พอดีได้มรดกมาก้อนหนึ่งครับ แต่ไม่รู้จะบริหารจัดการยังไงดีให้งอกเงย

ฝากแบงค์ ก็ได้ดอกน้อยต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก

พอศึกษากองทุนก็มีเยอะไปหมดแต่ก็มีความเสี่ยงกับได้ผลตอบแทนน้อย

จะไปลงทุนอสังหาก็ไม่มีความรู้มากนัก เคยลงพลาดไปเงินจมสุดท้ายต้องปล่อยเสียฟรี

หุ้นก็ศึกษาบ้างครับ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง โลภ สุดท้ายเงินก็จม

เรียนปลูกผักกลับมาบ้านเริ่มปลูกผักบุ้ง ก็งอกออกมาต้นกระจึ๋ง ขุดดินจอบก็ฟันมือเลือดโชก กลัวหนอนอีก

ปรึกษาเพื่อน

เพื่อนก็แนะนำทำอะไรที่เราถนัด

ยากเลยทีนี้เพราะที่ผ่านมาทำงานเป็นเป็ด ถนัดอะไรก็ไม่สุดซักอย่าง แถมอะไรที่เราถนัดผมก็เริ่ม Burn out กับมันเสียแล้ว (ตอนนี้ก็ต้องมาหาอีกว่าอะไรที่ทำให้เรา Burn out)

ตอนนี้ก็พยายามคิดจนหัวแตกครับ อะไรที่เราถนัด เราอยากทำอะไร กลัวเรื่องลงทุนเองไปซะทุกอย่างไม่อยากให้ต้นหายไปซักบาท

เลยหันกลับมามองว่าเอาวะ ทำงานไปเหมือนเดิม ระหว่างที่คิดก็ให้เงินมันหมุนไปเองได้ด้วยแล้วก็มีคนมาช่วยแนะนำด้วย

เลยอยากจะมาถามครับว่าใคร

1. เคยใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินไหมครับ
2. ต้องจ่ายค่าที่ปรึกษายังไงครับแพงไหมครับ
3. มีบริษัทแนะนำไหมครับ


ป.ล. ถึงคนที่ยังคิดว่าตัวเองเงินน้อยนะครับ ผมว่าเริ่มศึกษาการบริหารเงิน นี่น่าจะดีนะครับยิ่งเริ่มไว ยิ่งดีผมจะ 35 แล้วแอบเสียดายเวลาเหมือนกันที่เริ่มช้า พึ่งจะเริ่มตื่นตัว ทำงานมา 15 ปีแล้ว จริงๆ น่าจะมีล้านแรกเองได้แล้ว ตอนนี้พึ่งจะเริ่มมีวินัยทางการเงินขึ้นมาหน่อยแต่ต้องสร้างนิสัยเองอีก แล้วก็พึ่งมาศึกษาอีก พอวันที่การเงินพร้อมกลายเป็นตัวเราไม่พร้อมอะไรเลยช้าไปได้อีก

ป.ล. ขอบคุณทุกคนที่ให้คำแนะนำครับ

เรื่องที่ปรึกษาทางการเงินคงบอกไม่ได้ครับ ไม่เคยใช้บริการ

แต่ส่วนตัว (ไม่รู้ว่าเงินก้อนนั้นเท่าไหร่เหมือนกัน) แต่ถ้ามันเยอะหลักล้าน แต่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนอื่นๆ ผมว่าลองมองไปที่พันธบัตรรัฐบาลก็น่าสนใจครับ

เริ่มศึกษาเองก็ได้นะครับ
ผมดูยูทูปเอาหลักๆก็ช่อง Kim Property Live

มาเกาะด้วยคน

คิดว่าท่านน่าจะหมายถึง ที่ปรึกษาการลงทุนมากกว่านะครับ

บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นดูแลการเงินพวกบริษัทซะมากกว่า

แต่ในรายละเอียดเรื่องที่ปรึกษาการลงทุนไม่ทราบเหมือนกันครับ ไม่เคยใช้บริการ

ประมาณ 10 ครับ

คุณต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่าคุณอยากได้อะไร จะสร้างธุรกิจใหญ่โต หรือจะให้เป็นเงินเย็น กินจากกองนั้นไปเรื่อยๆ แบบหลังไม่ยากเลย เอาไปใส่กองทุนที่ผลตอบแทน 3-5% ได้ปีละ 3-5 แสน ก็มีเงินใช้ 2-4 หมื่นทุกเดือนแล้ว เงินต้นก็ (อาจ) ไม่หายด้วย แต่ถ้าจะทำธุรกิจก็ต้องมานั่งคิดอีกว่าจะทำอะไร อันนี้ที่ปรึกษาอาจช่วยได้

ปล. ในไทยที่ปรึกษาหลายเจ้ามักเน้น "ขาย" มากเกินไปนะ ทั้งประกันหรือกองทุน คุณอาจรำคาญได้

เคยใช้ของสีเขียวๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย เดินไปปรึกษาเค้าว่ามีเงินก้อนนึง อยากลงทุน แล้วก็ลงรายละเอียดกับเค้าเลย แต่เคสผมแค่ลงทุนเฉยๆไม่ได้มีอะไรซีเรียส คือเอาเท่าที่บริการเค้ามี เพียงแต่จะเลือกลงที่ไหนเท่านั้น เลยไม่มีค่าใช้จ่าย

พี่ชาย ผมเป็นน้องที่พลัดพรากจากพี่ไปเมื่อสิบปีก่อน พี่มีปานแดงที่แขนซ้าย น้องมีปานแดงที่แขนขวา

ลองเรียนเรื่องกองทุนใน A academy ครับในยูทูป
ผมสรุปให้คร่าวๆเลยคือ แบ่งเงินเป็นสามกอง กองละ 33% ลงสามกองทุน

พันบัตร
อสังหา
หุ้น

ปีที่ตลาดปกติ เราจะกินปันผลจากกองหุ้น ในปีที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเราจะกินปันผลจากกองพันบัตร ประมาณนั้น

ฝากกับบริษัทผมได้นะครับ การันตี 3.12/เปอร์เซ็นต์ ต่อปีครับ

avenger planner ที่เดียวจบ

เดินเข้าไปที่ธนาคารเลยก็ได้ครับ เค้าจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุน ลองคุยหลายๆที่ครับ

55555555

เอาจริง ๆ ผมยังมองว่ามันน้อยนะยังไม่เพียงพอต่อการเกษียณหรือใช้ชีวิตได้ยาว ๆ แบบสบาย ๆ นะอย่าง ต่ำ ๆ ผมว่าต้องอย่างน้อยซัก 100 ครับ กินดอกแบงค์ (รวมกับแฟน 2 คน)

เอาจริง ๆ ถ้าคลุกคลีคคนมีเงิน หรือ หาเงินเก่ง 1 ล้านต่อปีเขาหากันสบายเลย

บริษัทอะไรหรือครับ