[RE: ใครเคยตกต่ำ ถึงขั้นไหนกันบ้าง มาแชร์ความลำบากของชีวิต เล่าสู่กันฟังครับ]
James Bourne พิมพ์ว่า:
ตอนเรียนม.ปลาย ติดเพื่อนที่เป็นรูมเมท ซึ่งมันเรียนปวช.ภาคค่ำ ชวนเล่นสนุ้ก
สอนให้เราเล่นกลางคืน แรกๆ ก็เล่นแบบหารกัน
พอเราเริ่มเล่นเป็น มันก็ชวนเล่นพนันติดปลายนวม
ไม้ละ 50 บาท 100 บาท
ไปๆ มาๆ เล่นไฟฟ้า ลูกละ 5 บาท 10 บาท
ซึ่งเราเพิ่งหัดเล่นไง โดนหลอกแ_ก ทีละนิดละหน่อย
จนหมดตรูด แถมเล่นกลางคืน เพราะมันเรียนภาคค่ำ เราเรียนปกติ
เล่นเลิก ตีหนึ่งตีสองตีสาม ไปเรียนไม่ไหว ขาดเรียนยับจนติดมส. (สมัยนั้นนานแล้ว)
ไม่มีเงิน ต้องเดินไปเรียนจากพรานนก ข้ามเรือวังหลังศิริราช บาทเดียว
แล้วเดินต่อไปรร.แถวๆ ใกล้กระทรวงศึกษา
ไม่มีเงินกินข้าว หุงข้าวกินกับซอสภูเขาทองขวดเขียวทั้งเดือน นานๆ ทีต้มมาม่าซองหนึ่ง ซดน้ำกับเส้นผสมข้าว
ตอนโตมา มีช่วงหนึ่งออกจากงานมาขับแท็กซี่
มีอยู่วันหนึ่งขับตั้งแต่ตีห้า ถึง 17.00 แต่ยังได้เงินไม่พอค่าเช่ารถ 650 บาท
ยกมือไหว้ขอเฮียเจ้าของรถ ขอขับต่ออีก 3 ชั่วโมง ถึง 20.00 แล้วจ่ายค่าเช่าเพิ่มอีกนิดหน่อย
เพื่อจะหาเงินมาจ่ายค่าเช่ารถให้พอ
สรุปวันนั้นขับรวมกัน 12+3 ชั่วโมง จ่ายค่าเช่า เติมแก๊ซ ล้างรถเสร็จ นับเงิน
เหลือเงินวันนั้น 37 บาท นั่งร้องไห้ในรถเลย
อีกวันหนึ่ง คือวันสุดท้ายของการจ่ายค่าเช่าบ้าน ต้องจ่ายพรุ่งนี้
ตอนนั้นเปลี่ยนมาเช่าแบบควงกะ ต้องการเงินอีก 2,000 บาทเพื่อจ่ายค่าเช่ารถ
เริ่มขับรถตอนเที่ยงของวันหนึ่ง ปกติจะขับถึงตีสี่ตีห้าแล้วกลับบ้านนอน
แต่วันนั้นขับแล้วยังได้เงินไม่พอ นับๆ ดูแล้วเพิ่งได้มาพันเดียว
เลยต้องฝืนขับต่อไป จนถึงบ่ายโมงของอีกวัน
รวมขับไป 25 ชั่วโมงต่อเนื่อง ไม่ไหว จอดแวะหลับที่โลตัสพระราม 1
โทรบอกเพื่อนสนิทว่า โทรมาปลุกหน่อยนะ ตอนบ่ายสอง กลัวหลับยาว
พอบ่ายสองเพื่อนโทรมาปลุก
ขับต่ออีกชั่วโมงกว่า เพราะต้องเอารถไปเติมแก๊ซแล้วล้างรถ เอารถไปส่งคืน 17.00
ได้เงินมารวมกัน 1,500
ขาด 500 ต้องบากหน้าไปยืมเพื่อน เพื่อโอนค่าบ้านให้ทัน
กลับบ้านนอน วันต่อมาก็กลับไปเช่ารถขับต่อ
โห โคตรสู้เลยท่าน ต่อไปนี้เห็นแท๊กซี่ขับช้าๆ ผมจะพยายามไม่หัวร้อน นับถือเลยจิงๆ
ผมโชคดีเลยนะ จำได้ว่าเด็กๆพ่อแม่กำลังสร้างตัว ลำบากนิดเดียว แค่เด็กๆ ได้กินข้าวกับเต้าหู้เย็นเหยาะซีอิ๊วอย่างบ่อย แทบทุกมื้อ ครอบครัวผมคนจีนอยู่กันเยอะเป็นครอบครัวใหญ่ตอนนั้น มีครอบครัวของพี่ชายพ่อมาอยู่ด้วย บ้านหลังนึงอยู่เป็นสิบ แถมเพิ่งซื้อบ้านต้องอดออมด้วย (กราบพ่อแม่มากๆที่ซื้อไม่ยอมเช่าเอาเหมือนคนอื่น อย่างน้อยก็มีทรัพย์สิน) หลังจากนั้นพอลูกพี่ลูกน้องผมเรียนจบกันไปทำงานทำการ ตอนนี้ก็สบายจนลืมช่วงนั้นไปเลย