เมื่อเราต้องอยู่กับแฟนที่เป็นโรคซึมเศร้า (+ไบโพ)
ก่อนอื่น หลายคนในนี้เคยคุยกันในประเด็นเรื่องโรคซึมเศร้ากันมาก็หลายครั้ง
ผมเลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ ยาวหน่อยครับ
ผมไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แต่คนใกล้ชิดผมต่างหากที่เป็น (แฟน)
ปล. แฟนผมเค้าเป็นไบโพล่าด้วยนะ อิอิ
ผมคบกับแฟนคนนี้มาราวๆ เข้าปีที่ 5 ละ และรู้ด้วยว่าเค้าเป็นโรคซึมเศร้าก่อนหน้าจะคบกัน ตอนแรกผมคิดเสมอว่ามันจะไปยากอะไรว่ะ ก็แค่ปรับความเข้าใจกัน ช่วยกันไป
แต่ปรากฏว่าในชีวิตจริงแม่งโคตรยากกกกกกก ณ ตอนนั้นผมลืมคิดไปว่า เราไม่ได้รับภาระอันหนักอึ้งจากการเข้าใจคนเป็นโรคซึมเศร้าแต่เพียงอย่างเดียว ไหนจะหนี้สิน ค่าใช้จ่าย ครอบครัว(เรา) เยอะแยะไปหมด
Phase 1 จะเป็นช่วงปี 2 ปีแรก ผมเคยนั่งคุยกับตัวเองว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น ทำไมไม่คิดแบบเรา พูดง่ายๆ เอาเราเป็นที่ตั้ง (คือคิดว่าเราเนี่ยละธรรมดา ตรงกลางที่สุด เพราะเราเหมือนคนส่วนใหญ่) เลยพยายามจะใช้ความคิดของเราเป็นตัวควบคุม หรือปรับให้เค้าเข้ามาตรงกลางให้ได้ พยายามอยู่หลายครั้ง สอนเค้าอยู่หลายที ปรากฏว่าไม่เป็นผล สรุปทะเลาะหนักกว่าเดิม จนทะเลาะๆ ไปเรื่อยๆ (ผมก็เริ่มหมดความอดทนไปเรื่อยๆ) จนเกิดระเบิดครั้งแรก แฟนผมเค้าก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายาม ผมก็ไม่เข้าใจเค้า สรุป แฟนผมเค้าเอาเชือกมารัดคอตัวเองในห้องนอน (ตอนนั้นอยู่คอนโดฯ) กลับมาตกใจมาก แต่ไม่ตาย
*ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมไม่มีภาระหนี้สินอะไรเยอะแยะ เลยไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่ ระดับความเครียด 2/10
Phase 2 ช่วงปีก่อน หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมเริ่มคิดหาวิธีการใหม่ๆ ประมาณว่าเปลี่ยนเค้ายาก ลองเปลี่ยนเราดูดิ๊ ผมเริ่มเข้าไปหาหมอ (คือแฟนผมเค้ารักษาทุกเดือนอยู่แล้ว กับหมอจิตเวช ตอน Phase 1 คือผมไม่ไปด้วยเลยนะ คิดว่าเป็นเรื่องปรกติ) ผมก็เริ่มเข้าไปปรึกษา หมอเค้าก็แนะนำวิธีช่วยเหลือต่างๆ เช่นการพาไปในที่ๆ เค้าชอบ การส่งเสิรมความคิดในด้านบวก การทำให้อารมณ์เค้า Up ตลอดเวลา (คือไม่มีเรื่องแย่ๆ เข้ามาก่อกวน)
