เชซุสโขกต้นเกม!ไบรจ์ตันไล่ไม่ทัน 'เรือ' เบียดหวิว 1-0 ลิ่วชิงดำ เอฟเอ คัพ
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เป็นแมตช์ที่สนุกได้ลุ้นตลอดเหมือนกันแต่ตัดสินที่ประตูเดียวต้นเกมของกาเบรียล เชซุสพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้เฉือนชนะไบรจ์ตันที่สู้สุดชีวิตแล้ว 1-0 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้ตามเป้าหมายการคว้า 4 แชมป์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
22.
แบงจาแม็ง เมนดี้
78'
6
2.
ไคล์ วอล์คเกอร์
46'
6
17.
เควิน เดอ บรอยน์
65'
7
ตัวสำรอง
5.
จอห์น สโตนส์
78'
6
3.
ดานิโล่
46'
6
25.
แฟร์นานดินโญ่
65'
6
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ
สนาม เวมบลีย์
เสาร์ที่ 6 เมษายน 2562
กรรมการ แอนโธนี่ เทย์เลอร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
1
0
ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
เกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ ซิตี้หวังกระชากแชมป์ 4 รายการมาครองนัดนี้ไม่ถือว่ายากเพราะเจอทีมอย่างไบรจ์ตันท้ายตารางพรีเมียร์ลีกแต่ก็ไม่ประมาทจัดชุดใหญ่ลงสนามเต็มอัตรานำมาโดยดาบิด ซิลบาและเควิน เดอ บรอยน์ในแดนกลางส่วนแนวรุกต้องให้กาเบรียล เชซุสยืนต่อเพราะเซร์คิโอ อเกวโร่ไม่หายเดี้ยงขณะที่แบงจาแม็ง เมนดี้กลับมาเป็นตัวจริงเสียบที่โอเล็กซ์ ซินเชนโก้ที่เจ็บไปพอดี ด้านไบรจ์ตันวางให้เกล็นน์ เมอร์รี่ย์เป็นกองหน้าคนสำคัญโดยมีอองโตนี่ น็อคคาร์ทคอยขับเคลื่อนบริเวณริมเส้น
เรือนำอย่างไวเชซุสโขกไม่เหลือ 1-0
เปิดเกมมาแค่ไม่กี่นาทีแมน ซิตี้ได้ประตูขึ้นนำแล้วจากการเปิดบอลอย่างแม่นยำของเดอ บรอยน์ทางกราบขวาของสนามบอลพุ่งตกพื้นไปถึงเชซุสก้มตัวโขกง่ายๆไม่มีพลาด 1-0!!!!
ไบรจ์ตันสวนได้ลุ้นเลย
ไบรจ์ตันพยายามตั้งเกมสู้ได้ดีเหมือนกันจากจังหวะสวนกลับน็อคคาร์ทได้ลากขึ้นมาทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางแต่โอตาเมนดี้ยังสกัดทิ้งออกหลังได้ทันไม่งั้นอาจถึงเมอร์รี่ย์ที่รอชาร์จอยู่แล้ว
น็อคคาร์ทส่องไกลยังไม่คม
เดอ บรอยน์ไปเสียบอลหน้าปากประตูของตัวเองหลังโดนปั๊มหนักทำให้ไบรจ์ตันมีโอกาสจบหนแรกของเกมโดยเป็นน็อคคาร์ทลองส่องไกลนอกกรอบแต่บอลก็หลุดออกหลังไปเท่านั้น
KDB ฟรีคิกเสียของ
ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษระยะเกือบ 25 หลาของซิตี้เป็นทางเดอ บรอยน์วิ่งเข้ามาเปิดด้วยขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่โดนดั๊งค์โขกทิ้งออกมาไม่มีอะไรในจังหวะนี้
ประเดิม VAR วอล์คเกอร์รอดแดง
