ตัวผมเคยเป็นวิศวกรหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว อยากเล่าเรื่องของเพื่อนสนิทที่เป็นทันตแพทย์ เกริ่นนำก่อนคือ เราเป็นเพื่อนสนิทกันมา 25 ปีได้แล้วเพราะรู้จักกันตั้งแต่เรียน ป.6 ห้องเดียวกัน ม.ต้น-ม.ปลาย ก็ห้องเดียวกัน ขนาดมหาลัยยัง ม.เดียวกันแถมเป็นรูมเมทกันด้วย ช่วงชีวิตที่ไม่ค่อยเจอมันเลยคือช่วงที่ผมเรียนจบ แล้วย้ายมาทำงานใน กทม. ส่วนมันเรียน 6 ปีแถมเป็นช่วงขึ้นคลินิก ช่วงนั้นต่างคนต่างยุ่งกับชีวิตตัวเองมากเลยไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ พอมันเรียนจบก็กลับไปใช้ทุนที่จังหวัดบ้านเกิด รับทุนเรียนต่อ รพ.เดิมแล้วก็อยู่ยาวเลย ในขณะที่ผมลาออกจากหน่วยงานตอนอายุ 30 แล้วก็กลับไปทำธุรกิจของตัวเองที่จังหวัดบ้านเกิด ก็คือที่ๆเพื่อนหมอคนนี้ทำงานนั่นแหละ พอผมมาทำงานที่นี่ก็เจอมันบ่อยขึ้น ไปไหนไปกันและคุยเรื่องงานของตัวเองกันตลอด ด้วยเพราะทั้งมันและผมต่างเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตกันทั้งคู่ด้วยแหละแถมทั้งมันและผมก็เป็นคนที่เพื่อนสนิทน้อยด้วยกันทั้งคู่ ที่เกริ่นมายืดยาวคือผมจะบอกว่า การที่ผมอิจฉาอาชีพหมอโดยอิงจากเพื่อนคนนี้นั้น ไม่ใช่การอ้างอิงแบบผิวเผิน แต่ผมสัมผัสมันจริงๆจากที่เปรียบเทียบอาชีพมันกับผมมาตลอดหลายสิบปี อาชีพหมอไม่ได้เหนือกว่าแค่เรื่องรายรับอย่างเดียวเท่านั้น แต่ privilege ในด้านอื่นของชีวิตก็เหนือกว่าอาชีพอื่นๆมากด้วย

- ตอนมันเรียนโรงเรียนเดียวกับผมก็เป็นคนธรรมดานะ แต่พอสอบติดหมอฟัน ทั้งเพื่อนทั้งญาติก็เติมสรรพนามนำหน้าให้ว่า หมอ…แล้ว เคยไปเดินซื้อของที่ตลาดมหาลัยกับมันตอนที่มันเป็น นศ.ใส่เสื้อกาวน์ แม่ค้าก็เรียกว่าคุณหมอแล้ว ทั้งที่จริงๆมันเป็นแค่ นศ. ด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเกียรติยศมาตั้งแต่ยังไม่จบหมอเลย แค่ได้เข้าเรียนก็มีเกียรติแล้ว ที่ตลกคือมีครั้งนึงเค้าให้ผมไปบรรยายให้ นศ.แพทย์ฟัง ตอนเปิดงานมีนายอำเภอพูดเปิด ประโยคนึงที่นายอำเภอพูดผมยังจำได้จนทุกวันนี้เลยว่า “ที่อาจารย์หมอ เค้าให้คุณหมอมาลงชุมชนเพราะว่าอาจารย์เค้าอยากให้คุณหมอได้สัมผัสชีวิตชาวบ้านครับ เพราะอีกหน่อยคุณหมอจบไปคือเป็นคนชนชั้นสูงแล้ว คุณหมอมาลงชุมชนนี้อีกหน่อยจะได้เข้าใจชาวบ้านมากขึ้น “ ตอนนั้นผมฟังก็คิดว่านายอำเภอแม่งพูดโอเวอร์ว่ะ เวลาผ่านไปหลายสิบปีผมถึงเข้าใจว่า นายอำเภอเค้าผ่านโลกมาเยอะและเค้าพูดถูกจริงๆ

