ตรรกะที่ว่าถ้าไม่จริงฟ้องไปแล้วนี่เพี้ยนมากเลยนะครับ
บางคนก็ไม่อยากเสียเวลา
บางคนก็อุดมการณ์เยอะ อย่าง อ.ปิยบุตร แกไม่ฟ้องหมิ่นเลย

อันนี้ ตอบแค่เรื่อง ไปเที่ยวไม่สนใจลูก

ดูดีๆยูซต้นทางเขาเม้นว่า ท ใส่ร้าย ต เที่ยว , ไม่ใช่ ท ไป เที่ยว แต่มันคนละบรรทัดพอดี คนเลยอ่านแยกกัน

อันนี้ตอบแค่เรื่องนี้นะ ส่วนเรื่องทำจริงมั้ยนี่ไม่รู้เลย ไม่ได้ตามข่าว หรือคำพิพากษาจากศาลอะไร

จริงๆไม่ควรขุดมาเลยอ่ะ เพราะมันจบไปเเล้วศาลตัดสินเเล้ว ทั้งคู่ก็เเยกย้ายช่วยกันดูเเลลูก
ถ้าจะขุดเคสนี้ขึ้นมาฝั่งหญิงจะเสียหายมากกว่าทิมอีก ตอนนั้นก็มีเเต่คนยี้

โดนไปก่อนแล้วอ่ะ

มารอแคปเชียวนะ

ไม่ทราบครับ ก็เห็นเขาพูดขึ้นมา อีกอย่างอันนี้ผมขอ

เรื่องพฤติกรรมต่าง ๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย (ทิม, ต่าย) อย่าไปขยี้มาก เราไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง และต่อให้มันจะจริงไม่จริง มันจะส่งผลกระทบไปถึงเด็ก

คือท่านนั้นเขาจะพูดมั่วซั่วขึ้นมาก็ให้มันเป็นความรับผิดชอบของตัวเขาเอง เราอย่าไปต่อความเรื่องนี้

เอาแค่เรื่องที่อ้างคำวินิจฉัยศาลมั่ว ๆ ก็พอ แค่นี้ก็แถสีข้างถลอกแล้ว

มารอตั้งแต่มู้เครื่องบินตกแว้ว

คำวินิจฉัยตัวจริงผมไม่มีหรอกครับ ไม่งั้นก็ต้องขอทางฝ่ายทิม กับฝ่ายต่ายให้เปิดเผยคำวินิจฉัย
แต่ตัวคดีที่ 2 (คดีทำร้ายร่างกาย) มีคำวินิจฉัยแล้วว่า "ยกฟ้อง"

คดีที่ 1 พิธา ฟ้องหย่า และขอสิทธิดูแลลูก
– ในตอนแรกศาลให้พิธาชนะ ได้สิทธิดูแลลูก เพราะต่ายไม่มาขึ้นศาล ในวันที่มีนัดหมาย แต่ต่ายยืนยันว่า หมายศาลส่งไปผิดที่อยู่ เธอไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่าต้องมาขึ้นศาลวันไหน คำอ้างของต่ายฟังขึ้น ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่สุดท้าย พิธาตัดสินใจ ถอนฟ้อง ทำให้ พิธา กับต่าย ยังคงเป็นสามีภรรยากันตามเดิม มีสิทธิในตัวลูก 50 : 50 เท่ากัน

คดีที่ 2 ต่าย ฟ้องทิม ข้อหาทำร้ายร่างกาย
– ศาลตัดสิน ยกฟ้อง เนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นของฝ่ายหญิง ไม่มีหลักฐานพอ ว่าเกิดจากการทำร้ายของฝ่ายชาย

โดยต่าย ให้สัมภาษณ์กับไนน์ เอ็นเตอร์เทน ว่า “พอไต่สวนแล้ว มีการทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว แต่มันกระทบจิตใจเรา คือมันไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้มีความกังวลในการอยู่ร่วมกัน”

ขณะที่ตัว ทิม-พิธา เคยชี้แจงเรื่องครอบครัว แต่ไม่เคยลงดีเทล เนื่องจากระบุว่าไม่ต้องการให้กระทบกับตัวลูก

“เรื่องภายในครอบครัวที่ท่านแนะนำมาว่าควรเป็นเรื่องระหว่างคน 2 คน ผมเห็นด้วยครับ เป็นเพื่อน ช่วยกันเลี้ยงลูก เพราะผมยังมองถึงความผาสุกของลูกเป็นที่ตั้ง ขอให้ผมได้อยู่กับลูกอย่างสงบเถอะครับ” พิธาโพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรม แต่ไม่เคยพูดปฏิเสธหรือยอมรับชัดเจน
Ref: Workpoint Todays

จากข้างต้น ก็ระบุชัดเจนครับ ว่าที่บอกออกมาว่า "มีการทำร้ายร่างกายจริง บลาๆๆ" เป็นคำพูดของ ต. ที่ให้สัมภาษณ์กับ Nine Entertain เท่านั้น

และจากทาง https://www.sanook.com/news/7779026/ กับ https://www.voicetv.co.th/read/5X9YuoQb9
https://gossipstar.com/news/thai/149195.html

ก็เขียนเหมือนกันตรง คำวินิจฉัยของศาลว่า "ไม่เป็นความจริง"

อ่านต่อเชิญที่คอมเม้นของคุณ Wolvesgangster
http://www.soccersuck.com/boards/topic/2087417/3

สรุปได้ว่า Laolăoshī ที่ออกมาบอกว่า "ศาลตัดสินแล้วว่าทำร้ายร่างกายจริง แต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว สาเหตุมาจากความเครียดในที่ทำงาน" เป็นการนำบทคำสัมภาษณ์ของต่ายให้กับ Nine Entertain

และ "ดนไล่ออกจาก grab หลังจากเข้าไปทำได้ไม่นาน" นี้ ไม่สามารถหาข้อมูลได้ ไม่รู้ไปเอามาจากไหน

ทำไมผมตกขาว

เอาจริงๆนะ กลุ่มแรกที่ขุดเรื่องนี้ไม่ใช่สลิ่ม แต่เป็นเฟมทวิต

เพื่อนบ้านทิมยังไม่รู้เยอะขนาดนี้อ่ะ

เอาจริงๆ ถ้าทิมได้มีตำแหน่งในรัฐบาลขึ้นมา ก็คงโดนคุ้ยเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักแน่ๆ แหละ ยังไงก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตอบคำถามสื่อ

อาจจะไม่เกี่ยวแต่ชอบต่ายจากเรื่องนี้เลยยย

ไม่ได้ขยี้คัย ถ้าตามตรรกะคห.นั้นคือถ้าใส่ความละทิมไม่ฟ้องแสดงว่าทำจริงผิดจริง

คุณโอเคกับตรรกะนี้เหรอถามจริง?

พิมพ์ใส่ความอะไรก็ได้อย่างกับtopnewsในบอร์ดแบบนี้ต่างอะไรกับioมาปั่น

ส่วนคำวินิจฉัยศาลผมก็รออยู่คับ แต่ให้เดาก็เหมือนเดิมๆทุกครั้งคือ "ไม่มี"

ข่าว!!

ยังเสียดายน่าจับการแสดงต่อน่าจะฝากผลงานดีๆได้อีกหลายเรื่อง