เอาอย่างนี้ดีกว่า เราลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน แบบตัดเคสเรื่อง SH ออกไปเลยนะ เอาเรื่องให้ร้ายและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเดียว
สมมุติว่า A กับ B ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
A มีปัญหากับหัวหน้า เรื่องราวใหญ่โต กรรมการลงมาตรวจสอบไล่ถามทุกคน ทุกคนบอกไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นอะไรเลย ทีนี้ A โบ้ยว่า B มันเห็น มันรู้เรื่องแต่มันไม่ยอมพูด ทีนี้กรรมการมาไล่บี้ B ว่าเหยื่อบอกว่าคุณรู้ แต่ทำไมรู้แต่ไม่ยอมพูด คุณจงใจปกป้องคนผิดใช่หรือไม่ แล้วทุกคนในออฟฟิศก็จ้องมองมาที่ B ว่าทำไม B เป็นคนแบบนี้ จนทำให้ B ดูแย่ในสายตาคนทั้งออฟฟิศไปแล้ว
คำถามคือ ระหว่าง (1) B ตอบแค่ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ โดยไม่มีอะไรมาซัพพอร์ทเลย กับ (2) B ตอบ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ และมีการพูดถึงเรื่องประเด็นส่วนตัวระหว่าง A กับ B เพื่อมาแสดงให้เห็นว่า A เหมือนตั้งใจจะใส่ร้าย B 'ถ้าเป็นคุณจะเลือกตอบแบบข้อไหน แล้วคิดว่าการเอาประเด็นส่วนตัวมาใช้ในการแก้ต่างแบบนี้มันผิดหรือไม่'
ย้ำอีกครั้งนะ ว่าตัดเรื่อง SH ออกไปในกรณีสมมุตินี้ ส่วนตัวเราคิดว่า เรามีสิทธิใช้ข้อมูลทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและยืนยันความบริสุทธิ์ของเรานะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Thailand National Football Team Supporter
I support Ratchaburi Mitrphol Football Club
เอาอย่างนี้ดีกว่า เราลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน แบบตัดเคสเรื่อง SH ออกไปเลยนะ เอาเรื่องให้ร้ายและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเดียว
สมมุติว่า A กับ B ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
A มีปัญหากับหัวหน้า เรื่องราวใหญ่โต กรรมการลงมาตรวจสอบไล่ถามทุกคน ทุกคนบอกไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นอะไรเลย ทีนี้ A โบ้ยว่า B มันเห็น มันรู้เรื่องแต่มันไม่ยอมพูด ทีนี้กรรมการมาไล่บี้ B ว่าเหยื่อบอกว่าคุณรู้ แต่ทำไมรู้แต่ไม่ยอมพูด คุณจงใจปกป้องคนผิดใช่หรือไม่ แล้วทุกคนในออฟฟิศก็จ้องมองมาที่ B ว่าทำไม B เป็นคนแบบนี้ จนทำให้ B ดูแย่ในสายตาคนทั้งออฟฟิศไปแล้ว
คำถามคือ ระหว่าง (1) B ตอบแค่ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ โดยไม่มีอะไรมาซัพพอร์ทเลย กับ (2) B ตอบ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ และมีการพูดถึงเรื่องประเด็นส่วนตัวระหว่าง A กับ B เพื่อมาแสดงให้เห็นว่า A เหมือนตั้งใจจะใส่ร้าย B 'ถ้าเป็นคุณจะเลือกตอบแบบข้อไหน แล้วคิดว่าการเอาประเด็นส่วนตัวมาใช้ในการแก้ต่างแบบนี้มันผิดหรือไม่'
ย้ำอีกครั้งนะ ว่าตัดเรื่อง SH ออกไปในกรณีสมมุตินี้ ส่วนตัวเราคิดว่า เราของเรานะ
ผมไม่ค่อยเข้าใจตัวอย่างสมมุติของคุณเท่าไหร่นะครับตัดประเด็น sh ไปแต่ case สมมุตินี้คือเรื่องอะไรอ่ะครับ
ผมต้องตอบแบบที่ B เป็นตัวผมเองหรือต้อง roleplay ว่า b เป็นคนอื่น งงตรง choice เขียนเหมือนให้ผมเป็นบุคคลที่สาม
ผมลองตอบเอาที่ b เป็นตัวผมเองเลยนะ
แล้วทีนี้บอกว่ามีสิทธิใช้ข้อมูลทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและยืนยันความบริสุทธิ์
แล้วทำไม choice (1) ถึงต้องตอบแบบไม่มีอะไร support เลย ทั้งๆที่ถ้า A กล่าวหาว่าผมรู้ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็จะบอกไปว่า ไม่รู้ แล้วถามต่อว่าทำไมถึงคิดว่าผมรู้ ให้อีกฝั่งเค้าบอก context มา ผมจะได้อธิบายด้วยข้อมูลอื่นตาม context ให้ถูก ส่วนประเด็นส่วนตัวของผมกับฝ่ายกล่าวหาผมไม่พูดถึงนะ ผมมองว่าไม่ได้เกี่ยวกัน
เอาอย่างนี้ดีกว่า เราลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน แบบตัดเคสเรื่อง SH ออกไปเลยนะ เอาเรื่องให้ร้ายและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเดียว
สมมุติว่า A กับ B ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
A มีปัญหากับหัวหน้า เรื่องราวใหญ่โต กรรมการลงมาตรวจสอบไล่ถามทุกคน ทุกคนบอกไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นอะไรเลย ทีนี้ A โบ้ยว่า B มันเห็น มันรู้เรื่องแต่มันไม่ยอมพูด ทีนี้กรรมการมาไล่บี้ B ว่าเหยื่อบอกว่าคุณรู้ แต่ทำไมรู้แต่ไม่ยอมพูด คุณจงใจปกป้องคนผิดใช่หรือไม่ แล้วทุกคนในออฟฟิศก็จ้องมองมาที่ B ว่าทำไม B เป็นคนแบบนี้ จนทำให้ B ดูแย่ในสายตาคนทั้งออฟฟิศไปแล้ว
คำถามคือ ระหว่าง (1) B ตอบแค่ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ โดยไม่มีอะไรมาซัพพอร์ทเลย กับ (2) B ตอบ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ และมีการพูดถึงเรื่องประเด็นส่วนตัวระหว่าง A กับ B เพื่อมาแสดงให้เห็นว่า A เหมือนตั้งใจจะใส่ร้าย B 'ถ้าเป็นคุณจะเลือกตอบแบบข้อไหน แล้วคิดว่าการเอาประเด็นส่วนตัวมาใช้ในการแก้ต่างแบบนี้มันผิดหรือไม่'
ย้ำอีกครั้งนะ ว่าตัดเรื่อง SH ออกไปในกรณีสมมุตินี้ ส่วนตัวเราคิดว่า เราของเรานะ
ผมไม่ค่อยเข้าใจตัวอย่างสมมุติของคุณเท่าไหร่นะครับตัดประเด็น sh ไปแต่ case สมมุตินี้คือเรื่องอะไรอ่ะครับ
ผมต้องตอบแบบที่ B เป็นตัวผมเองหรือต้อง roleplay ว่า b เป็นคนอื่น งงตรง choice เขียนเหมือนให้ผมเป็นบุคคลที่สาม
ผมลองตอบเอาที่ b เป็นตัวผมเองเลยนะ
แล้วทีนี้บอกว่ามีสิทธิใช้ข้อมูลทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและยืนยันความบริสุทธิ์
แล้วทำไม choice (1) ถึงต้องตอบแบบไม่มีอะไร support เลย ทั้งๆที่ถ้า A กล่าวหาว่าผมรู้ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็จะบอกไปว่า ไม่รู้ แล้วถามต่อว่าทำไมถึงคิดว่าผมรู้ ให้อีกฝั่งเค้าบอก context มา ผมจะได้อธิบายด้วยข้อมูลอื่นตาม context ให้ถูก ส่วนประเด็นส่วนตัวของผมกับฝ่ายกล่าวหาผมไม่พูดถึงนะ ผมมองว่าไม่ได้เกี่ยวกัน
เราเขียน A กับ B เพื่อให้เห็นบริบทโดยรวมว่า เริ่มเรื่อง A กับ B ไม่ถูกกันอยู่แล้ว และภาพรวมในออฟฟิศตีตรา B ว่าเป็นคนไม่ดีไปแล้ว และสิ่งที่ A ทำคือตั้งใจป้ายสี B ทั้งๆที่ควรไปบี้เอาผิดเจ้านายมากกว่า
แต่ก็พอเข้าใจแล้วแหละ ว่ายังไงคุณก็คงจะไม่เบลมเหยื่อ ต่อให้เขาไม่ถูกกับคุณ เบลมคุณ หรือตั้งใจทำให้ทั้งออฟฟิศมองคุณแย่ขนาดไหนก็ตาม ถือว่าคุณเป็น type ของผู้ยอมเสียสละเลย ซึ่งก็คงมีความคิดเห็นไม่ตรงกับเราที่เป็น type แบบมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อนก็ได้
เอาอย่างนี้ดีกว่า เราลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน แบบตัดเคสเรื่อง SH ออกไปเลยนะ เอาเรื่องให้ร้ายและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเดียว
สมมุติว่า A กับ B ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
A มีปัญหากับหัวหน้า เรื่องราวใหญ่โต กรรมการลงมาตรวจสอบไล่ถามทุกคน ทุกคนบอกไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นอะไรเลย ทีนี้ A โบ้ยว่า B มันเห็น มันรู้เรื่องแต่มันไม่ยอมพูด ทีนี้กรรมการมาไล่บี้ B ว่าเหยื่อบอกว่าคุณรู้ แต่ทำไมรู้แต่ไม่ยอมพูด คุณจงใจปกป้องคนผิดใช่หรือไม่ แล้วทุกคนในออฟฟิศก็จ้องมองมาที่ B ว่าทำไม B เป็นคนแบบนี้ จนทำให้ B ดูแย่ในสายตาคนทั้งออฟฟิศไปแล้ว
คำถามคือ ระหว่าง (1) B ตอบแค่ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ โดยไม่มีอะไรมาซัพพอร์ทเลย กับ (2) B ตอบ ไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ และมีการพูดถึงเรื่องประเด็นส่วนตัวระหว่าง A กับ B เพื่อมาแสดงให้เห็นว่า A เหมือนตั้งใจจะใส่ร้าย B 'ถ้าเป็นคุณจะเลือกตอบแบบข้อไหน แล้วคิดว่าการเอาประเด็นส่วนตัวมาใช้ในการแก้ต่างแบบนี้มันผิดหรือไม่'
ย้ำอีกครั้งนะ ว่าตัดเรื่อง SH ออกไปในกรณีสมมุตินี้ ส่วนตัวเราคิดว่า เรามีสิทธิใช้ข้อมูลทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและยืนยันความบริสุทธิ์ของเรานะ