- ตอนมันใกล้เรียนจบมันถามผมว่า “สมัครบัตรเครดิตไรดีวะมรึง มีบู้ตบัตรเครดิตมารับสมัครถึงตึกคณะเลย” ผมก็ให้มันส่งรายละเอียดมาให้ดู พบว่า บัตรเครดิตหลายใบคือเป็น class บนของแบงค์เลย บางใบต้องเงินเดือนขั้นต่ำ 80k-100k ถึงจะสมัครได้ แถมให้ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพเฉพาะอาชีพหมออีก ผมเห็นแล้วโคตรอิจฉา อาชีพอื่นนะต้องทำงานกี่สิบปีถึงจะได้บัตรนี้มา ในขณะที่พวกหมอเรียนยังไม่จบสมบูรณ์เค้าก็อนุมัติให้แล้ว

- กู้เงินก็ง่าย กู้ได้เยอะแถมไม่ต้องมีอะไรค้ำ เพื่อนผมกู้เงินเปิดคลินิก 5 ล้านไม่ต้องใช้หลักทรัพย์อะไรค้ำซักอย่าง แบงค์ให้เฉพาะหมอกับหมอฟันเท่านั้น สายสุขภาพอื่นกู้แบบนี้ก็ทำไม่ได้ จะกู้บ้านหรือผ่อนรถยุโรป ก็มีโปรเฉพาะหมอหรือหมอฟันอีก เหลื่อมล้ำสุดๆ เพื่อนผมซื้อ BMW ก็ได้ส่วนลดอาชีพพิเศษ 3 แสน บางช่วงมีโปรให้หมอผ่อน 0% อีก

- พึ่งเรียนจบทำงานราชการ เงินเดือนสตาร์ทก็ 3 หมื่นแล้ว รับจ็อบคลินิกก็คูณอีก 1-2 เท่าตัว เพื่อนผมเรียนจบปุ๊บทำทั้งราชการทั้งคลินิก รายรับรวมเดือนแรกที่ผมจำได้คือ 6 หมื่นกว่า พอยิ่งอายุงานเยอะยิ่งเชี่ยวชาญ รักษาได้หลายอย่างขึ้น เงินคลินิกก็ยิ่งพุ่งกระฉูด ทุกวันนี้รายได้มันจากคลินิกอย่างเดียวคือ 2-3 แสน ไม่รวมงานราชการอีกเกือบแสน สวัสดิการก็มี

- อยู่ใน รพ. ก็มีแต่คนเคารพ อันนี้ตามความเข้าใจของผมเองไม่รู้ว่าถูกมั้ย ในรพ.จะมีลำดับของแต่ละอาชีพสายสุขภาพอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าอาชีพหมอคืออยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร งานบริหารหรืองานที่ต้องรับผิดชอบเยอะเค้าก็ยกให้หมอทำ อาชีพอื่นก็ได้งานรองลงมา เรียกได้ว่าทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวใครกดขี่เพราะอาชีพสายสุขภาพอื่นไม่กล้าด่าหมอหรอก(อาจยกเว้นหมอด้วยกันหรือ ผอ.ไว้ซักคน)

- เป็นอาชีพที่นายจ้างยังต้องเอาใจ ไม่กดขี่ ตอนที่ไปทำคลินิกเอกชน เปรียบกับอาชีพอื่นคือหมอรับจ้างเป็นลูกน้องหมอเจ้าของคลินิก แต่ที่ต่างคือ ไม่โดนเจ้านายสั่ง ไม่โดนกดขี่ ไม่โดนด่า เพราะหมอมีจำนวนน้อย คลินิกหาหมอแทนยากเลย เจ้าของคลินิกเลยต้องง้อหมอ บางที่ก็เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ ผู้ช่วยก็ต้องเทคแคร์หมอ

- เป็นอาชีพที่ลูกค้ายังต้องง้อขอใช้บริการ ผมเคยไปนั่งรอมันในคลินิก คนไข้มาหาก็ยกมือไหว้ รักษาเสร็จก็ยกมือไหว้ ในขณะที่หมอห้องข้างๆขูดหินปูนคนไข้เจ็บมั้งไม่แน่ใจ คนไข้ร้องตลอดเวลาจนหมอรำคาญ หมอตะคอกเลยว่า “จะทำมั้ย ไม่ทำก็กลับ” นี่ขนาดในคลินิกคนไข้ยังง้อขนาดนี้ ไม่รู้ที่รพ.รัฐจะขนาดไหน ถ้าเปรียบเทียบคลินิกเป็นเหมือนบริษัทเอกชน บอกเลยอาชีพอื่นไม่มีทางหรอกที่ลูกค้าต้องยกมือไหว้เนี่ย มีแต่คนขายแทบกราบลูกค้า อาชีพหมอคือตรงข้ามกับทุกอาชีพ

