จำเหตุการณ์นี้ได้ไหม ?

เหตุเกิดที่บริเวณหน้าที่ตั้งครกใหญ่ สามแยกถนนอ่างศิลา อ.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.60 นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ หรือ ลุงวิศวะ วัย 56 ปี ก่อเหตุยิงวัยรุ่นที่กรูเข้าล้อมรถเก๋งและพยายามทำร้าย เหตุการณ์นี้ทำให้ นายนวพล หรือปอน ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ




ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายสุเทพมีความผิด ให้จำคุก 15 ปี แต่ลดโทษเหลือ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี จากที่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุที่จำเลยมีพฤติการณ์เช่นนี้ เนื่องจากจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แสดงให้เห็นถึงนิสัยและพฤติกรรมของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหัน ในลักษณะปาดหน้า และขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดเส้นทาง จำเลยจึงจำต้องชักปืนออกมายิงเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยและคนในครอบครัว อันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังรับฟังคำพิพากษา นายสุเทพยื่นประกันตัวเพื่อขอต่อสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกา ด้วยเงินสด 874,000 บาท



ล่าสุด วันนี้ (12 พ.ค.64) ที่ศาลจังหวัดชลบุรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา โดยมีนายวันชัย แสงสุวรรณ์ ทนายฝ่ายผู้เสียชีวิต ได้เป็นตัวแทนฝ่ายโจทย์ผู้เสียหาย เดินทางมารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยในเวลานัดได้เวลา 09.40 น. ผู้พิพากษาท่านได้รอทั้งจำเลยและทนายฝ่ายจำเลย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 10.30 น. ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจำเลยและทนายฝ่ายจำเลย จะเดินทางมาตามนัด และไม่มีท่าทีจะติดต่อกลับมา ทางผู้พิพากษาจึงทำตามกระบวนการตามกฎหมายคือสั่งยึดริบประกันจำนวน 874,000 บาท พร้อมออกหมายจับนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ หรือลุงวิศวะ โดยภายใน 1 เดือนหากจับกุมตัวได้ก็จะคุมตัวมาฟังคำพิพากษา แต่หากยังตามจับกุมตัวไม่ได้ ก็จะอ่านคำพิพากษาลับหลัง ในวันที่ 17 มิ.ย.64 ในเวลา 09.00น.

https://www.facebook.com/ejan2016/photos/a.640342722793404/2774267982734190/

อีกคนขึ้นเมรุ อีกคนขึ้นศาล (แต่ไม่มาศาล) ไม่น่าเลยจริงๆ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ควรติดกล้องในรถ แต่ไม่ควรอัดเสียง

ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณะ นำไฟล์มาเอาเสียงออกก่อนจะดีที่สุด

เอ้าา ลุงงง

เรื่องปาดหน้า เจตนาวิวาท ผมเข้าใจนะ เห็นด้วย ส่วนเรื่องพกปืน ถ้าพกตามกฏหมายนี่ผมว่าใจร้ายถ้ามองว่าพกปืนต้องแปลว่าพร้อมวิวาท นี่ยังว่าประเทศเราพกยากมาก กฏเข้ม แต่ถ้าเป็นที่เมกา แล้วศาลบอกว่าใครพกปืนแปลว่าพร้อมวิวาทนี่ตาย ประชาชนด่าตาย

Second Amendment เป็นหัวใจอย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญของเมกาเลย คนทุกคนมีสิทธิ์พื้นฐานในการปกป้องตัวเอง มี right to bear arms เป็นที่ว่ากันว่าลึกกว่าการเป็นรัฐ เป็นประเทศเสียอีก

เคยอ่านข่าวการทำรัฐประหารอยู่ เจอเม้นท์คนเมกา บอก ถ้าพวกคุณมี 2A (2nd Amendment) ก็จะไม่เป็นแบบนี้ กฏหมายนี้ทำให้ประชาชนสู้กับรัฐได้

นั่นสิ ถ้าไม่มีเสียงชักปืนเสียงตอนพูดกัน รูปคดีจะเปลี่ยนมั้ยครับแบบนี้

เหมือนมันมีกล้องวงจรปิดตามถนนด้วยมั้งครับ ที่ชี้ว่าลุงวิศวะตั้งใจขับรถตามมาปาดหน้า

