เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค 

ต้นแบบของผู้ปฏิเสธระบบการศึกษาในโรงเรียนเพื่อเป้าหมายชีวิตส่วนตัว หมูปิ้ง - ศุภชัย ยามหน้าหมู่บ้านที่หลอมรวมเวลาว่างและความคิดสร้างสรรค์ในตู้ยาม สร้างรายได้จากการเป็นดาวติ๊กต็อก

เบื่อการบ้าน – โรงเรียนไม่ตอบโจทย์

หมูปิ้งเติบโตที่ จ.นครราชสีมา ลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ม.4 แม้จะเรียนได้ดี เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 แต่เพราะรู้สึกไม่ตอบโจทย์กับเป้าหมายในชีวิตที่ “อยากรวย”

“คุณครูก็ตกใจ เพื่อนๆ ก็ตกใจว่ามันออกทำไม ไม่มีสาเหตุในการออก ก็คือผมเบื่อเท่านั้นแหละครับ”

“พอเข้า ม.4 เริ่มจุกจิก เริ่มไม่ใช่แล้ว เริ่มเปลืองเงิน การบ้านก็เยอะ ผมไม่รู้จะทำการบ้านไปเพื่ออะไร โครงการแต่ละงานมันต้องใช้เงิน แล้วครอบครัวผมก็ไม่ได้มีเงินมากมาย แค่เรื่องกินยังต้องคิดเลยครับ ก็เลยออกๆ มาซะ มาทำงานดีกว่า”

เขาบอกว่า ระบบการเรียนในปัจจุบันเอื้อสำหรับบางคนเท่านั้น ทั้งที่มีเด็กหลายแบบ เปรียบเสมือนกับต้นไม้แต่ละต้นที่ต้องการดินที่มีความแตกต่างกัน เพื่อเจริญเติบโตและสร้างประโยชน์ในทิศทางของตัวเอง



หมูปิ้งเคยถามเพื่อนๆ หลายคนว่าเรียนไปเพื่ออะไร เขาได้รับคำตอบว่า หนึ่ง ไขว่คว้าหาค่าตอบแทนที่สูงขึ้น และสอง เพื่ออาชีพในฝัน เลยหันกลับมาถามตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราต้องการอะไร

“ผมก็แค่อยากมีเงิน แล้วก็ช่วยเหลือคน ผมนับถือศาสนาคริสต์ด้วยครับ อยากจะไปจัดกิจกรรมให้เด็กๆ บนดอยหรือเด็กด้อยโอกาส มีเงินแล้วไปสร้างความสุขให้คนอื่น เท่านั้นแหละครับ”

ในวัย 19 ปี เขาผ่านงานมาสารพัด เริ่มจากขายปุ๋ยการเกษตร ขายพิซซ่า พี่เลี้ยงเด็กและเข็นผักส่งขายในตลาด

“พ่อเลี้ยงผมตาย แม่ไม่มีงานทำ ยายไม่มีงานทำ พี่สาวพี่ชายเขาก็มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว” เขาบอก “แต่ละอาชีพ ผมไม่อายเลยนะ ผมชอบทำมาหากินอยู่แล้ว”


ความว่างพารวย

สถานการณ์โควิด-19 กระทบกับพี่น้องประชาชนในวงกว้าง และกลายเป็นเหตุผลให้หมูปิ้งเข้ามาทำงานที่ จ.สมุทรปราการ

“ผมไปสมัครหลายที่มากเลย ทั้งขายโดนัท พนักงานร้านขายของชำ ขายของเบ็ดเตล็ด แต่ว่าเงินเดือนมันอยู่ที่เก้าพัน หมื่นหนึ่ง ซึ่งมันไม่พอเลยที่จะกิน บวกกับค่าห้องเช่า แต่พอเป็นยาม เงินใช้ได้ แล้วก็ไม่ค่อยมีใครทำ มันเลยตอบโจทย์ครับ”

เขาตื่นตั้งแต่ 6.00 น. ซื้อข้าวปลาอาหารที่ตลาดก่อนเข้าประจำการที่ป้อมยามตั้งแต่ 7.00 น. - 19.00 น.