- ไปไหนคนก็ยกย่องในความเป็นหมอ มี impact ต่อสังคมสูง ตั้งแต่ผมกลับมาที่ต่างจังหวัดกับมัน เราก็ไปด้วยกันหลายที่ เจอคนหลากหลายอาชีพตั้งแต่ ตำรวจ อัยการ เด็กเชียเบียร์ พ่อค้าแม่ค้า ข้าราชการ สิ่งที่คนเหล่านี้ปฎิบัติกับผมและเพื่อนต่างกันมาก พวกนี้เค้าไม่ได้ด้อยค่าผมนะแต่เค้าจะปฎิบัติกับเพื่อนหมอผมพิเศษกว่าชัดเจน มีครั้งนึงนั่งรถมันไปเจอตำรวจโบกความเร็ว ตอนแรกตำรวจจะให้จ่ายค่าปรับ พอตำรวจรู้ว่าเป็นหมอก็บอกว่า “ไปได้เลยครับคุณหมอ ไม่เป็นไร คนไข้รออยู่ “ ทั้งที่วันนั้นเป็นวันหยุดนะ ยิ่งช่วงโควิด อาชีพนี้ยิ่งฮ็อตไปใหญ่

เมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพตัวเองและหลายๆอาชีพแล้วจะบอกว่า ผมอิจฉาอาชีพนี้นั่นเอง ถึงกับต้องสมัคร user ใหม่มาเล่าเลยทีเดียว อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ห่างอาชีพอื่นมากแบบไม่เห็นฝุ่น เป็นอาชีพที่ไม่ต้องแข่งขันกันเพราะทุกคนในอาชีพนี้เหนือกว่าอาชีพอื่นหมด ต่อให้คุณรั้งท้ายและพ่ายแพ้ในอาชีพนี้ คุณก็ก้าวหน้าได้มากกว่าหลายอาชีพอยู่ดี เรียกได้ว่าหมอเป็นอาชีพที่ Everyone wins แต่อาชีพอื่นแค่ Winner takes all ทุกวันนี้อายุใกล้เหยียบเลข 4 แล้วถึงเข้าใจว่า ทำไมค่านิยมเด็กเลือกเรียนหมอถึงมีอยู่ เพราะพ่อแม่เด็กพวกนั้นเค้าเข้าใจโลกนั่นเอง นึกแล้วเสียดายที่แต่ก่อนตัวเองไม่เลือกเรียนทั้งที่ผมกับเพื่อนเรียนเก่งแทบไม่ต่างกัน เกรดเฉลี่ยผมดีกว่าด้วยซ้ำ ผมบอกตรงนี้เลยว่าใครจะด่าผมก็ชั่ง อีกหน่อยผมมีลูกผมจะแนะนำให้เรียนหมอก่อนอาชีพอื่นแน่นอน

ทำไมไม่มองอีกมุมที่เขายอมทิ้งอะครับ

ผมใกล้ๆเลย น้องสาวเนี่ย

ม.ต้น ม.ปลาย เรียนพิเศษรัวๆ กิจกรรมไม่ต้องพูด ไม่มีแจมแน่นอน มีแค่ค่ายโอลิมปิกแค่นั้น ต้องแข่งกับตัวเอง เรียนเก่งไปก็โดนเพื่อนบูลลี่ โดนเอาลิขวิดด่าบนโต๊ะเรียนก็มีมาแล้ว สาเหตุเพราะ เกรด 4.00

เรียนมหาลัยไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดนอาจารย์กินหัว อ่านหนังสือวันละ 12 ชั่วโมง

ทำงานจบมาคิดว่าสบาย เปล่าเลย ทำงานเข้าเวรเหมือนบ้านหนี้สิบล้าน น้องผมทำงานปีแรกคนไข้มาแล้วหัวใจหยุดเต้น น้องปั๊มเองครึ่งชั่วโมงไม่ขึ้น ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลอีก

โควิดนี่สวอบจนปลดล็อคสกินจมูกทอง

แต่คนมองว่า อาชีพนี้สบาย เงินเยอะ รวยๆๆๆ เป็นหมอกันเยอะๆๆๆ

พิมพ์แล้วลบหลายรอบมาก เอาเป็นว่า มันไม่้ได้สวยงามแบบที่คุณคิดหรอก

เมื่อก่อนถือว่าทิ้งห่างมาก จนหมอยงกับพรรคพวกมาช่วยกันฉุดนี่แหละ

ถ้าในไทยก็คงใช่แหละครับ

ทำไมไม่มองอีกมุมที่เขายอมทิ้งอะครับ

ผมใกล้ๆเลย น้องสาวเนี่ย

ม.ต้น ม.ปลาย เรียนพิเศษรัวๆ กิจกรรมไม่ต้องพูด ไม่มีแจมแน่นอน มีแค่ค่ายโอลิมปิกแค่นั้น ต้องแข่งกับตัวเอง เรียนเก่งไปก็โดนเพื่อนบูลลี่ โดนเอาลิขวิดด่าบนโต๊ะเรียนก็มีมาแล้ว สาเหตุเพราะ เกรด 4.00

เรียนมหาลัยไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดนอาจารย์กินหัว อ่านหนังสือวันละ 12 ชั่วโมง

ทำงานจบมาคิดว่าสบาย เปล่าเลย ทำงานเข้าเวรเหมือนบ้านหนี้สิบล้าน น้องผมทำงานปีแรกคนไข้มาแล้วหัวใจหยุดเต้น น้องปั๊มเองครึ่งชั่วโมงไม่ขึ้น ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลอีก

โควิดนี่สวอบจนปลดล็อคสกินจมูกทอง

แต่คนมองว่า อาชีพนี้สบาย เงินเยอะ รวยๆๆๆ เป็นหมอกันเยอะๆๆๆ

มีเพื่อนเป็นหมอเหมือนกันครับ และผมก็เป็นคนนึงที่เคารพวิชาชีพหมอมากกว่าอาชีพอื่นอยู่บ้าง แต่ถามว่าอิจฉาไหม ไม่เลย ถ้าเลือกได้อยากเป็นไหม ยิ่งไม่ จากที่ผมได้ยินแกเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เป็นอาชีพที่ไม่น่าทำที่สุดอาชีพนึงสำหรับผมเลย งานหนัก นอนไม่เป็นเวลา อิสระไม่มี รับมือกับคนไข้วันละเป็นร้อย ยิ่งเห็นตอนแกเข้าเวรนะ ยังคิดในใจว่าเป็นผมผมตายก่อนแน่ๆคนบ้าไรทำงานข้ามวันข้ามคืนได้แทบจะวันเว้นวัน

ทุกประเทศแหละ เพราะหมอเป็นอาชีพช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ คนถึงให้ค่ากันมาก ซึ่งก็สมควรแก่การให้ค่าจริงๆ ยกเว้นจีนไว้ เพราะที่นั่นหมอจบมาไม่ได้มีคุณภาพทุกคนขนาดนั้น

สิ่งที่คนเรียนหมอต้องเจอ คือ การผ่าศพ วิชาเรียน ทฤษฎีร้อยแปดที่พลาดไม่ได้ เพราะพลาดก็เท่ากับ 1 ชีวิต

ผมก็เป็นคนนึงที่ยกย่องอาชีพนี้เสมอครับ

ในไทยผมเห็นด้วยนะ แต่ตปท.ไม่ใช่แน่ เพราะผมไปอยู่ไปสัมผัสมาละ ทุกอาชีพก็มีเกียรติแหละ เป็นทหาร ตำรวจในอเมกาดิ ยังฮอทเลย โคตรเท่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น(ตัดกลับมาที่ไทย) ผมกล้าพูดได้เลยว่ามีเหนือกว่าหมออีก ผู้พิพากษา อัยการ ยิ่งกว่านี้ บอกเลย
อันนี้แค่เรียกหมอ อันนั้นเรียกท่านอ่ะ 555

แต่ก็นั่นแหละ พวกนี้มันสูงสุดของสายอาชีพเหมือนที่ท่านว่าอ่ะ ก็คือสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
ลองเป็นอาชีพอื่นๆ ที่สูงสุดก็ไม่ต่างกัน สายทหารตำรวจก็พวกระดับผู้การ ผู้บัญชาการไรงี้ สายข้าราชการประจำก็ระดับผู้ว่า ผู้ตรวจ ไปจนปลัดกระทวง
แต่เพียงแค่ว่าหมอมันมี class เริ่มต้นเดียว แล้วโดดขึ้นมาเลยไง

