[RE: เมื่อเราต้องอยู่กับแฟนที่เป็นโรคซึมเศร้า (+ไบโพ)]
Gothamneedsyou พิมพ์ว่า:
ด้วยความเคารพครับท่าน โรคซึมเศร้านี่เป็นเรื่องของความแข็งแกร่งของจิตใจและมุมมองล้วนๆครับ
ขออนุญาตแนะนำคร่าวๆนะครับ พื้นฐานคือเขาต้องเข้าใจคุณค่าในตัวเองก่อน คนทุกคนมีค่าครับ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณจะช่วยเขาได้ก็คือ ทำให้เขาหาคุณค่าในตัวเองให้เจอครับ จริงๆการที่เราเป็นมนุษย์ การที่ทำยิ้มได้ในทุกวันก็เป็นคุณค่าอย่างหนึ่งแล้วนะ แล้วยิ่งแฟนคุณมีโอกาสได้เรียนโทนี่คือเขาต้องเป็นคนที่มีคุณภาพระดับหนึ่งเลยนะครับ อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆไปครับ
สองคือเขาต้องยอมรับสิ่งแย่ๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ แล้วลองปรับมุมมองให้มัน ทุกอย่างบนโลกมีสองด้านเสมอครับ เมื่อมีด้านแย่ เราไม่จำเป็นต้องมองมุมแย่ๆของทุกอย่างนะครับ หันมุมดีๆแล้วมองมัน อย่างน้อยนะครับ เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นมันเป็นบทเรียนให้ชีวิตได้อยู่แล้ว แล้วแต่ละเรื่องมันจะผ่านไปได้ครับ
ซึ่งสองอย่างนี้มันส่งผลซึ่งกันและกันครับ ถ้าคุณหามุมดีๆในเรื่องแย่ๆได้ คุณจะค่อยๆพบกับคุณค่าของโลกใบนี้และตัวเองครับ
ขอโทษนะครับที่ต้อง Quote มา ถ้าผมใช้คำไม่สุภาพผมขออภัยท่านล่วงหน้า
แต่ผมเจตนาเตือนและชี้แนะอย่างกัลยาณมิตร
--------------------------------------------------
ผมเป็นห่วงเรื่องความเข้าใจคลาดเคลื่อนบางอย่าง
"โรคซึมเศร้านี่เป็นเรื่องของความแข็งแกร่งของจิตใจและมุมมองล้วนๆครับ"
ไม่ได้มีแค่ท่านคนเดียวนะ ผมเห็นทั่วไปๆก็ยังมีความเข้าใจผิดๆกับประเด็นนี้อยู่
ผมขอขอบคุณล่วงหน้าถ้าหากท่านเปิดใจรับข้อมูลเพิ่ม
ท่านไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่ลองไปศึกษาค้นคว้าดู แค่นี้ผมก็ขอบคุณแล้วครับ
*อยากยกตัวอย่าง ดราม่าเคสของคุณพล่ากุ้ง ที่โพสต์เกี่ยวกับ Chester
ที่ต้อง "เตือน" เพราะความเข้าใจในลักษณะดังกล่าว ฟังเผินๆเหมือนจะดี
แต่จริงๆ มันไม่ใช่ (เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเยียวยาได้บางส่วน)
ซึ่งมันอาจจะส่งผลด้านลบกับบางท่าน หรือผู้อ่านบางคนได้
ที่เลวร้ายที่สุด มันเหยียบซ้ำคนที่เป็นโรคนี้เข้าไปอีก
เพราะคนจำนวนไม่น้อย "ยึด" เอาวิธีคิดแบบนั้น
เป็นต้นเหตุ เป็นหนทางหรือทางออกในการรักษา"โรคซึมเศร้า"(และโรคทางจิตอื่นๆ)
คือมองว่า ถ้าใจเข้มแข็ง ปรับมุมมอง ก็หายได้ (ที่เอ็งเป็น เพราะเอ็งอ่อนแอ)
เท่าที่ผมเห็นๆมา คนที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ทุกคนต้องใช้ยาเข้าช่วยทั้งนั้นครับ
(มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้ยาเลยหรือเปล่า ผมเองไม่ทราบนะครับ ไม่เคยเห็น)
คิดง่ายๆก็ได้นะครับ ในโลกเรา มีวิชาชีพ "จิตแพทย์"
ซึ่งไม่ใช่นักจิตวิทยา แต่เป็น "จิตแพทย์" (คนที่เรียนแพทย์มาถึง 6 ปี + เฉพาะทาง)
ถ้าหากว่าโรคทางจิตเช่นโรคซึมเศร้า มันรักษาหายด้วยการแก้ที่มุมมอง ความเข้มแข็ง
โลกเราไม่จำเป็นต้องมีจิตแพทย์เลยครับ ให้ Life Coach ที่ไหนช่วยก็ได้
ไม่จำเป็นต้องมีงานวิจัยเกี่ยวกับสารเคมีในสมอง หรือลักษณะทางกายภายของสมอง
เพราะทุกอย่างหายได้แค่ "ใช้จิตใจเข้มแข็ง"
---------------------------------------------------------
ผมเห็นด้วยกับส่วนอื่นๆที่ท่านคอมเม้นต์มา มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ไม่ผิดเลย
ในเรื่องของการเคารพตัวเอง มุมมองแง่บวก การมี Self Esteem ต่างๆนานา
แล้วผมก็เชื่อว่ามันช่วยรักษาผู้ป่วยได้ในระดับหนึ่ง
แต่.. อย่ายึดเอาว่า ขอแค่นั้น แล้วจะหายจากโรคทางจิตได้
ถ้าเกิดจิตใจมันไม่ปกติ
จนกระทบชีวิต นอนไม่หลับ กินผิดปกติ ขาดสมาธิ เบื่อหนัก
การไปปรึกษาจิตแพทย์ เป็นทางเลือกแรกครับ
ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของจิตแพทย์วินิจฉัย
-------------------------------------------------------
"ดังนั้น การเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เป็นเป็นคนอ่อนแอ คิดมาก หรือเป็นคนไม่สู้ปัญหา เอาแต่ท้อแท้ ซึมเซา แต่ที่เขาเป็นนั้นเป็นเพราะตัวโรค กล่าวได้ว่าถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม โรคก็จะทุเลาลง เขาก็จะกลับมาเป็นผู้ทีจิตใจแจ่มใส พร้อมจะทำกิจวัตรต่างๆ ดังเดิม"
Quoteท่อนนี้ โดยศาสตราจารย์(จิตแพทย์) จากคณะแพทย์รามา ครับ