โลกสงบสุข!!! ไบรท์ตันเมาค้าง 'เรือ' ยกซด 4-1 แชมป์พรีเมียร์ 2 ปีซ้อน
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ปกป้องโลกจากขบวนการรถแห่ไว้ได้สำเร็จถูกไบรท์ตันที่ก่อนเกมมีข่าวนักเตะท่องราตรี 3 คืนติดนำก่อนแต่ตีเสมอเร็วก่อนจะรัวแซงบุกชนะขาดลอย 4-1 จบฤดูกาลด้วยอันดับ 1 เหนือลิเวอร์พูลแต้มเดียวคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ปีซ้อนและแชมป์ลีกอังกฤษสมัยที่ 6 ของพวกเขา
ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน
Starting Formation: 4-4-1-1
2.
บรูโน่ ซัลตอร์[C]
84'
5.5
16.
อาลีเรซ่า ญาฮานบัคช์
67'
5.5
17.
เกล็นน์ เมอร์รี่ย์
68'
6
ตัวสำรอง
22.
มาร์ติน มอนโตย่า
84'
5.5
9.
เยอร์เก้น โลคาเดีย
67'
5.5
10.
ฟลอริน อันโดเน่
68'
5.5
พรีเมียร์ลีก 2018/19 นัดที่ 38
สนาม เอเมกซ์ สเตเดียม
อาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2562
กรรมการ ไมเคิล โอลิเวอร์
ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน
1
4
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1-1 อเกวโร่ 28'
1-2 ลาปอร์ต 38'
1-3 มาห์เรซ 64'
1-4 กุนโดกัน 72'
ไบรท์ตันสั่งลาบรูโน่-เรืออัดตัวรุก
ไบรท์ตันความหวังสุดท้ายของลิเวอร์พูลฟอร์มโหลยโท่ยไม่ชนะ 9 เกมซ้อน (เสมอ 3, แพ้ 6) ไม่รู้รอดตกชั้นมาได้ไง เกมนี้กุนซือคริส ฮิวจ์ตันส่งบรูโน่ ซัลตอร์แบ็คขวากัปตันทีมผู้รับใช้สโมสรมา 7 ปีลงตัวจริงนัดสุดท้ายก่อนแขวนสตั๊ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ความหวังสุดท้ายของมวลมนุษยชาติฟอร์มในลีกสุดยอดชนะมา 13 เกมรวด เกมนี้โค้ชเป๊ปเอาตายส่งริยาด มาห์เรซลงมาช่วยลากเลื้อยและถอยแบร์นาร์โด้ ซิลวาลงไปช่วยปั้นเกมตรงกลางส่วนตัวเข้าทำนำโดยเซร์คิโอ อเกวโร่และราฮีม สเตอร์ลิ่งเช่นเคย
คู่นี้เจอกัน 4 ครั้งหลังสุดเรือใบสีฟ้าชนะรวดน่าจะทำให้เดอะ ค็อปยิ่งห่อเหี่ยว
แบร์นาร์โด้เกือบหลุด!โดนสไลด์ก่อนยิง
ซิตี้บุกจากขวาไปซ้ายของจอทักทายก่อนเมื่อบิสซูม่าเสียบอลในแดนตัวเองให้แบร์นาร์โด้ลากลุยเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวากำลังจะได้สับไกแต่บิสซูม่าแก้ตัวตามไปสไลด์ขวางไว้ได้
ปีกอิหร่านส่องคืน
ไบรท์ตันเอาจริงรับทั้งทีมแต่ก็มีฉากตอบโต้โดยอาลีเรซ่า ญาฮานบัคช์ปีกทีมชาติอิหร่านคนที่ก่อนเกมแฟนบอลเจ้าถิ่นฝากความหวังน้อยสุดลากตัดจากกราบซ้ายเข้าในแล้วส่องไกลด้วยขวาบอลพุ่งผ่านเสาแรกออกไปอันตรายใช้ได้
เอล กุนเริ่มคลำเป้า
เซร์คิโอ อเกวโร่หนึ่งในความหวังสูงสุดของซิตี้ลำบากหน่อยแทบไม่มีพื้นที่ให้กระดิกตัวแต่ยังหาช่องสับไกได้ในนาทีที่ 12 ติดบล็อคและนาทีต่อมาสเตอร์ลิ่งโยนจากด้านขวาให้อเกวโร่โหม่งโดนไม่เต็มก่อนที่บรูโน่จะหวดทิ้งไปไกล ๆ เลย
