว่างสลิ่มหรือสามกีบ บางคนทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแต่พรีเซนตัวเองว่าเก่งทุกอย่างยังมี แค่ไพรวัลหรือน้าเน็คทำตามที่ตัวเองสอนคนอื่นไม่ได้ไม่ใช่เรื่องแปลก