[RE: NBA ควรยกเลิกการ Buyout สัญญา]
Brunswick พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Brunswick พิมพ์ว่า:
ผมว่ากฏNBAมันแฟร์สุดในทุกลีกในโลกละครับ
นอกจากSalary Capหรือสิทธิ์ท็อปดราฟทีมท้ายตารางที่รู้กันอยู่แล้ว
อย่างกฏการต่อสัญญาฉบับที่สองต่อจากสัญญารุกกี้ที่ต่อกับทีมเดิมได้เงินมากสุด
ก็ช่วยให้ทีมตลาดเล็กรั้งสตาร์อายุน้อยๆไว้กับทีมได้เพิ่ม4-5ปีอะ
ไม่งั้นอย่างADย้ายหนีPelicanนานละ ไม่ใช่เพิ่งมาเลเกอร์ปีสองปีนี้หรอก
หรือBookerงี้ ถ้าไปที่อื่นก็ได้สัญญาแพงเท่านี้ ไม่มีทางต่อกับซันอะ
ทีมตลาดใหญ่มันได้เปรียบอยู่แล้ว เหมือนทีมในกทม คนก็อยากย้ายไปมากกว่าอยู่ต่างจังหวัดแน่ๆ
ต่อให่ค่าจ้างเท่ากัน แต่ทีมใหญ่มันมีฐานแฟนให้ต่อยอด การตลาดที่ได้มันมากกว่าอยู่ทีมเล็กแน่ๆ
ใช่ มันแฟร แต่มันไม่สนุกไง
เทียบกับบอลก้ได้ ลีคดีสุดของโลกคือพรีเมีย
ใครมันจะไปสนว่าแฟร กับเวสบรอม แฟรกับ สโต๊กมั้ย คนมาดูกีฬาเค้ามาดูความเอนเตอเทน ใครมันจะไปสนว่าจะแฟร์กับทีมไหนยังไง เค้าอยากได้ความสนุก ความสะใจ ใส่กันทุกนัด ไม่ใช่มานั่งปั้นเด็กมั่ง ขยันลงไปบ๊วยมั่ง
ลองมองในมุมของทีมมั่ง สมมติตลาดรายได้ 10,000ล้าน มี 20ทีม
แจกให้ทีมละเท่าๆกัน ทีมละ 500 ล้าน
กลับกัน ถ้าทำให้มันสนุกคนดูทั้งโลกแบบฟุตบอล ตลาด 100,000 มี20ทีม
แจกทีมบนสุด 20000ล้าน ไล่ๆไป ไอทีมล่างสุดยังได้มากกว่า 500เลย สุดท้ายมันก้วินๆทุกฝ่าย
สุดท้ายเด็กมันก้เกิดได้เองแหละไม่ต้องมานั่งดราฟ ถ้ากลัวเด็กไม่ไป ทีมมันก้ต้องมีไรมาชูโรงอะ เหมือนฟุตบอล ถ้าคิดแบบนี้หมด เด็กมันก้ไปเข้าแมนยูหมดแล้วสิ ทีมใหญ่ๆอะ ทีมเล็กๆก้คงไม่มีทีมแล้ว สุดท้ายระบบมันก้เข้ารูปของมันเองอะ
ทุกวันนี้ถามจริงใครจะมานั่งตามเชียทีมมั่งเวลาแท้งอะ okc 76ปีแท้งงี้ 82นัด ถามจริงแฟนบาสจะดูกี่นัดถึง15มั๊ย
ผมขอชวนคุยทีละประเด็นนะครับ เรื่องงานเรื่องเงินก่อนละกัน
มูลค่าทีมที่ต่ำที่สุดอันดับ30 คือ Memphis Grizzlies มีมูลค่า $1.3 billion
ส่วนฝั่งฟุตบอล PSG ทีมที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ11 มีมูลค่าแค่$1.1 billion
หรือถ้าจะเอาทีมที่มูลค่าเยอะสุดมาเทียบกัน New York Knicks($5 billion) ก็มูลค่ามากกว่ทั้งมาดริด บาซ่า แมนยูอะครับ
ยอมรับนะครับว่าฟุตบอลได้รับความนิยมมากกว่าNBAเยอะ แต่เห็นคุณยกประเด็นเงินๆทองๆมา
