ผมคิดเหมือนคุณทุกอย่างเลย ว่าประเทศเราให้คุณค่ากับหมอมาก ซึ่งเข้าใจได้แหละว่าเป็นอาชีพที่เสียสละ

แต่สังเกตมั้ย ว่าถ้าเป็นหมอ หรือบุคลากร าฝการแพทย์อื่นพูดจาไม่ดีกับคนไข้
หรือกับคนอื่น สังคมจะหาเหตุผลมารองรับให้เสมอ

ผิดกับอาชีพอื่น ที่สังคมพร้อมที่เหยียบซ้ำ

ตอนแรกผมคิดว่าสูงสุดน่าจะหมอ
พอรุ่นพี่สอบได้ผู้ช่วยผู้พิพากษาเท่านั้นล่ะเปลี่ยนความคิดเลย
โตสายกฎหมายนี่เป็นยอดของ elite เลยไม่ว่าจะไปอัยการหริอผู้พิพากษา
เหลือพวกที่อยู่ในก.การต่างประเทศอันนี้ไม่มีคนรู้จักเลยแต่คิดว่าไม่น้อยหน้าแน่ๆ

เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค 

ไม่จริงครับ เห็นอาชีพที่ใช้ความพยายามน้อยกว่า แล้วทำเงินไม่น้อยกว่าก็มีครับ

หมอบางคน อาจจะอยู่ในสถานะที่รายได้ดีมีหน้ามีตาเยอะ แต่เอาเข้าจริงสังคมหมอนี่กดดันกว่าที่เห็นพอสมควรเลยครับ

อาชีพหมอต้อง รับมือกับชีวิตคนตลอดเวลา พลาดขึ้นมาทีผมว่าผลกระทบหนักกว่าหลายๆอาชีพเลย

แต่ก้สมควรได้รับความเคารพในสังคมนะ เพราะผมมองว่าคนทำอาชีพนี้ ส่วนใหญ่ต้องขยันมากจริงๆ

พิมพ์แล้วลบหลายรอบมาก เอาเป็นว่า มันไม่้ได้สวยงามแบบที่คุณคิดหรอก

หมอเอกชนไม่รู้
แต่ถ้าเป็นหมอรัฐ ยิ่งเป็นหมอใช้ทุน ทำงาน+เข้าเวร อาทิตย์ละเกือบร้อยขั่วโมง
ขายวิญญาณทำงานแบบนี้ ใครจะทำก็ทำเถอะ

ไม่เคยคิดเลยครับ เรียนก็ยาก ทำงานก็ไม่มีเวลาพัก

ผมเชื่อครับ ว่าถ้าเป็นหมอนี่จะเหนือกว่าทันตแพทย์ขึ้นไปอีกเพราะส่วนมากผู้บริหารกระทรวงสาสุขเป็นหมอ ขนาดองค์กรเภสัช หมอยังเป็นผู้บริหารเลย แต่พอดีไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นหมอที่สนิทด้วย เลยเอาประสบการณ์เพื่อนสนิทที่เป็นทันตแพทย์มาเล่า อนุมานเอาว่าหมอฟันก็คือหมอเหมือนกัน

ถ้าคุณมองในมุม การเป็น “ลูกจ้าง” อาชีพ หมอ ก็ถือว่า เป็นอาชีพที่รายได้สูง แต่ก็ทำงานหนักเหมือนกัน

แต่ถ้าคุณเป็น เจ้าของกิจการ/บริษัท ที่ประสบความสำเร็จพอประมาณ ผมว่า สบายกว่าหมอเยอะเลยนะ

อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับท่านเลยครับว่าอัยการหรือศาลเหนือกว่า เป็นอาชีพที่สตาร์ทซีสูงสุดแล้วมั้งในสายราชการ เพื่อนผมเป็นอัยการ ตำรวจยศพันขึ้นยังต้องเกรงเลย ข้างบ้านร้องเกะเสียงดังโทรเรียกตำรวจมาเคลียร์ปัญหาจบในหนึ่งวันได้ คือ elite จริง

