ทำไมครูไทย ไม่มีสิทธิสอนหนังสืออย่างเดียว ?
เราได้ยินคำว่า ปฏิรูป พัฒนา ยกระดับการศึกษามากี่ครั้งแล้ว
.
ทำไมครูไทยไม่มีสิทธิสอนอย่างเดียว แล้วการที่ไม่สอนอย่างเดียวมันจะพัฒนาระบบการศึกษาได้จริงใช่ไหม ?
.
การยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม อย่างเเรกเลยคือเอางานที่ไม่เกี่ยวกับการสอนออกไปจากครู อยากรู้มากว่า ประเทศที่พัฒนาอย่างฟินเเลนด์ ญี่ปุ่น
มีประเทศไหนบ้างที่ครูเขาต้องมาทำการเงิน พัสดุ อาหารกลางวัน และต้องมาเข้าเวรเป็นยามที่ไม่มีแม้แต่กระบองให้
.
ภาพความเสียสละของครูเป็นภาพที่ถูกมองว่าน่ายินดี ครูไทยทำได้ทุกอย่างทั้งที่ความจริงภาพเหล่านั้นมันกำลังปกปิดความเน่าเฟะของระบบ
เวลาในห้องเรียนของครูกับนักเรียนคือสิ่งที่ไม่มีค่าซึ่งใครจะพรากเอาไปก็ได้
ให้ไปทำอะไรก็ทำด้วยคำว่า "ภาระงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย" อยากยัดอะไรมาให้ครูทำได้หมด หน่วยงานนั่นนี่จะเข้าโรงเรียน ครูต้องมาทำเอกสารให้ตรง ต้องมาหาใบเสร็จหัวหมุนทำไมระบบการศึกษาบ้านเราทำให้คนเป็นครูรู้สึกว่า
.
" ไม่สอนไม่เป็นอะไร แต่ถ้างานนอกไม่ทำมีปัญหาแน่นอน "
แล้วลำดับความสำคัญอย่างแรกที่ต้องทำจะกลายเป็นอะไร
.
แต่ละวันแต่ละคืนต้องมาคอยอ่านไลน์ มีอะไรสั่งมาบ้าง ต้องทำอะไรบ้างหรือพลาดอะไรไหม ชีวิตส่วนตัวถูกรุมเร้าและได้รับผลกระทบ เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง คือคำที่ใช้กับครูที่ทำการเงินพัสดุ บางครั้งลำบากใจเมื่อผู้บริหารเบิกจ่ายเงินไปใช้แบบไม่ถูกต้อง จะงัดข้อก็อยู่ลำบากไม่เติบโตแล้วน้อยครั้งนักที่ครูกับผู้บริหารสู้กันแล้วครูจะชนะ
.
ครูอยากสอนไม่ได้อยากทำอย่างอื่น มีครูหลายคนยินดีที่จะสอนเต็มทุกชั่วโมงก็ยังได้ถ้าแลกกับการที่ไม่ต้องมีภาระงานอื่น สอนจบกลับบ้านเตรียมสอนวันต่อไป ไม่ต้องเครียดมาตามงานนั่นนี่ที่คั่งค้าง ต้องเอากลับไปทำที่บ้านมีคำกล่าวหนึ่งบอกเอาไว้ว่า
.
"คนที่เอางานกลับมาทำที่บ้านจะมีความเครียดมากกว่าคนอื่น เพราะคุณสูญเสียเวลาส่วนตัวไป ทำให้ความสุขในชีวิตน้อยลง " ก็ให้ไปคิดดูเอาเองว่าจริงไหมนึกย้อนไปวันที่งานไม่เสร็จเเล้วต้องทำต่อความรู้สึกคุณเป็นแบบไหน
.
งานสอนคือสิ่งที่ครูอยากทำ คือสิ่งที่ครูถนัด ไม่ทำไมว่าไม่เข้าใจกัน ไม่เห็นความสำคัญของงานสอน ถามว่าเอามาทำงานอื่นได้ไหม ? มันทำได้ แต่ไม่คุ้มค่า ให้ครูไปทำงานเอกสาร ไปตัดหญ้า ทำกับข้าวแล้วจะจ้างมาเพื่อเป็นครูทำไม ?
.
ลองคิดอย่างนี้ว่าทำไมเราไม่ให้เชฟที่ทำอาหารเก่ง ๆ มาทอนเงิน มาจ่ายตลาด เสิร์ฟ เช็ดโต๊ะ ล้างจาน ทั้ง ๆ ที่เขาทำได้แน่นอนไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
คำตอบก็ง่าย ๆที่เราไม่ทำอย่างนั้น "เพราะมันไม่คุ้มค่า " วันนั้นเชฟอาหารจะทำอาหารได้แค่ 10 จานแต่กลับกันถ้าให้เขาทำอาหารอย่างเดียวเขาอาจทำได้เป็นร้อยจาน บุคคลากรสายสนับสนุนจึงมีส่วนสำคัญมากในการผลิตงาน เช่นเดียวกันถ้าครูมีแค่งานสอนเขาก็จะพัฒนาได้นักเรียนได้เป็นร้อยเป็นพันคน จะจ้างเขามาด้วยเงินเดือนที่สูงแต่ให้มาทำงานพื้นฐานที่ไม่คุ้มค่าจ้างไปเพื่ออะไร ?
.
ทำไมครูไทยต้องมีชะตากรรมแบบนี้
ทำไมเราไม่มีสิทธิได้ทุ่มเทกับการสอนอย่างเต็มที่ เวลาประเมินขั้นเงินเดือนมันควรแข่งกันสอน แข่งกันสร้างเด็กไม่ใช่ว่าใครรับภาระงานนอกมากกว่ากัน เอางานพวกนี้ออกไปได้แล้ว งานเหล่านี้ไม่มีใครอยากทำ ทุกอย่างมีแต่คำว่า"จำใจ"และ"เสียสละ" แล้วถ้าเสียสละจนตายมันจะเปลี่ยนไหม
.
เวลาที่ครูเครียด ครูต้องออกนอกห้องเรียนใครคือคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือนักเรียน ก็คือลูกหลานของพวกท่าน " สั่งงานไว้สิ " เรามักจะได้ยินคำนี้บ่อย ๆ ก็ถ้ามันง่ายขนาดนั้นทำไมไม่สั่งทั้งเล่มไปเลย
เรียนออนไลน์ก็น่าจะเห็นว่าเป็นอย่างไร เด็กต้องการครูสอนครูอธิบายตรวจแก้ให้ความรู้เวลาที่เขาทำผิด ไม่ใช่สั่ง ๆ โดยไม่สอน
.
แล้วไม่ต้องมาสาระเเนบอกว่า "ไม่พอใจให้ลาออก" เขาไม่พอใจงานนอก แต่ชอบงานสอนหนังสือ ถ้าไม่ชอบที่จะสอนหนังสือเมื่อไหร่ เมื่อนั่นเขาจะไปลาออกเอง
.
เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจลองเสนอนโยบาย "ให้ครูสอนอย่างเดียว " เชื่อเถอะว่าท่านจะได้ฐานเสียงจากครูเป็นแสน ๆ
-------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : Facebook วันนั้นเมื่อฉันสอน
ผู้เขียนได้เขียนแทนความรู้สึกในใจของผมไปหมดแล้ว และส่วนตัวมองว่าปัญหานี้ ควรได้รับการแก้ไขมากกว่าไปแก้เรื่องหนี้สินของครู ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