เลยอยากเอาตัวอย่างมาให้เห็นชัดๆว่าความนิยมน้อยกว่าไม่ได้แปลว่ามูลค่าจะน้อยกว่านะครับ
ต่อมาเรื่องการไม่มีตกชั้น คุณก็พูดเองว่าสุดท้ายระบบมันก้จะเข้ารูปของมันเอง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด ฟุตบอลยุโรปอาจจะเหมาะกับการมีเลื่อนชั้นตกชั้น แต่ระบบแบบนี้มันก็คงเหมาะกันอเมริกันเกมแล้ว
การที่จะมีทีมระบบNBAได้ มันต้องพร้อมมาก ใช้เงินเยอะ ต้องมีสนามที่ได้มาตรฐาน ไหนจะค่าเดินทางที่แพงจัดๆ เพราะต้องบินข้ามประเทศ
ยิ่งโดยเฉพาะค่าเหนื่อยนักกีฬา ที่มีเพดานขั้นต่ำปีละ100กว่าล้าน จะมาทำทีมประหยัดแบบทีมฟุตบอลบางทีมใช้แต่นักกีฬาค่าเหนื่อยถูกๆไม่ได้นะครับ ผิดกฏลีก แค่นี้ก็นักลงทุนที่จะสร้างทีมที่พร้อมมาเล่นในNBAยากละครับ
แล้วถ้ามีระบบเลื่อนชั้นตกชั้นคงต้องรื้อระบบใหม่หมดอะครับ ทั้งSalary cap การเซ็นต์สัญญาต่างๆ
อย่างปีนี้ สมมติวิซาดตกชั้น ปีหน้าทีมจะจ่ายค่าเหนื่อยWestbrookปีละ40กว่าล้านยังไงไหวครับ
เพราะตกไปดิวิชั่น2 รายได้พวกค่าลิขสิทธ์ต่างๆต้องหายไปเยอะแน่ๆ
ทีมล้มละลายได้ง่ายๆเลย
ส่วนเรื่องความสนุก มันก็อยู่ที่ความชอบอะครับ ฟุตบอลก็ไม่ได้สนุกทุกคู่ พรีเมียร์ลุ้นแชมป์ก็กร่อยมาสองปีละ
UCL รอบแบ่งกลุ่ม หรือแม้แต่รอบ16ทีมคนหลายๆคนก็ไม่ค่อยดู ถ้าไม่ใช่แฟนบอลจริงๆ
บาสยังไงก็มีคนดูทุกทีมครับ เพราะมันต่างกันบอลตรงที่มันมีคนดูผูกพันธ์กับสตาร์มากกว่าทีม
ทีมเกือบทุกทีมมีสตาร์หมด คนที่ชอบ ถ้าว่างๆก็ดูกันแทบทุกคู่ทุกวันที่เวลาไม่ชนอะ
ผมว่าจะมีตกชั้นหรือไม่มี มันก็สนุกคนละรูปแบบอะ ไม่เห็นต้องเหมือนกัน
ตัวเงินผมไม่ได้หมายถึงเอามาชนโต้งๆ ถ้าแบบนั้นทำไมจะไม่รุ้ครับ แต่เงินมันกระจุกอยุ่แค่นี้ มันไม่กระจายออกไป
เรื่องตกชั้นไม่ตกชั้นปรับระบบใหม่ก้ปรับสิ ถ้าไม่ปรับมันก้วนๆอยุ่แค่นี้
แต่สุดท้ายNBA มันไม่มีทางแซง EPL ได้ถ้ามันยังเป็นสเกลแบบนี้อยุ่ ตลาดNBA มันใช้คำว่าหยุดโตมานานแล้ว
(อาจจะบอกว่ามูลค่าทีม มูลค่าถ่ายทอดมันก้เยอะขึ้นทุกปี) แต่ถ้าลองมองที่% ที่จำนวนคนดูการเติบโต เทียบกับ EPL ต้องบอกว่าน้อยกว่าพอสมควร
สุดท้ายแแฟนบาสทั่วไปก้จะบอกว่าแบบนี้ดีอยุ่แล้วเปลีย่นทำไม แต่ลองถามแฟนบาสพวกนั้นสิ ดูปีละกีเกม เทียบกับบอลดูปีละกี่เกม
เทียบกับแฟนทีมฟุตบอลอะ แต่ช่างมันเถียงกันไปก้ไม่ได้ไรขึ้นมา