มันเป็นคำที่แบบ เรารู้สึกได้นะว่ามันคืออะไรคนพูดต้องการจะสื่ออะไร แต่เราไม่รู้นิยามของมันหรือเขียนออกมาเป็นคำพูดไม่ได้555

วิธีการกรองความคิด ว่าวิธีไหนดีที่สุดในการอ่านเกมส์ รวมถึง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือการคาดเดา ตำแหน่งของเพื่อนรวมทีมเวลาที่เราได้บอลแต่ละที และจะจ่ายให้เพื่อน และคาดเดาได้ว่าจ่ายไปตรงพื้นที่ว่างตรงนี้ จะมีเพื่อนเข้ามารับบอล ซึ่งบางทีก็ต้องเล่นกันเป็นทีม หรือการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ว่าง เพื่อให้เพื่อนจ่ายบอลให้กับเรา ทั้งคอย cover หรือ หาตำแหน่งที่ว่างเวลาบุก ถ้าเพื่อนครองบอลอยู่และจะหันไปจ่าย ก็จะเห็นเราในตำแหน่งที่ ยืนรอรับบอลตลอด เป็นคนที่อ่านเกมส์ได้ทั่วสนาม เหมือนการเดินหมากรุกอะครับ ว่าควรจะเคลื่อนบอลไปทางไหน หรือ หาจังหวะจ่ายโจมตีคู่แข่งให้ได้เปรียบที่สุด ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน ก็คือ คนที่อยู่ในสนามแต่สามารถมองเกมส์ออกได้เกือบทั้่งสนาม เหมือนเวลาเราดูบอลหน้า tv หรือ บนอัฒจรรย์ ซึ่งจะเห็นทั้งคนครองบอล และไม่มีบอลและตำแหน่งที่เพื่อนว่าง

สำหรับผมคือ สัญชาตญาณในการเล่น

ถ้ายกตัวอย่างคือ เหมือนการคิดเผื่อจังหวะต่อไปว่าจะเล่นแบบไหนต่อดี

ผลลัพธ์คือ การทำให้ทีมได้เปรียบจากจังหวะนั้นๆ

ของแบบนี้มันสอนกันยากหน่อย เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเหมือนกันหมด

ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็จะมี สัญชาตญาณในการเล่น แตกต่างกันออกไป

ลองดูพวกนักเตะ wc โดยเฉพาะจังหวะไม่มีบอล จะเห็นว่าทำตัวเองได้เปรียบตลอด

เมสซี่เคยบอกว่า ''การตัดสินใจเล่นที่ดีที่สุดของตัวเองไม่ได้มาจากสมองแต่มาจากสัญชาติญาณต่างหาก"ผมว่าตรงนั้นแหละคือเซ้นบอล ซึ่งทุกคนมีไม่เท่ากัน เหมือนสมองมันคำนวณอัตโนมัติโดยที่จิตสำนึกมันยังคิดตามไม่ทันด้วยซ้ำ ถ้าใครเคยเตะบอลมันจะชอบมีจังหวะที่เราReactionออกมาเองและออกมาเป็นเพลย์ที่ดีมากโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรลงไป ซึ่งผมว่าทุกคนมีมันนะแต่มากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่คน เมสซี่อาจจะเป็นคนที่ดึงตรงนั้นมาใช้ได้บ่อยที่สุดในโลก ระบบการฝึกซ้อมของโลกฟุตบอลก็ใช้หลักการณ์เดียวกันคือทำเพื่อลดภาระในการคิดของนักเตะลงให้เล่นตามระบบ หรือจะบอกว่าในสนามฟุตบอลการคิดด้วยตรรกะมันไม่ได้รวดเร็วและแม่นยำเหมือนการReactionจากสัญชาติญาณก็ได้มั้ง