ฟังจบก็ "เย้" แต่ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความเป็นจริงยากชิบหาย... เพราะนอกจากการที่จะต้องประคองจิตใจแฟนผม ยังต้องประคับประคองการงาน, การใช้ชีวิต หนี้สิน ที่แม่งก็เลือกเวลาถาโถมเข้ามาจริงๆ ช่วงนี้ช่วงหนักสุดเลยมั้ง เช่น รถชนใหญ่ (ซ่อมหลักแสนอ่ะ) เริ่มต้องมีประกันชีวิต เปลี่ยนงาน แฟนผมก็ทำงานได้บ้างไม่ได้บ้าง ย้ายงานบ้าง คือแบบเยอะแยะมาก ทำให้สิ่งที่หมอบอกมันแม่งโคตรยากเลยว่ะครับ มันเหมือนเราแบกอะไรหนักๆ แต่ต้องยิ้มและบอกแฟนว่า
"ไม่เหนื่อยอะไรเลย ไม่ต้องห่วง"
ซึ่งมันบวกกับที่เค้าเป็นไบโพลา ด้วยเลยหนักชิบหายครับ เพราะปัญหาเยอะแยะเข้ามากวน จนมีปัญหาทำให้แฟนผมที่กำลังเรียนโท ต้องหยุดเรียน (คือไม่มีตังค่าเทอมว่างั้นเหอะ) เค้าเสียใจมากๆ และคนเป็นโรคพวกนี้เวลาดาวน์ แม่งดาวน์ยาวๆ + ครอบครัวเค้าไม่เข้าใจสิ่งที่เค้าเป็น พอปัญหาเกิดทุกคนก็เบลมเค้า (สาเหตุมาจากเค้าก็จริง แต่หมอแนะนำให้กำลังใจ) ซึ่งผมยอมรับเลยว่าผมก็มีส่วนในการเบลมเค้าระดับนึง หนักมากๆ จนแฟนผมเค้าเอามีดกรีดข้อมือตัวเอง (คิดสภาพกลับบ้านมาเจอเมียตัวเองนั่งกรีดข้อมือตัวเอง เลือดไหลติ๋งๆ) โคตรหลอนเลย - - คือโหดมาก
อีกเหตุการณ์นึงไม่หนักที่โรค แต่หนักที่ผม คือ แฟนได้ที่ทำงานดีมาก เงินเดือนราวๆ 25-27k และเราก็มีกำลังพอจะซื้อบ้านซักหลังนึง เลยตัดสินใจซื้อบ้าน ราคา 4 ล้าน (ตั้งใจว่าจะกู้ร่วม และช่วยกันผ่อน คำนวนแล้วว่าไหวแน่ๆ) เลยตกลงมัดจำบ้านไป 300k จนทำเรื่องจบ กู้ผ่านจ้าาาาาา แต่เรื่องราวดีๆ มักจะมีแค่ช่วงต้นเรื่อง ด้วยความที่แฟนผมเค้าเป็นไบโพล่า ยับยังอารมณ์ไม่ค่อยได้ คือไม่โอเค(เพื่อนร่วมงาน) Deadair เลยจ้า ออกงานแบบทั้งๆ ที่พึ่งกู้บ้านผ่าน ละเข้าใจโมเม้นปะ กว่าจะหางานเงินเดือนขนาดนี้ได้บางคนทำทั้งชีวิตยังไม่แตะอ่ะ ผมนี่คิดไม่ตกเลยเอาไงต่อไปป เพราะกำลังเราตอนนั้น ก็ใช่ว่าจะไหว ตอนนั้นถ้ายกเลิกคือเสีย 300k แน่นอน
สุดท้ายผมก็คุยกับทางบ้านแฟน, บ้านผม ว่าเอาว่ะ สู้ตายไหนๆ ก็ได้ละ ลุยเอาให้รอด เลยตัดใจเอาแล้วก็ถูลู่ถูกังกันมาเป็นปี จนได้อยู่บ้าน...