“ต้องอยู่ในห้องนี้ให้ได้ 12 ชั่วโมง ความเหงา ก็คือความยาก” หมูปิ้งบอกหลังปฏิบัติหน้าที่มาราว 4 เดือน

ความว่างและความเหงา ทำให้มีเวลาสร้างสรรค์ผลงานจนปัง เริ่มจากลิปซิงเพลง บทบันเทิงสนุกๆ ก่อนจะไปถึงขั้นทำกับข้าวในตู้ยาม จนมีผู้ติดตามถล่มทลายนับแสนภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ตอนนั้นผมมีผู้ติดตามพันกว่าคน หลังจากลิปซิง แล้วผมก็โอเคไลฟ์สดหน่อยแล้วกัน มีคนดู 2-3 คนเองครับ ผมเลยถามว่าอยากให้ผมทำอะไร มีคนหนึ่งคอมเมนต์ว่า กินอะไรในป้อมเนี่ย ผมก็เลยปิ๊งไอเดียว่าต้องมีรายการทำอาหารนะ เออแล้วจริงๆ ผมก็ทำกับข้าวกินเองอยู่ทุกวันแหละ ก็เอาหม้อหุงข้าวผมที่ทำได้ทุกอย่างมาทำเท่านั้น" เขาบอก

“ทุกเมนู ก่อนจะทำผมเสิร์ชยูทูป ดูขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ครับ”



ทักษะการพูดและการตัดต่อที่หลายคนพากันชื่นชมจังหวะและความไหลลื่นทางอารมณ์ ยามสายฮาอธิบายว่า ได้สกิลเหล่านี้จากการเข้าร่วมกิจกรรมที่โบสถ์คริสต์ บวกกับเป็นคนชอบเสพผลงานความบันเทิงต่างๆ ในโลกออนไลน์

“คุณครูที่โบสถ์คริสต์เขาชอบถ่ายวิดีโอ ชอบตัดต่อ เวลาเขามีกล้องเขาก็ชอบให้ผมเอามาลอง สอนถ่ายวิดีโอ สอนตัดต่อผ่านโทรศัพท์”


ชีวิตเปลี่ยนมหาศาล – เปิดตำราดาวติ๊กต็อก

ชีวิตของเด็กหนุ่มวัย 19 ปี เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะโบกรถ แลกบัตร ยกมือตะเบ๊ะทำความเคารพลูกบ้าน หลายคนทักทายเขาว่า “แหม่ เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ” “วันนี้ทำอะไรกินเนี่ย” อีกด้านก็มีลูกค้าติดต่อเข้ามาให้รีวิวขายสินค้าเป็นจำนวนมาก

แม้การรีวิวจะไม่กระทบกับการทำงาน แต่เมื่อมีสปอนเซอร์เข้าหาจำนวนมาก ทำให้ไม่เหมาะสมหากใช้พื้นที่ของหมู่บ้านทับซ้อนกับการหารายได้อีกทาง

“ต่อไปต้องทำอย่างจริงจังแล้วครับ หาสถานที่อื่นในการรีวิวและครีเอทวิดีโอคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ไม่ต้องยึดติดกับป้อมแล้ว”

การจะเป็นดาวติ๊กต๊อกไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก หมูปิ้งบอกว่าเขามีเทคนิคหลักอยู่ 3 ข้อ

1.มองหาช่องโหว่ของแต่ละรายการเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์

2.จริงใจกับผู้ชม ไม่ว่าคอนเทนต์นั้นจะเป็นสาระหลักหรืองานโฆษณา

3.ไม่ปลอม อย่าพยายามสร้างภาพ

4.เป็นตัวของตัวเอง ออกแบบคอนเทนต์ให้มีความสอดคล้องระหว่างตัวเองและสินค้ามากที่สุด

“อย่าฟังเสียงของคนอื่นมากครับ ฟังเสียงของตัวเอง แล้วถามตัวเองว่าสิ่งที่เราคิด มันเป็นไปตามใจหรือว่ามันมีเหตุผล ถ้าทำตามใจอย่าไปทำ ถ้าทำเพราะมีเหตุผลรองรับ ให้ทำเลยครับ” ชายหน้าหนวดกระพริบตาทิ้งท้าย