แต่ปัญหาคืออย่างที่ผมบอกไว้ครับว่า หมอเป็นอาชีพที่ everyone wins แต่นักกฎหมายคือ winner takes all มีแต่ห่วงโซ่อาหารของอาชีพสายกฎหมาย คือ ศาล อัยการ ที่ win ลองลงมาก็อาจจะพวก law firm , ทนาย บางส่วน จบนิติต้องสอบตั๋วทนาย พอได้ตั๋วทนายสอบเนติ ถ้าผมจำไม่ผิดคนสอบเนติผ่านน่าจะแค่ 10-20% แล้วเนติอีกไม่ถึง 5% ที่สอบอัยการหรือผู้พิพากษาได้ บอกเลยเส้นทางโหดหินมาก ยกเว้นคุณรวยพอที่จะไปเรียนเมืองนอกเพื่อสอบสนามจิ๋วก็อีกเรื่อง

เหลือ ก.การต่างประเทศนี่ล่ะครับ คนเก่งๆจ้องสอบเข้าเยอะเหมือนกันนะ
คนรอบข้างไม่มีสักคนเลยไม่รู้ว่าดีขนาดไหน
ผมคิดว่าเพื่อนในบอร์ดเราน่าจะมีคนรู้จักมั่งล่ะ ไม่ต้องถึงขั้นนักการทูต(อันนั้นน่าจะไปไกลโคตรๆเลยเคยไปส่งของให้บ้านโคตรใหญ่รอบๆมีแต่บ้านใหญ่ๆบางบ้านถึงกะชื่อบ้านแปะป้ายอดีตรัฐมณตรี)
รอฟังเลยผม

คิดงี้จริงดิ? เพื่อนผมเป็นหมอเยอะมาก เห็นแล้วสงสารมัน งานหนักชิบ เงินเดือนก็ 3-4 หมื่นเหมือนพนักงานทั่วๆไป แต่ถ้าไปเอกชนก็คงได้มากขึ้นแหละ

อาชีพหมอดีตรงที่มันมั่นคงนี่แหละ รายได้ปานกลางไปค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับลูกจ้างทั่วไป แต่มั่นคงมากๆ ในไทยนะ แต่ถ้าคุณทำธุรกิจอย่างอื่นแล้วประสบความสำเร็จ คุณก็คงจะไม่อิจฉาหมอหรอก แต่มันยากตอนเริ่มแรก ต้องทำงานหนักมากๆช่วงนึง แต่ถ้าถามผม ผมไม่อิจฉาอะ ผมชอบความอิสระ ทำงานอิสระ แล้วทำที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แค่มี notebook ตัวเดียว แบบนี้เป็นชีวิตที่ผมชอบมากกว่า

ให้มีเกียรติ ผมมีความรู้ ความขยัน ผมก็ขอบายๆอาชีพหมอไปอาชีพหนึ่งละ

หมอ กับ ครูมีเกียรติมากนี้ละ เพราะมีผลต่อชีวิตคนไม่ว่าจะรักษา กับ สอนให้มีความรู้ มีแต่ครูน้อยลงไปเยอะมาก

สำหรับผมแล้วก็ตามนั้นละ เอาเป็นว่าต่างประเทศหมอก็ยังเป็นอาชีพที่มีเกียรติไม่ต่างจากประเทศเราเลย

ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายอาชีพทำเงินดีกว่าหมออะ ความรับผิดชอบกับเวลาให้ครอบครัวมากกว่าหมอ

แต่ไม่ใช่ข้าราชการแค่นั้นเอง ยกเว้น อัยการ กับ ผู้พิพากษา

หมอบางคนยอมเลือกลาออกไปเรียนสายกฎหมายมาเป็น อัยการ ผู้พิพากษาเลยครับ

อาชีพนี้ไม่ต้องแข่งขันเพราะว่าจบมาแต่ละคนก็มีความรู้ทั้งนั้นครับ ไปได้ทั้งราชการ โรงพยาบาลเอกชน คลินิค ไม่ก็ไปสิงคโปร์

หมอไม่ได้ขาดแคลนด้วยนะ แต่ไปกระจุกใน กทม เยอะ

กลับกันถ้าหมอไทยทำแบบ หมอแคนาดาไม่อกแตกตายเลยหรอครับ ไม่ได้ตรวจคนไข้วันละหลายสิบคนต่อวันเหมือนไทยนะ

เป็นแค่ไข้หวัดใหญ่ได้แค่เจอพยาบาล ไม่ได้อยู่ข้างในพูดได้หมด

เค้าสมควรได้รับเกียรติกับเงินครับ แต่ถ้าผมมีปัญญาเป็นหมอก็ขอบายดีกว่า 555 เลือกได้ขอเป็นเจ้าของธุรกิจที่รันระบบจนอยู่ตัวแล้วดีกว่า