*ช่วงนี้ภาระเริ่มเข้ามาถาโถม แต่โชคดีได้งานดีช่วยไว้ ครอบครัวอุปถัมป์เลยค่อนข้างถือว่าโชคดี ระดับความเครียด 6/10
Phase 3 แล้วก็ขอต้อนรับเข้าสู้ปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั้งภูมิใจ มีความสุข และมีความทุกข์ ไปพร้อมๆ กัน ช่วงนี้ทะเลาะกับแฟนบ่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตั้งแต่เรื่องนิสัยส่วนตัวที่ไม่เข้ากัน ปรับกันเหนื่อยมากกว่าจะลงตัว เรื่องการประหยัด การต่อเติมบ้าน หนี้บัตรเครดิต เยอะแยะไปหมด หลายอย่างเค้าก็ปรับเข้าหาเราไม่ได้ บางอย่างหนี้สินก็ค้ำคอ ซึ่งช่วงนี้ผมนี่ต้องบอกว่าสาหัสสากรรจ์มาก ทั้งแบกค่าบ้าน (ค่าบ้านเดือนๆ นึงราวๆ 22k ผมออก 12k แฟนผมออก 10k) และค่าใช้จ่ายในบ้าน
"ทั้งหมด" แต่เพียงผู้เดียว ใช่ครับอ่านไม่ผิด ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตั้งแต่ค่ากิน ค่าน้ำมันรถยนต์ ค่าเลี้ยงดูแมว ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าประกันชีวิต บลาๆๆๆๆๆๆ เยอะแยะไปหมด
ปล. แฟนผมขับรถยนต์ ผมใช้เวสป้าน้อยๆ
ซึ่งปัญหาช่วงนี้ส่วนใหญ่ ก็จะคือเรื่องเงิน (ใครบอกว่าเงินไม่สำคัญ คือ effect กับทุกอย่างรอบๆ ตัว) การที่เราต้องแบกหนี้สิน ค่าใช้จ่ายเยอะแยะไปหมด ผมก็จะคาดหวังอะไรที่มันมีความมั่นคงเสมอๆ (เพื่อลดความเสี่ยง) เช่นการงานที่ต้องมั่นคง การซื้อของต้องคิดถึงความคุ้มค่า แต่แฟนผมเค้าจะไม่เข้าใจ เค้าจะทำอะไรอย่างที่ใจเค้าอยากทำ อยากได้ในสิ่งที่อยากได้ พอไม่ได้ก็จะฟีลดาวน์ แล้วก็พูดถึงเรื่องฆ่าตัวตัว วนลูปไป
ช่วงนี้ก็จะแบบเดิม ปัญหาทางด้านมุมมองความคิด การใช้ชีวิตจะมีปัญหาหนักมาก ความอดทนผมมันก็ถึงขั้นสุด ถึงขั้นคุยเรื่องหย่าร้าง 2 - 3 ครั้งแล้วในรอบปีนี้...
หลายๆ ครั้งผมก็ลองปรับตัวเองให้มาเข้าใจแฟนมากขึ้น เช่นคุยกันมากขึ้น พูดกันด้วยหลักการและเหตุผลมากขึ้น และหลายๆ ครั้งแฟนผมเค้าก็จะแก้ปัญหาด้วยการกินยา (ที่หมอให้ มันคือยากล่อมประสาท) แต่กินทีนึง ก็ 7-10 เม็ด คือกะว่ากินเอาตาย
หลายปีที่ผ่านมาผมพยายามที่จะทำให้แฟนผมเค้าหายจากโรคนี้ พยายามทุกหนทาง แต่วันนี้ผมได้รู้แล้วว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย โรคนี้มันต้องเป็นคนที่เข้าใจเพียงไหน คนที่เค้าทำให้คนเป็นโรคนี้กลับมาหายได้ต้องเข้มแข็ง และแข็งแกร่งขนาดไหน
*ในหลายๆ ครั้งผมรู้สึกแย่มาก มากถึงมากที่สุด แต่ก็คุยกับใครไม่ได้ ได้แต่หาวิธีแก้ไขเรื่องภายในครอบครัวต่อไป ระดับความเครียด 9/10
ซึ่งช่วงนี้ผมต้องยอมรับจริงๆ ว่าความอดทนมันลดน้อยลงในระดับนึง ผมต้องวางแผนกรณีแฟนผมเค้าเกิดคิดทำอะไรเลยเถอดไป... ผมคุยกับทางบ้านแฟนไว้เรียบร้อย วางแผนหรือทำใจกันไว้แล้วส่วนนึง
ร่ายมายืดยาวไม่มีอะไรครับ แค่หาที่เล่าสิ่งที่อยู่ในใจออกไปเท่านั้นครับ ขอบคุณครับ
ปล. ขอยืนยันว่านี่คือ "เรื่องจริง" จากชีวิตผมเองครับ