ชานม Bearhug กระแสดีแต่ ขาดทุนไปกว่า 17 ล้าน
ทำธุรกิจด้วยใจ แต่กำไรไม่เหลือ” ประโยคนี้คือชื่อคลิปล่าสุดจาก youtuber ชื่อดังอย่าง Bearhug ที่ทำให้เราต้องกดเข้าไปดู
เพราะน้อยคนนัก ที่จะกล้ามาเปิดเผยประสบการณ์ที่ผิดพลาดของตัวเองให้ผู้คนได้ฟังกัน
Bearhug คือช่อง youtube ที่ปัจจุบันมียอด subscribe กว่า 3.56 ล้าน ก่อตั้งโดย ซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และ กานต์-อรรถกร รัตนารมย์
หลังประสบความสำเร็จจากการทำช่อง youtube ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้ขยายธุรกิจ เปิดร้านชานมไข่มุกของตัวเองเป็นครั้งแรกในนามของ ‘Bearhouse’ กับสาขาแรกที่ตั้งอยู่บนทำเลทองอย่างสยามสแควร์ที่คนต่อคิวกันแบบยาวเหยียด
และจากกระแสตอบรับของผู้คนจึงทำให้เวลาต่อมา Bearhouse สามารถขยายสาขาไปได้อีกเกือบ 10 แห่ง
เมื่อการทำร้านชานมไปได้สวย พวกเขาจึงต่อยอดธุรกิจอีกครั้ง กับการทำชานมแบบกระป๋องเพื่อขายใน 7-Eleven ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า Sunsu
แต่กลับกลายเป็นว่าการต่อยอดครั้งนี้ ได้กลายมาเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ที่ทำให้พวกเขาขาดทุนไปกว่า 17 ล้านบาท
อะไรที่ทำให้การขายชานมครั้งนี้ขาดทุนไปกว่า 17 ล้าน ?
1
อาจด้วยเพราะราคาที่สูงไป แม้ 35 บาทจะเป็นราคาที่ไม่ได้แพงอะไรเมื่อเทียบกับชานมแบบแก้วที่ขายตามร้าน
แต่ 35 บาทกลายเป็นสินค้าที่ดูมีราคาค่อนข้างสูงขึ้นมาทันทีเมื่อวางอยู่บนเชลฟ์ใน 7-Eleven ที่มีเครื่องดื่มแบรนด์อื่นเป็นตัวเทียบมากมาย
แม้สินค้าอื่น ๆ ที่ว่าจะไม่ใช่ชานม แต่ก็มีราคาที่ถูกกว่า และที่สำคัญมันคือสินค้าทดแทนกันได้
คือ ‘ใช้เพื่อดับกระหายและเพิ่มความสดชื่นได้’ เช่นกัน
ซึ่งหากใครที่ไม่ได้ตั้งธงมาในใจก่อนเดินเข้า 7-Eleven ว่าจะเข้ามากินชานมจริง ๆ การขายเครื่องดื่มราคา 35 บาทใน 7-Eleven จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อยเลย
2
แม้การขายเครื่องดื่มราคา 35 บาทใน 7-Eleven จะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่กานต์เล่าให้ฟังในคลิปว่า
“ไม่ใช่ว่ามันขายไม่ดี แต่มันไม่มีกำไร”
ซึ่งนั่นก็มาจากการที่พวกเขาไม่มีความรู้ไม่มีประสบการณ์ในการนำสินค้าเข้า 7-Eleven มาก่อน
ไม่ได้คำนึงถึงภาษีและต้นทุนแฝงต่าง ๆ ที่ต้องเจอในระหว่างทำธุรกิจ
3
ไม่ยอมลดต้นทุนในธุรกิจ
อาจด้วยเพราะความละเอียดอ่อน จนทำให้ซารต์ซีเรียสกับเรื่องรสชาติของชานมมาก
แม้จะมีสูตรอื่นที่ทำให้พวกเขาสามารถเลี่ยงภาษีความหวานได้ และรสชาติแทบจะไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก
แต่เธอก็ไม่ยอมทำ แม้คิดว่าการปรับสูตรนี้จะเป็นทางรอดให้ชานมกระป๋องนี้ไปต่อได้ แต่เธอกลับรู้สึกว่าถ้าปรับแล้วจะทำให้ไม่ภูมิใจในรสชาติ สู้ไม่ขายเลยยังจะรู้สึกดีเสียกว่า
4
การบริหารความต้องการของลูกค้า
แม้กระแสตอบรับจะดีแค่ไหน แต่หากไม่มีสินค้าขาย กระแสที่ว่าก็ไม่สามารถแปลงมาเป็นเงินได้อยู่ดี
เช่นเดียวกับชานมกระป๋องของพวกเขา หลังผลิตล็อตแรกออกไปแล้วกระแสดีเกินคาดจนทำให้สินค้าขายไม่พอ
ในเวลาต่อมาพวกเขาจึงสั่งผลิตเพิ่มขึ้นอีก แต่ทว่าสินค้าล็อตที่สองดันเสร็จหลังที่กระแสเริ่มหายไปแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาเสียไปไม่ใช่แค่โอกาสในการขาย แต่คือต้นทุนทางการตลาด ที่มีทั้งเรื่องของเงินและเวลาด้วยเช่นกัน