สำหรับผมเป็นแผนเน้นรับที่ใช้กองหลัง 5 คน กลาง 3 คนโดยให้วิงแบคที่เป็นกองหลังอาชีพโหลดสองตำแหน่งทั้งแบคและปีก
แต่เวลาโดนเรียกว่าแผนหลัง 3 มันให้ความรู้สึกว่าเป็นแผนเน้นรุกเพราะใช้กองหลังแค่ 3 คนยังไงไม่รู้
อย่าง 4-4-2 มักจะเรียกกันว่าหลัง 4
แต่ 3-5-2 ดันเอาวิงแบคไปใส่เป็นกองกลาง ผมว่ามันควรจะเป็น 5-3-2 มากกว่าหรือเปล่า
เพราะส่วนใหญ่มักจะเอาแบคซ้ายขวาอาชีพมาเล่นวิงค์แบคโดยให้เล่นปีกรุกด้วย
ไม่ค่อยจะเห็นคนเอาปีกธรรมชาติมาเล่นตรงนี้แล้วให้พ่วงเกมส์รับเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นธรรมชาติของวิงค์แบคในแผนนี้ผมว่ามันคือตำแหน่งกองหลังมากกว่าปีก
จึงควรเป็นแผน 5-3-2 หรือแผนหลัง 5
มากกว่าเรียก 3-5-2 หรือหลัง 3 รึเปล่าครับ
หรือจริงๆแล้วเขามีเหตุผลว่าควรเป็น 3-5-2 มากกว่าฮะเพราะเห็นก็เรียกกันแบบนี้มานานแล้ว

ยืดหยุ่นล่ะกัน

สำหรับผมเป็นแผนบุก

แต่เอาจริงๆฟุตบอลสมัยนี้ชื่อแผนแบบตัวเลข 442 352 มันก็แค่แผนบนกระดาษล่ะนะ
เพราะเวลาเล่นจริงนักเตะจะเปลี่ยนตำแหน่งสลับแผนไปมากันบ่อยๆไม่ได้ยืนฟอเมชั่นตรงตัวตลอดเวลา

ผมว่ารับนะ แต่มันไม่ได้รับแล้วโต้แบบจ๋าๆ เอาเป็นว่าเป็นบอลรัดกุมแล้วกัน คือคลองบอลเหนียว เซตบอลจากหลังได้ แต่เพรสไม่ได้ดุดันมาก

รับครับ

ตามคำตอบของท่านเลยครับ

เห็นทีมใหญ่หลายทีมเล่น 3-5-2 แต่เล่นบอลบุกขึง

ทีมเล็กเยอะมากเล่น 4-4-1-1 แต่ยืนเกมรับรอสวน

ในภาพจำของผม 3-5-2 มันมาพร้อมกับcatenaccio ของอิตาลีอะ

จะรับหรือรุก ขึ้นอยู่กับแบ็คว่าเล่นแบบไหน

แผนสำหรับโอเวอร์โหลด (เสียงสเตฟาน)

โคตรรับเลย

ทีมไหนจะเน้นบุกหรือไม่บุก มันอยู่ที่ 2 อย่าง
1. เจตนาของนัดนั้น ว่าอยากจะบุกหรือไม่ 2.ถ้าคิดอยากจะบุก แล้วทำได้จริงหรือไม่
ต้องมีทั้ง 2 ข้อ วันนั้นๆ ถึงจะเป็นทีมบุก บางทีมมีแค่ข้อ 1 แต่ไม่มี 2 บอลมันจะก็ตีบๆตันๆ ไม่ได้บุกเป็นเรื่องเป็นราว

ส่วนตัวเลขแผน มันบอกบางอย่างได้ เช่น การยืนตำแหน่ง โครงสร้างระบบ แต่ไม่ได้บอกแนวทางการเล่น
เช่น แมนซิตี้ เคยขึ้นว่าเล่น 4-1-4-1 แบบเดียวกับบอร์นมัธ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่า แมนซิตี้จะเล่นแบบบอร์นมัธ
หรือ 4-2-3-1 ของมูริญโญ่ ก็จะไม่ทำให้นึกถึง 4-2-3-1 แบบบาเยิร์น

หรือบางคน จงใจบอกว่าทีมตัวเองเล่น 4-2-4 ทั้งๆที่ก็คือ 4-4-2 นั้่นแหละ แต่แค่อยากให้รู้สึกว่า ทีมนี้จะเน้นเกมบุกนะ

มาที่ตระกูล 3-x-x
ในตรงตำแหน่งริมเส้น ของหลายๆทีม ผู้เล่นจะต้องรับผิดชอบพื้นที่ที่ยาวมากๆ (70 หลา)
ตอนบุก เค้าจะให้แบ๊คดันขึ้นไปสูงมาก คือ จากกองหลังเป็นกองหน้า
ตอนรับ ก็ต้องเล่นร่วมกันกับ 3 เซนเตอร์แบ๊ค คือ กองหน้ากลายเป็นกองหลัง
แล้วก็จะมีจังหวะกลางทาง /กลางสนามอีก
วิงแบ๊คจะอยู่ตรงไหน จึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในเกมเป็นหลัก (เคลื่อนที่และยืนตำแหน่งตามจังหวะ)

วิงแบ๊ค มันเลยต้องสมดุลทั้ง 2 อย่าง ไม่ค่อยมีตัวรุกแท้ๆ ที่มาเล่นตรงนี้ กลับกัน ถ้าให้ตัวรับแท้ๆ มาเล่นตรงนี้ก็ลำบากอยู่ ควรต้องเก่งครบเครื่องมากๆเลย ถ้าจะเป็นวิงแบ๊คที่ดี ในระบบนี้
เช่น มาร์กอส อลอนโซ่ กับฉายาขำๆ กองหน้าที่พอเล่นแบ๊คได้ / แบ๊คที่ยิงดีกว่ากองหน้า

ฉะนั้น เรื่องคุณสมบัติผู้เล่นตรงตำแหน่ง ว่าเน้นรับ แล้วควรเป็น 5-3-2 มากกว่า 3-5-2 จึงไม่ได้บอกอะไรมากนัก
ต่อให้ส่งคนเล่นเกมรุกเก่งๆ มาเล่นตรงวิงแบ๊ค แต่ถ้าทีมอยากเน้นรับ/หรีือทีมบุกไม่ขึ้น มันก็จะรู้สึกว่า ทีมนี้เน้นรับจัง กลับกัน ต่อให้วิงแบ๊คไม่เก่งเกมรุกมากนัก แต่ทีมรวมๆ ได้บุกเรื่อยๆ โถมใส่รัวๆ วิงแบ๊คเติมยันสุดเส้น มันก็จะให้ความรู้สึกว่าทีมนี้เน้นรุกมากกว่า

มากกว่านั้น
เพราะบางแผน ที่มองว่าวิงแบ๊คต้องเล่นเหมือนกองหน้า
วิธีคิด เวลาที่เล่นเกมบุกของบางทีม จึงไม่ใช่ 3-5-2 แต่เค้าจะคิดเสมอว่า ทีมตัวเองเล่นเป็นแผน 3-3-4 (แบ๊คดันสูงไปถึงกองหน้า)
แต่ตัวเลข 3-3-4 ก็จะมีปัญหาคล้ายๆกับ 5-3-2 ที่ในความรู้สึก มันจะดูเน้นรับเกินไป / ถ้าบอกว่าเล่น 3-3-4 ก็จะรู้สึกว่าเน้นบุกมากเกินไป
3-5-2 เลยเป็นตัวเลขกลางๆ ไม่บุกเกินไป ไม่รับเกินไป ส่วนเล่นจริงๆ จะเป็นยังไง ก็อีกที
แต่ก็ทำให้ คนจำนวนนึงสับสนว่ามีกองกลางเยอะ / กลางต้องแน่น ซุึ่งการคิดแบบนั้น มันฉาบฉวยเกินไป บอลยุคนี้ จะดูแต่คัวเลข แล้วบอกว่าใครกลางแแน่นกว่าก็จะเร็วเกินไป

352 ก็คือ352 532 ก็คือ532 จะดูแค่ตำแหน่งไม่ได้ต้องดูหน้าที่ด้วย
ถ้าจะเรียก532 วิงแบคต้องเติมน้อยกว่าหรือขึ้นต่ำกว่า 352 เยอะมาก
ส่วนเรื่องไดนามิคจากผังผู้เล่น จริงอยู่ว่ามันไม่ได้ตายตัวตามผัง แต่รูปแบบ
ที่มันไดนามิคส่วนมากจะตายตัวไปไม่กี่อย่างจากผัง

ผมว่าเน้นรับ

หลังยัดไปตั้ง3คน จริงๆแค่2ก็พอแล้ว

ถึงแบ็คจะบุกก็เหอะ เกมรุกสู้ 4-3-3 แล้วให้แบ็คเติมไม่ได้

รับสิ ตัวรับทำไรไม่ได้ 3 ตัว แผน451 433 442 มีกองหลังแค่2