ต่างๆ นานา

- เมื่อโควิด-19 คลี่คลาย หมูปิ้งตั้งใจมองหาอาชีพใหม่ โดยหวังกลับไปเป็นคุณครูสอนศาสนา
- เขาดีใจมากที่ทำให้แม่ภูมิใจและอวดคนอื่นได้ แม้ลูกชายจะอยู่ในเครื่องแบบยาม
- หมูปิ้งใช้เวลาถ่ายทำแค่ละคลิปราว 30 นาที ตัดต่ออีกราว 1 ชั่วโมง
- เลือกรับงานเฉพาะที่เหมาะสมและเข้ากับตัวเอง ที่ผ่านมาเขาปฏิเสธเว็บไซต์การพนันและยาลดความอ้วนไปแล้ว
- ชายวัย 19 ปีเห็นว่าปัจจุบันบ้านเมืองมืดมิด ผู้มีอำนาจไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ ล้มเหลวในหลากหลายการตัดสินใจ

ภาพประกอบโดย : วิทวัส มณีจักร

https://voicetv.co.th/read/eDcd5yWS1

เป็นเด็กที่ความคิดโตเป็นผู้ใหญ่มาก คอนเทนก็ธรรมชาติ ไหลลื่น ดูไม่พยายามทำ

จริงๆทำงานไหนก็ควรได้ค่าแรงที่เหมาะสมให้อยู่รอดกับค่าครองชีพ และมีชีวิตที่ดีจากสาธารนูปโภคที่ดี ระบบขนส่งสาธารณะที่ดี คนไม่ต้องไปขวนขวายซื้อรถซื้อคอนโดแพงๆ แต่ประเทศนี้แม่งทำไม่ได้คนเลยต้องดิ้นรนกันรวย

ปล แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่เอาเวลางานมาทำเรื่องส่วนตัว ถึงจะอ้างว่า "ว่าง" ก็เถอะ เพราะนั่นคือการละหน้าที่ที่ต้องทำ

เห็นเค้าทำคลิปชี้แจงแล้วว่าจะหยุดเรื่องทำในป้อมถึงหัวหน้ายามและหมู่บ้านบอกทำได้ทำไปเถอะแต่เค้าบอกว่าตอนนี้งานมันเริ่มจริงจังขึ้น มีรีวิว มีส่งของมาให้ทำคลิปเลยจะหยุดตรงป้อมยามลงแล้วไปทำจริงๆจังๆที่บ้านตัวเองดีกว่า แต่ยังเป็นยยามอยู่นะ

อาชีพยามนี่เงินดีนะ แต่เสียสุขภาพมาก บางทีเค้าควง 3กะ (36ชม.)ก็ต้องทำ

คนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งที่รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์กับชีวิตตัวเอง

ผมเห็นคนประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะประสบความสำเร็จ ในทางที่ตัวเองเลือกและตัดสินใจลงมือทำเสมอ

โมเดลการใช้ชีวิต ก็ไม่ต่างอะไรจากบิลเกตส์และสตีฟ จ็อบส์ในแง่การเลือกเส้นทางเดินชีวิตตัวเองเลย

ในเมื่อการศึกษามันไม่ตอบโจทย์ก็เลยออกมาแสวงหาเส้นทางอาชีพของตัวเอง ผมมองว่าคนกล้ากล้าทำ

กล้าตัดสินใจในทางที่ดีขนาดนี้น่าชื่นชมนะ ปีๆนึงมีเยาวชนทิ้งการศึกษาเพราะติดอบายมุข ติดยา บางคนติดกี

จนสุดท้ายต้องเข้าสู่วังวนธุรกิจมืด แต่กับน้องคนนี้แกมีมายด์เซ็ทในการใช้ชีวิตดีมาก ลองคิดดูว่าจะมีเด็กวัยรุ่น

ซักกี่คนที่สามารถบอกได้ว่าต้องการทำอาชีพอะไรหรือเป็นอะไรในอนาคตได้เหมือนเจ้าหนุ่มนี่

เดี๋ยวผมตามไปกดซัพช่องติ๊กต๊อกน้องเค้าด้วยคน คนแบบนี่ควรสนับสนุนให้มีพื้นที่ในสังคมเยอะๆครับ

คำพูดนึงของเค้าเลยที่การศึกษาไทยควรมาปรับ ระบบแบบ One Size Fit all มันไม่เหมาะ

วิชาหลักคุณให้เรียนผมเข้าใจ แต่ศาสนา พละ คุณทำเป็นกลุ่มวิชาเลือกไม่ได้หรอ

มันน่าอนาถที่ยังทำอะไรเดิมๆมาเป็นจะร้อยปีละ

ที่สำคัญเลิกสั่งการบ้านโครงงานที่ใช้เงินเถอะ ไม่ใช่ทุกคนมีเงินนะครับ ผมจำได้ตอนเด็กๆ

ีมีวิชานึงให้แผ่นพับ กำหนดกระดาษร้อยปอนด์ ม้วนละ 20 บาทตัดได้ 3-4 แผ่นแถมให้ใช้วิธีเอาสองแผ่น

มาติดกาวทำเหมือนหนังสืออีก คือโคตรเปลืองกระดาษ ไอเด็กที่บ้านมันพร้อมอ่ะเฉยๆนะ

แต่คุณได้คิดถึงเด็กไม่มีเงินมั้ย ปิงปอง แบด ก็เหมือนกัน ถ้าอยากจะมีคุณก็เตรียมอุปกรณ์จาก รร เลย

ไม่ใช่ให้เด็กไปซื้อกัน

ผมเข้าใจคับได้อ่านรายละเอียดข่าวแล้ว

แต่ผมหมายถึงตอนก่อนดังก็คือเอาเวลางานมาเล่นtiktokไงคับ ผมไม่สนับสนุนตรงนี้ที่ละเวลางานมาทำเรื่องส่วนตัว
ไม่งั้นเค้าจะจ้างทำไม

เรียนเพื่อใช้สอบมากกว่าใช้ในชีวิตจริงอ่ะ
โครงงานบางอันนี่คิดหนักเลยเวลาจะขอตังแม่

พูดได้ดี แต่ก็ยังทำงานเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ งงๆ

เห็ฯด้วยในบางมุมมอง
แต่ไม่เห็นด้วยในหลายมุมมอง

แน่นอนว่าชีวิตคุณ คุณเลือกเอง อันนี้ถูกต้อง การรู็ตัวว่าตัวเองชอบอะไร มีแนวทางระเบียบชีวิตชัดเจนคือสิ่งที่ดี
แต่ก็ต้องระวังว่า ใช่ว่าคนที่ไม่ได้เรียนจะประสบความสำเร็จ มีงาน มีอาชีพ
หรือเป็นดาวติ๊กต็อกได้แบบคุณทุกคน บางคนออกมาทำงาน บางคนออกมาว่างงานเพราะไม่มีวุฒิการศึกษา บางคนออกมาเดินยาเสพติด บางคนออกมาเป็นภัยสังคม เพราะขาดความรู้ ขาดการขัดเกลาทางสังคม

การยืนอยู่ในสปอตไลท์ ต่อไปนี้ต้องบอกให้ชัดเจนกับเยาวชนที่นั่งดูคุณอยู่ว่า
ถ้าเลือกแนวทางนี้ จะต้องจัดการตัวเองยังไง ดูแลตัวเองยังไง
ไม่อยากให้เยาวชนมองว่า การหนีออกจากระบบการศึกษาคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ตรงจุดนี้เปราะบางมากๆ

คนเรียนไม่จบมีสองแบบครับ คือฉลาดเกินไป กับขี้เกียจเกินไป

ในฐานะครูผมไม่เถียงเลยนะ ระบบการศึกษาบ้านเรามันเหมาะกับคนบางกลุ่มเท่านั้นจริงๆ

ระบบการศึกษาแม่มไม่ตอบโจทย์เด็กรุ่นใหม่ และยิ่งห่างไกลคำว่าลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาจริงๆ

ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไรถึงจะเห็นการปฏิรูปการศึกษาเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิมได้จริงๆ

ผมก็ไม่ชอบเรียนเหมือนเค้า ผมก็แค่ชอบดูหนังเล่นเกมกินเที่ยวตีหม้อ

แต่แม่ผมขอให้ผมเรียน ผมก็เรียนจนจบป.ตรี แต่ก็ทำงานกุทมสักพัก

ก็มาทำงานเป็นยามตจวเหมือนเค้านี่แหละ คือก็ง่ายๆสบายๆดีนะ เพียงแต่

ว่ามีตังแค่พอใช้ตัวคนเดียวและสร้างหนี้ชิ้นโตๆไม่ได้ ผมนับถือเค้านะ

กล้าออกเรียนมาทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แถมทำได้ดีด้วย คลิปเค้าอย่างฮาเลย

ทัศนคติดีกว่าคนบางคนอีก เรื่องวัคซีนกับแจกเงิน