ผมว่ารูปคดีไม่น่าเปลี่ยนหรอก

แต่ในทางกลับกัน กฎหมายนี้มีปัญหามากๆเลยนะครับในอเมริกา โดยเฉพาะพวกเหตุการณ์กราดยิงคนส่วนนึงก็เพราะกฎหมายตัวนี้เหมือนกัน

คดีนี้สองจังหวะนี่ คือไปแล้ว มีหยุดรออีก มันพีคตรงแม่นจัดมีคนตายด้วย

ถ้ามันแค่ป้องกันตัวเองจะดีมาก แต่เมกา นี้ เอ้ะอ้ะ mass shooting เป็นว่าเล่นเลย แล้วไม่ใช่ประชาชนทุกคนจะพกปิน สุดท้ายตายเพียบ ลุงนี้อายุเยอะแล้วนะ ยิงคนตายก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต่อให้ป้องกันตัว เคสนี้ หนีคงรุ้แล้วว่า ไม่รอดเมืองไทยต้องกฏหมายเข้ม แต่พอนึกถึงแพรวา 9ศพ ก็ระเหี่ยใจ

ก็เหมือนขับปาดไปปาดมา ในมือมีปืนก็ซ่าหน่อย

แต่ไม่มีใครคิดจะเอาออกมายิงจริงๆ หรอก ถ้าไม่ป้องกันตัว ป้องกันชีวิต

ดูยังไงก็เป็นเจตนาป้องกันตัว จังหวะนั้นไม่ยิงคงโดนกระทืบแน่ จะถึงตายมั๊ย ไม่รู้ ศาลน่าจะลองดูเอง

..ศาลน่าจะพิจารณาจากคลิปด้วย ถ้าจำไม่ผิดในคลิปมีเสียงที่แกพูดว่ามีปืนอยู่ ซึ่งคิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่ศาลว่า มันก็ต้องพิจารณาเป็นรายเคสไป

ที่มามันต่างกันครับ
อเมริกาเมื่อก่อนคนขาวพกปืนไว้ยิงป้องกันตัวจากอินเดียแดง คนผิวดำ
แถมอาวุธที่ประชาชนจะมีได้ ไม่ใช่ปืนสั้นด้วย อาวุธสงครามเลย
ประชาชนอเมริกาเขาเลยเข้าใจว่า ปืนสำหรับเขาคือสิทธิ เขามีสิทธิสู้โดยไม่ต้องหนี ใครมาคุกคามมีสิทธิพรุนได้ง่ายๆ

ของไทย พื้นฐานคือห้ามพกครับ อันนี้ใส่ลูกปืน อยู่ใกล้มือ พร้อมเอาออกมายิงได้ แถมตามไปหาเรื่อง ก็แปลว่าพร้อมวิวาทสิครับ
กลับกัน ถ้าวันนั้นลุงไม่มีปืน อาจจะไม่ตามไปไม่ยั่วยุ ไม่ไปทะเลาะกับวัยรุ่น ต่างคนต่างไป ไม่มีใครบาดเจ็บหรือตายแล้ว
ถ้าศาลไปบอกว่า เรามีสิทธิยิงได้ มันจะคือมาตรฐานให้คนพกปืนไว้ใต้เบาะ แล้วสังคมจะอันตรายครับ
(สาเหตุที่ศาลตีพร้อมวิวาท เพราะเหตุมันจบไปแล้ว ลุงยังตามไปหาเรื่องเขาด้วย ไม่ใช่แค่พกปืนอย่างเดียวครับ )

เคยฟังทนายท่านนึงพูด จำไม่ได้ว่าใครเพราะนานแล้ว เขาบอกว่าการป้องกันตัวตามกฎหมายไทย ถ้าหนีได้ต้องหนีก่อนถ้าหมดหนทางแล้วถึงค่อยสู้เพื่อป้องกันตัวแบบนี้ถึงฟังขึ้น แต่ถ้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงภยันตรายเองแล้วมาอ้างป้องกันแบบนี้ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ มันออกแนวสมัครใจทะเลาะวิวาทตามที่ศาลท่านว่านั่นแหละ