ลิ่งเปิดโดนปัด
อีกตัวอันตรายของแมนฯ ซิตี้คือราฮีม สเตอร์ลิ่งจังหวะนี้วาดลวดลายกระชากไปทางขวาถึงสุดเส้นแล้วเปิดพุ่งมาในกรอบ 6 หลามีอเกวโร่รอจบแต่ไรอันโดดออกไปปัดได้ก่อน
มาห์เรซเปิดบ้างโดนปัดเหมือนกัน
ซิตี้มาอีกแล้วจ่ายมาในเขตโทษฝั่งซ้ายให้มาห์เรซวันนี้เล่นทางซ้ายเป็นตัวเปิดผ่านจากเส้นหลังเข้ากลางจะให้อเกวโร่เข้าฮอสแต่ไรอันพุ่งมาปัดได้ก่อนอีกครั้ง
ไบรท์ตันนำ!!!เมอร์รี่ย์โขกเตะมุม
ลิเวอร์พูลทั่วโลกเฮกันลั่นเมื่อไบรท์ตันทำเซอร์ไพรส์ขึ้นนำ 1-0 เตะมุมฝั่งซ้ายปาสคาล โกรสส์โยนด้วยขวาโค้งยัดมาเสาแรกซินเชนโก้ตัวคุมเส้นกระโดดอย่างเตี้ยเจอเกล็นน์ เมอร์รี่ย์ขึ้นกดโขกตู้มเผาขนตัดหน้าเอแดร์ซอนตุงตาข่าย
เรือเจ๊าไว!!!ซิลวาตอกส้นกุนยิงดากส์ไหม้
แต่เดอ ค็อปลิงโลดได้แป๊ปเดียวซิตี้ตีเสมอทันควัน 1-1 กุนโดกันจ่ายยัดมาในเขตโทษฝั่งซ้ายแบร์นาร์โด้ตอกส้นจังหวะเดียวให้อเกวโร่หลุดเดี่ยวกดด้วยซ้ายลอดขาไรอันเข้าไปอย่างเฉียบขาด ! ทั้ง 2 ประตูนี้ห่างกันแค่ 83 วินาที
มาห์เรซลากยิงติดเซฟไรอัน
ซิตี้เริ่มเล่นอย่างมั่นใจกล้าเลี้ยงลุยยิ่งมาห์เรซยิ่งหายห่วงได้บอลในเขตโทษด้านขวาโยกหลอกตัวประกบแล้วกระชากไปซัดมุมแคบไรอันซูเปอร์เซฟบล็อคออกหลังไปได้
เรือนำแล้ว!!!เตะมุมบ้างลาปอร์ตโขกตู้ม
ลิเวอร์พูลจืดสนิทเมื่อซิตี้พลิกขึ้นนำ 2-1 จังหวะต่อเนื่องจากเมื่อกี๊เตะมุมฝั่งขวามาห์เรซโยนโค้งมาหน้าประตูเมอร์รี่ย์ประกบพลาดปล่อยให้อายเมริก ลาปอร์ตสลัดหลุดไปโขกเต็มหน้าผากบอลพุ่งซุกก้นตาข่ายไรอันหมดสิทธิ์
ลิ่งปาดโดนสกัด
ซิตี้ใช้สูตรออกข้างตบเข้ากลางย้ำเข้าไปเมื่อสเตอร์ลิ่งโยกมาขึ้นทางซ้ายบ้างกระชากเข้าไปในกรอบโทษถึงสุดเส้นผ่านเข้ากลางอเกวโร่มาอีกแล้วแต่มีกองหลังไบรท์ตันมาสกัดทิ้งก่อน
เฮ้ย ได้ว่ะ!ดังค์ฟรีคิกเอแดร์ซอนต้องปัด
ช่วงทดเจ็บไบรท์ตันได้ฟรีคิกหน้าหัวกระโหลกเข้าไปขอยิงกันเพียบสุดท้ายลูอิส ดังค์ได้ชิ้นปลามันลองกดด้วยขวาบอลพุ่งตรงตัวแต่แอบส่ายจนเอแดร์ซอนต้องปัดข้ามคาน
ทว่าผู้ตัดสินเป่าจบทันทีไม่ให้เตะมุมทำให้หมดครึ่งแรกเรือใบสีฟ้าบุกนำ 2-1 โดยที่ครองบอล 67% โอกาสเยอะกว่า 11 (5) ต่อ 5 (2) ครั้ง
มาห์เรซเปิดยัดโดนสกัด
ครึ่งหลังซิตี้บุกจากซ้ายไปขวาของจอบ้างลงมาเล่นแบบเกร็ง ๆ หน่อยเหมือนจะเน้นชัวร์แต่ยังได้ทักทายก่อนในจังหวะจ่ายมาที่ว่างกราบขวาให้มาห์เรซเปิดยัดไปหน้าประตูมีตัวเข้าชาร์จแต่ดัฟฟี่เตะสกัดออกหลังไปได้หวุดหวิด
เรือเกร็งจิกหมอน!ดังค์โขกโต้
ซิตี้เกร็งจริงเน้นการครองบอลไม่เร่งเข้าทำเป็นโอกาสของไบรท์ตันจากฟรีคิกกราบซ้ายน็อคการ์ตโยนโด่งไปเสาไกลบอมบ์ใส่ซินเชนโก้ขึ้นสู้ไม่ไหวเจอดังค์ลอยตัวโขกข้ามคาน
