BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: Red Devil & Nerazzurri & The Yellow Wall
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 18390
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2021 12:03
[Man utd] ครบรอบ 63 ปีโศกนาฏกรรมมิวนิค





วันนี้ครบรอบโศกนาฏกรรมมิวนิคขอไว้อาลัยให้กับความสูญเสียในครั้งนั้นด้วยครับ

Never To be Forgotten—6th February 1958
#FlowerOfManchester

Football will never forget.....63 ปีที่โลกไม่มีวันลืม

6 กุมภาพันธ์ของทุกปี คือวันแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของโลกฟุตบอล

ทุกพื้นที่”สีแดง”สีประจำสโมสรของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถูกฉาบให้เป็น”สีดำ”

.....รอบสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีจุดสำคัญ 4 จุดให้ทุกคนต้องแวะเวียน

ซึ่งมีอยู่ 1 จุดที่ย้ำเตือนให้ระลึกถึงตำนานฟุตบอลผู้ลาลับไป ตรงกับวันนี้เมื่อ 63 ปีที่แล้ว

นี่คือวันที่สโมสรและแฟนฟุตบอลทุกสโมสร ระลึกถึงเหตุการณ์เครื่องบินตกที่มิวนิค หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า "โศกนาฏกรรมมิวนิค 1958"

สโมสรใช้คำแทนเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า "The darkest day in United′s history"

.......ยูไนเต็ด ต้องเสียบุคคลสำคัญจากเหตุการณ์นั้น และครอบครัวนักเตะต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนคืน

———————————

ขุนพล”บัสบี้เบ๊บส์” ของผู้จัดการทีม แมตต์ บัสบี้ ต้องเสียชีวิต ไปถึง 8 คน

ประกอบด้วย โรเจอร์ เบิร์น, เดวิด เพ็กก์, เอ๊ดดี้ โคลแมน, มาร์ค โจนส์, บิลลี่ วีแลน, ทอมมี่ เทย์เลอร์, เจฟฟ์ เบนท์ และ ดันแคน เอ๊ดเวิร์ดส์

ขณะที่ผู้รอดชีวิตอย่าง แจ็คกี้ บลานช์ฟลาวเวอร์ และ จอห์นนี่ เบอร์รี่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นต้องแขวนสตั๊ด

จะมีนักเตะอย่าง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ในวัย 20 ปี รอดชีวิตมาเช่นเดียวกับ บิลล์ โฟล์คส์, แฮร์รี่ เกร็กก์, เคนนี่ มอร์แกนส์, อัลเบิร์ต สแกนลอน, เดนนิส ไวโอลเล็ตต์ และ เรย์ วู้ด

รวมถึง แม็ตต์ บัสบี้ ที่ใช้เวลารักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน ก่อนจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง
———————————
ความยิ่งใหญ่ของทีมนั้น ถือว่าสร้างความ”สั่นสะเทือน”ให้กับวงการฟุตบอล ในทศวรรษที่ 50 เมื่อ บัสบี้ กุนซือชาวสก็อตแลนด์ ที่มี จิมมี่ เมอร์ฟี่ย์ เป็นมือขวา

ปี 1945 บัสบี้ ปฏิเสธ ลิเวอร์พูล ทีมเก่าสมัยเป็นนักเตะ เพื่อเข้ามาทำงานที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยเน้นการทำงานด้วยการ”ปั้นดาวรุ่ง”เป็นกำลังสำคัญ

เพียงแค่ 3 ปี บัสบี้ นำทัพ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1948 ซึ่งนับเป็นถ้วยรางวัลแรกของสโมสรในรอบเกือบ 40 ปี
———————————

นักเตะหลายคนถูกผลักดันมาจาก “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จูเนียร์ แอธเลติก คลับ” ศูนย์ฝึกเยาวชนในสมัยนั้น

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1951 แจ็คกี้ บลานช์ฟลาวเวอร์ วัย 18 ปี และ โรเจอร์ เบิร์น วัย 21 ปี ลงดวลกับ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือน พ.ย. ปี 1951

ทำให้ แฟรงค์ นิคลิน รองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ในเวลานั้น ได้ตั้งฉายานักเตะชุดนี้ว่า “บัสบี้ เบบส์”
———————————

หลังจากทีมได้แชมป์ลีกปี 1952 นักเตะชุดใหญ่หลายคนเริ่มแยกตัวออกไป แต่นักเตะจากศูนย์ฝึกเริ่มถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เพ็กก์, เดนนิส ไวโอลเล็ตต์, บิลล์ โฟล์คส์ และ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ และอีกหลายคน

ทำให้ทีมนี้เป็นทีมที่มีแต่ดาวรุ่งอนาคตไกลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

สเกาท์สายตาสุดเฉียบแหลม ประจำทีมนั้นคือ โจ อาร์มสตรอง
———————————

ยูไนเต็ด เดินหน้าคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 ปีซ้อน ในซีซั่น 1955-1956 และ 1956-57 ด้วยอายุเฉลี่ยนักเตะเพียง 22 ปี

กระทั่งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 ยูไนเต็ด บุกไปเสมอกับ เรดสตาร์ เบลเกรด ทีมดังของยูโกสลาเวีย 3-3 เข้าสู่รอบตัดเชือกยูโรเปี้ยนคัพ ไปรอดวลกับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน

ระหว่างเดินทางด้วยเครื่องบิน ไฟลท์ BE609 ของสายการบิน British European Airways เกิดเรื่องที่ไม่ควรจะบังเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้นในโลกนี้
———————————