อารมณ์แบบ อาชีพอื่นมันมีเลเวลต้องใต่เยอะไง อาจจะแบบ 5 10 15 20 25 ... 100 อะไรงี้ แล้ว mean มันก็ดันอยู่แถวๆ 50
แต่หมอ หมอฟันมันอาจจะแบบ 5 80 85 90 95 100 เลย คือมันยากที่จะโดดมา 80 เลย ไม่มีให้ได่ระดับ มีแต่ได้กับไม่ได้ แล้ว mean ก็ 80++ เลยงี้อ่ะ

demand มาก supply น้อย ก็มูลค่าสูงเป็นธรรมดาแหละครับ และเป็นเหตุผลที่ทำให้กู้ได้ง่ายสิทธิพิเศษเยอะ เพราะคนสายอาชีพนี้ถ้าทำตามมาตรฐานวิชาชีพ ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่มีเหตุผลให้ตกงานเลย demand เยอะไม่พอ มีเรื่อยๆตลอดไปด้วย

และถ้าเราเป็นคนปล่อยกู้ เราปล่อยให้คนที่อาชีพการงานมั่นคงไม่มีวันตกงาน เราก็ผ่อนปรนกฎได้อยู่แล้ว เพราะโอกาสได้คืนสูงกว่าอาชีพอื่นๆ

ส่วนเรื่องที่เค้ากล้าตะโกนด่าคนไข้ได้ ผมว่าเค้าไม่มีคู่แข่งด้วยมั้ง ลองมาทำแบบเดียวกันที่กรุงเทพ ลูกค้าหายหมดแล้ว แข่งกันโคตรเยอะ

ถ้าแต่ก่อนผมก็คิดแบบนั้นครับ แต่พอดูซีรีย์หลายๆเรื่อง ผมคิดว่าเมืองนอกเค้าก็ให้ค่านิยมชื่นชมหมอเหมือนกันครับ ตัวอย่างใกล้ตัวสุดตอนนี้ก็เรื่อง my home town cha cha cha ที่นางเอกเป็นหมอฟัน มันก็ให้ความรู้สึกของคนเกาหลีมองอาชีพหมอไม่ต่างจากคนไทยเลยนะ

ไม่ใช่แค่ไทยครับ เรื่องพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นหมอนี่ผมดูแล้วเป็นทั้งทวีปเรา 555

หมอจริงๆ ที่เป็นหมอจริงๆ ชีวิต สนุกมาก



และ ผมจะไม่อธิบายมาก เพราะ มันสนุกมากจริงๆ

นอนไม่เป็นเวลา อันนี้ไม่จริง ได้พักเมื่อไหร่ก็นอนครับ นั่นหละเวลานอน

ประเด็นคือ ที่ท่านเล่ามานี่ทัณตแพทย์ ยังไม่ใช่ศัลยแพทย์

ศัลย์แพทย์ยิ่งกว่านี้อีกครับ

พวกญาติๆรอบตัวผมเป็นสายหมอเยอะเลย น้องแท้ๆ ลูกที่ลูกน้อง น้า อา รวมๆแล้วเกินครึ่งโหลได้ ก็รายได้ดี (มาก) และถ้าออกมาเปิดคลีนิคเอง คือเลือกได้เลยว่าอยากทำงานหนักเบาขนาดไหน ผมว่าเป็นอาชีพที่ดีเลย

เรียกว่ากว่าจะสอบเข้า และเรียนจบได้มันยาก ผลที่ได้รับตอนแทนมาก็ตามนั้นครับ อาชีพไหนที่ต้องมีใบอนุญาติสิครับ ผ่านมาได้ผมว่าค่าตอบแทนโดดทั้งนั้น จะเป็น CPA, CFA, ตั๋วทนาย อะไรก็ตาม


ปล แต่ฮาส่วนลดรถ น้องผมเคยต้องเอาชื่อไปให้ญาติออก X5 มันทำให้ผมรู้สึกด้อยค่าแบรนด์รถเลยนะ ถ้าเงินผมเอง ผมเลี่ยงยี่ห้อพวกนี้อ่ะ แบบเงินเหมือนกัน ยังจะมีค่าไม่เท่ากันอีก 555

แฟนผมเป็นหมอ ดีทุกอย่าง ติดอยู่อย่างเดียว มันดุครับ

แต่คนในจริงๆ ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะมันแลกกับอะไรหลายๆอย่างที่คนนอกไม่รู้

อย่างกระทู้ที่บอกว่าคิดถึงชีวิตมหาลัยสนุกสุดๆแล้ว หมอก้อคือเหอๆ

งานที่ทำก้อคือรับผิดชอบชีวิตคน ใครๆก้อคาดหวัง จ่ายพาราก้อโดนด่า เดิมพันสูงนะครับ เงินที่ได้ก้อน้อยกว่าหมอประเทศอื่นๆมาก

เอาเป็นว่าแต่ละอาชีพมีดีแย่ของมัน ขึ้นกับว่าจะเห็นค่าหรือเปล่าแค่นั้น