กุนยิงผิดเหลี่ยม!กุนโดกันซ้ำติดบล็อค
ซิตี้บุกด้วยสูตรถนัดจ่ายทะลุช่องไปในเขตโทษด้านซ้ายให้สเตอร์ลิ่งตบจากเส้นหลังย้อนมาตรงกลางอเกวโร่โล่ง ๆ หวดด้วยซ้ายแป้กอย่างน่าเสียดายบอลกระดอนมาที่หัวกระโหลกกุนโดกันยิงซ้ำเต็มพลังก็เจอไบรท์ตันช่วยกันบล็อค
ไม่น่าพลาด!!!มาห์เรซล็อกยิงหายเรือจ่อแชมป์
เรือใบสีฟ้าเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้นำห่าง 3-1 จังหวะขึงเกมรุกชิ่งบอลล้อมกรอบโทษซิลบาจ่ายมาหน้าหัวกระโหลกให้ริยาด มาห์เรซง้างซ้ายข้างถนัดหลอกให้ดังค์ทิ้งตัวขวางแล้วล็อกหลบเข้าขวาก่อนจะสับไกไรอันพุ่งปัดโดนแค่ปลายมือบอลลอยเข้าประตูไป
กุนโดกันแปเฉียดเสา
ซิตี้กลับมาเล่นอย่างมั่นใจหลังจากเกร็งอยู่นานชิ่งบอลติ๊กต่อกกันสนุกสนานทะลุเข้าไปในเขตโทษอเกวโร่เบิ้ลคืนหลังตั้งให้กุนโดกันแปด้วยขวาเฉียดเสาออกไปไม่งั้นจบเลย
โลกสงบ!!!กุนโดกันฟรีคิกงามหยด 4-1
ชาวซิติเซ่นส์ทั้งพันธุ์แท้และเฉพาะกิจทั่วโลกเตรียมฉลองแชมป์เมื่อซิตี้นำขาดลอย 4-1 ฟรีคิกหน้าหัวกระโหลกระยะราว ๆ 25 หลาอิลคาย กุนโดกันกดด้วยขวาบอลโค้งข้ามกำแพงหนีมือไรอันที่บินมาสุดตัวแล้วก็ไม่ถึงเบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
ไบรท์ตันสั่งลาบรูโน่
ไบรท์ตันไม่รู้ด้วยใครจะแชมป์ใครจะว่าวเพราะพระเอกตัวจริงของพวกเขาในวันนี้คือบรูโน่ ซัลตอร์ถูกเปลี่ยนตัวพร้อมส่งปลอกแขนกัปตันทีมให้ลูอิส ดังค์และเดินออกมาปิดฉากเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังลั่น
เรือแชมป์พรีเมียร์ซีซั่นนี้
นาที 87 เรือใบสีฟ้าได้ลุ้นยิงเพิ่มเล็ก ๆ จากเดอ บรอยน์ที่ลงมาแทนซิลบาได้ประมาณ 10 นาทีซัดฟรีคิกเข้ามือไรอัน ! จากนั้นช่วงทดเจ็บทั้ง 2 ทีมเล่นไปเรื่อย ๆ รอเสียงนกหวีดยาวดัง
แล้วก็จบเกมแมนฯ ซิตี้บุกชนะขาดลอย 4-1 ท่ามกลางผู้ชมในสนาม 30,662 คนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2018/19 ไปครองนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและสมัยที่ 4 ของพวกเขาแต่หากนับรวมแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษตั้งแต่ยังเป็นดิวิชั่น 1 ด้วยจะถือเป็นสมัยที่ 6
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
2.
ไคล์ วอล์คเกอร์
88'
6.5
4.
แว็งซองต์ กอมปานี[C]
86'
6.5
35.
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
6.5
21.
ดาบิด ซิลบา
78'
7.5
ตัวสำรอง
30.
นิโคลัส โอตาเมนดี้
86'
5.5
3.
ดานิโล่
88'
5.5
17.
เควิน เดอ บรอยน์
78'
6
แก้ไขล่าสุดโดย tHecH@mp เมื่อ Mon May 13, 2019 02:22, ทั้งหมด 16 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