ปัญหาเริ่มต้นที่เครื่องบินมีน้ำมันไม่พอ จึงต้องแวะเติมน้ำมันที่สนามบินมิวนิค เยอรมัน

แต่พอเติมน้ำมันเสร็จแล้ว นักบินกลับไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้ตามปกติ เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ก่อนจะชนรั้วสนามบินและบ้านข้างเคียง และระเบิดในที่สุด

ยังผลให้เกิดการสูญเสียครั้งสำคัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทันที 23 คน และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น

นักเตะของยูไนเต็ด 8 คน และทีมสตาฟฟ์อีก 3 คนไม่ได้กลับบ้าน.........
———————————

สุดท้าย บัสบี้ กลับมาคุมทัพและพาทีมกลับมาเป็นแชมป์ลีกได้อีกครั้ง ด้วยขุนพลรุ่นใหม่อย่าง จอร์จ เบสต์, น็อบบี้ สไตล์ส, ไบรอัน คิดด์ บวกกับ ชาร์ลตัน และโฟลค์ ที่เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของทีมชุดก่อน

พวกเขาผงาดแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ ปี 1968 เป็นทีมแรกของอังกฤษ ที่ทำได้
———————————

จากวันนั้นถึงวันนี้ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จะมีการร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมดังกล่าว โดยทุกคนจะใช้รหัส "Flower Of Manchester"

ที่มาก็จาก The Spinner ที่แต่งเพลง Flower Of Manchester เพื่อรำลึกถึงนักเตะยูไนเต็ดในยุคนั้น
———————————

ปีก่อน เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแมนฯยูไนเต็ด ได้เผยแพร่สารคดี Munich Remembered ออกมาเป็นที่เรียบร้อยผ่านทุกช่องทางโซเชี่ยลมีเดียของสโมสร เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

มาถึงปีนี้คือปีที่ 63 แล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าที่จะลืมเลือนฝันร้ายในหนนั้นได้เลย...........

เครดิต จากเพจบี แหลมสิงห์

เนื้อเพลงที่ร้องในพิธีทุกปีครับ

One cold and bitter Thursday in Munich, Germany,
Eight great football stalwarts conceded victory,
Eight men will never play again who met destruction there,
The flowers of English football, the flowers of Manchester
Matt Busby’s boys were flying, returning from Belgrade,
This great United family, all masters of their trade,
The pilot of the aircraft, the skipper Captain Thain,
Three times they tried to take off and twice turned back again.
The third time down the runaway disaster followed close,
There was slush upon that runaway and the aircraft never rose,
It ploughed into the marshy ground, it broke, it overturned.
And eight of the team were killed as the blazing wreckage burned.
Roger Byrne and Tommy Taylor who were capped for England’s side.
And Ireland’s Billy Whelan and England’s Geoff Bent died,
Mark Jones and Eddie Colman, and David Pegg also,
They all lost their lives as it ploughed on through the snow.
Big Duncan he went too, with an injury to his brain,
And Ireland’s brave Jack Blanchflower will never play again,
The great Matt Busby lay there, the father of his team
Three long months passed by before he saw his team again.
The trainer, coach and secretary, and a member of the crew,
Also eight sporting journalists who with United flew,
and one of them Big Swifty, who we will ne’er forget,
the finest English ‘keeper that ever graced the net.
Oh, England’s finest football team its record truly great,
its proud successes mocked by a cruel turn of fate.
Eight men will never play again, who met destruction there,
the flowers of English football, the flowers of Manchester
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
แก้ไขล่าสุดโดย AlfaZero เมื่อ Sat Feb 06, 2021 12:03, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2019
ตอบ: 2331
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2021 12:13
ถูกแบนแล้ว
[RE: [Man utd] ครบรอบ 63 ปีโศกนาฏกรรมมิวนิค]
คืนนี้น่าจะวิ่งสู้ฟัดอยู่ แต้มทาบจ่าฝูงกดดันเค้าหน่อย
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jul 2007
ตอบ: 3858
ที่อยู่: เดินไปเจอขี้ ถ้าเดินข้ามไปตีนก็ไม่เลอะขี้
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2021 13:34
[RE: [Man utd] ครบรอบ 63 ปีโศกนาฏกรรมมิวนิค]
หลังจากนั้น จอส์จเบส ก็วาดลวดลายบนผืนหญ้าได้อย่างเมามันส์ ทั้งใน สนามและนอกสนามเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Jan 2011
ตอบ: 8662
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2021 15:58
[RE: [Man utd] ครบรอบ 63 ปีโศกนาฏกรรมมิวนิค]
น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดของแมนยูแล้วครับ
ของหงส์ก็คงฮิลส์เบอร์โร่กับนัดชิงยูโรเปี่ยนคัพ
ขอแสดงความเสียใจและรำลึกถึงแก่ทุกคนที่เสียชีวิตด้วยครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
i mania
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2027
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Feb 06, 2021 20:00
[Man utd] ครบรอบ 63 ปีโศกนาฏกรรมมิวนิค
หลังจากเหตุครั้งนั้น แมนยูสูญเสียเยอะมาก นักเตะที่ควรจะเป็นตำนาน อย่างดันแคน เอ็ดเวิร์ด คนที่เซอร์ชาลตันบอก ว่าเก่งที่สุดในรุ่น ต้องตายไป
แต่หลังจากนั้น แมนยู ก้ได้ต้อนรับเทพบุตรปีศาจ
จอร์จ เบสต์
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel