ชีวิตมันไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองอะ สำหรับผมมันมีอะไรมากกว่านั้น เราจะเอาการเมืองมาตัดสินทั้งชีวิตเราไม่ได้อะ อย่างบ้านแฟนผมนี่คือทั้งบ้าน ผมเคยทะเลาะกันทีหนึ่ง เรื่องวันเกิดท่าน ผมไม่ออกไปยืนจุดเทียนอะ คือทะเลาะกันจริงจังเลย หลังจากการทะเลาะครั้งนั้น เรื่องนี้เราก็ไม่ยุ่งกัน ต่างคนต่างเลือกที่จะนับถือจะเชื่อต่างกัน ผมแค่ไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่บ้านเขาคุยเรื่องนี้กันแค่นั้นเอง ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตกันปรกติ

เวลาพวกเขาอวยกันผมก็ไม่ยุ่ง เวลาบ้านผมด่า แฟนผมเขาก็เดินออกมา เอาจริง ๆ เรื่องสลิ่มหรืออะไรพวกนี้สำหรับผมคือ ไม่ได้อยากเอาชนะ ว่ามึงต้องเปลี่ยนนะหรืออะไรแบบนี้ คือใครจะยังไงก็เรื่องของเขา ผมแค่เดินหนีออกมาแค่นั้น พอเขาคุยกันจบผมก็เดินเข้าไป

เลี้ยงลูกให้เป็น สามกีบ สุดท้าย เขาจะรู้เองว่าจะเลือกเจ้าหรือเลือกหลาน
ถ้าเลือกเจ้าก้ต้องแยกกันอยู่

ไม่เอาเป็นแฟนตั้งแต่แรก
ถ้าคบแล้วถึงรู้ แยกบ้านอยู่

ถ้ามันหนักหนาก็เลิก

นิยามคำว่าสลิ่มก่อนครับ

ไม่เลิกหรอก แต่ขอออกมาอยู่ข้างนอกไม่อยู่บ้านหลังเดียวกันก็พอไม่งั้นปวดหัวตาย

พ่อแฟนผมก็สลิ่มนะแต่ผมเฉยๆเพราะเขาไม่ค่อยมาอะไรกับผม

แต่แค่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงเป็นสลิ่ม ตกงานก็เพราะโควิด ฐานะก็ไม่ได้ดีมาก งงจริงๆ

้เลิกเลย

ถ้า ต่างคนต่างอยู่ ก็ไม่ใช่ปัญหา

ถ้าแฟนไม่เป็นก็ไม่เลิก ไปเปิดข่าว voice TV สู้

ถ้ารักแฟนมากคงไม่มาตั้งคำถามแบบนี้ ดังนั้นแนะนำให้เลิกเถอะครับ 555

ผมว่า ถ้าใครเป็นถึงจุดๆนี้
ผมเรียก คลั่ง การเมือง
ไม่ใช่ สนใจ การเมืองนะ

ถ้ารักกันไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป แฟนไม่เป็นก็ถือว่าโอเคแล้ว

ผมคนนึ่งเห็นหลายๆคนบ่นกัน ว่าคนในครอบครัวเป็น ก็น่าเห็นใจครับ คิดว่าสักวันเค้าคงเห็นกันเอง
ลองกลับมาย้อนดูตัวเอง โชคดีมากเลย พ่อแม่ไม่เป็น แฟนไม่เป็น พ่อแม่แฟนก็ไม่เป็น ก็เรื่องไม่ต้องมาปวดหัวเรื่องการเมือง

คงต้องเลิก ไม่งั้นเข้าไปวันแรกกลัวจะได้ต่อยกับแม่ยายอ่ะดิ

กลับกัน ถ้าแฟนเป็นสลิ่ม

เอาแฟนไม่ได้เอาพ่อแม่แฟน