มีจังหวะปัญหาเมื่อยาฮานบาคช์ไปปะทะกับวอล์คเกอร์สุดเส้นหลังแล้วเป็นแบ็คทีมชาติอังกฤษเอาหัวไปไถใส่คู่กรณีทำให้ต้องไปเช็ค VAR ว่าเป็นใบแดงหรือไม่ก่อนกรรมการใจดีไม่ว่าอะไรให้เล่นต่อเลยโดยคู่กรณีโดนเหลืองไปทั้งสองคน
น็อคคาร์ทมาเองลากยิงขวาได้เสียว
ความพยายามของน็อคคาร์ทได้ยกนิ้วให้เลยเป็นเกมสวนกลับเร็วรับบอลมาจากบิสซูม่าก่อนลากจี้เข้าหาเมนดี้ทว่าโดนบีบให้เข้าขวาเลยซัดเสยคานไปไม่มากเรียกว่าประมาทไม่ได้เช่นกัน
ลาปอร์ตเซฟเรือ!ไม่งั้นเมอร์รี่ย์ยิงหลาเดียว
ไบรจ์ตันน่าได้ประตูตีเสมอเหลือเกินจากจังหวะเตะมุมด้านขวาดัฟฟี่ขึ้นโขกเหนือเอแดร์ซอนแล้วบอลจะมาเข้าทางตีนเมอร์รี่ย์ได้ยิงหลาเดียวแต่ลาปอร์ตแหย่ขามาเตะสกัดออกหลังบอลข้ามคานไปแบบไม่น่าเชื่อ
กุนโดกันยิงสวนเข้าซองไรอัน
ซิตี้มีสวนมาบ้างเหมือนกันกุนโดกันเก็บตกบอลที่ออกมาหน้าปากเขตโทษวิ่งเข้ามาวอลเล่ย์ด้วยซ้ายแบบไม่จับบอลพุ่งตรงกรอบแล้วแต่เข้าซองของไรอัน
ราฮีมตะบันเต็มไม่ผ่านไรอัน
เรือใบสีฟ้ามาลุ้นอีกรอบจากการสวนกลับแบร์นาร์โด้ไหลบอลต่อมาให้ราฮีมตั้งป้อมอัดด้วยขวานอกกรอบ 20 หลาบอลพุ่งแรงแล้วแต่ไรอันพุ่งไปปัดบอลทิ้งได้ทันไม่เสียประตู
ราฮีมยิงอีกติดบล็อคดั๊งค์
ช่วงนี้กลับมาเป็นเรือใบสีฟ้าที่ได้บุกอย่างต่อเนื่องราฮีมลากบอลมาเองก่อนสับด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งอย่างแรงแต่ไปโดนดั๊งค์ที่ล้มตัวมาขวางทางปืนบอลเปลี่ยนทางออกหลังไป
อิซกูเอร์โด้ปั่นยังไม่ผ่านเอแดร์ซอน
ไบรจ์ตันไม่มีอะไรจะเสียดาหน้าบุกมาเต็มที่แล้วอิซกูเอร์โด้ลากตัดจากริมเส้นซ้ายเข้ากลางก่อนปั่นด้วยขวาบอลโค้งไปทางเสาไกลเอแดร์ซอนพยายามรับเกือบพลาดเหมือนกันแต่ก็ยังเอาอยู่
น็อคคาร์ทร่วงเบาไปไม่ได้โทษ
ไบรจ์ตันลุ้นเอาจุดโทษจากจังหวะที่น็อคคาร์ทใช้ไหล่ดึงบอลลงในกรอบเขตโทษก่อนโดนลาปอร์ตชนล้มลงไปทว่ากรรมการไม่ได้เป่าว่าเป็นการฟาวล์และก็ไม่น่าจะได้ด้วย
เรือตบเท้าชิงดำเอฟเอ คัพหน 11
ช่วงทดเวลาราฮีมได้ยิงจังหวะสวนกลับไม่ผ่านไรอันแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เรือใบสีฟ้ารักษาสกอร์ 1-0 ผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพตามเป้าหมาย
ไบรจ์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
Starting Formation: 4-3-3
8.
อีฟ บิสซูม่า
82'
6
17.
เกล็นน์ เมอร์รี่ย์
65'
6
16.
อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์
69'
6
ตัวสำรอง
9.
เยอร์เก้น โลคาเดีย
82'
10.
ฟลอแรง อันโดเน่
65'
6
19.
โฆเซ่ อิซกูเอร์โด้
69'
6
แก้ไขล่าสุดโดย hugball เมื่อ Sun Apr 07, 2019 07:20, ทั้งหมด 12 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