รีวิว Dream Theater อัลบั้ม Distance Over Time
หลังจากปล่อยซิงเกิ้ลออกมาให้ฟังเรื่อยๆ ในที่สุดเหล่าพ่อมดโรงละครแห่งความฝันคณะ Dream Thearter ก็ปล่อยอัลบั้มที่ 14 ของวงออกมาร่ายมนตร์ขับกล่อมสาวก อัลบั้มนี้ทำขึ้นในวาระฉลองครบรอบ 20 ปี ของอัลบั้ม Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory ซึ่งจัดเต็มไปด้วยเพลงหลัก 9 เพลง และโบนัสอีก 1 เพลง ความยาวรวมกันไม่ถึง 1 ชั่วโมง
Untethered Angel
เพลงเปิดอัลบั้มในสไคล์ที่คุ้นเคยของ Dream Theater มาในจังหวะหน่วงๆ ช่วงกลางมีท่อนโซโล่ที่งดงาม จบลงด้วยความอลังการแห่งศาสตร์โปรเกรสซีฟ
Paralyzed
ขึ้นต้นด้วยริฟฟ์เท่ห์ๆ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ปรุงแต่งออกมาได้เยี่ยมยอด กลมกล่อม น้าเจมส์ร้องไออกมาด้ดีมาก
Falling into the Light
ช่วงกลางเพลงอัดความซับซ้อนไว้แน่น มีพักเบรกโซโล่เศร้าๆแต่บาดใจ ท่อนจบมีลูกเล่นแพรวพราว ถูกจริตแฟนเดนตายแน่นอน
Barstool Warrior
เริ่มต้นด้วยโครงสร้างดนตรีตามฉบับโปรเกรสซีฟได้ชัดเจน ฟังเนิบๆ เหงาๆ ได้เรื่อยๆ
Room 137
ขึ้นต้นเพลงนึกว่าวง Muse มาเอง เป็นเพลงที่ดนตรีค่อนข้างแหวกออกไปไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ยังคงความโปรเกรสซีฟไว้อย่างหนักแน่น
S2N
ถึงเวลาน้าจอห์น ไยัง ปล่อยของซะที เริ่มต้นเพลงด้วยการโซโล่เบสเน้นๆ ส่วนพาร์ทดนตรีหลักสมาชิกในวงก็ยังทำหน้าที่ได้เยี่ยม ท่อนโซโล่เรียกเสียงฮือฮาใช่ย่อย
At Wit's End
เพลงยาวที่สุดในอัลบั้มเปิดฉากมาน้าจอห์น เปตรุชชี่ จัดหนักจัดเต็มกับริฟฟ์อันดุดัน โหดแม้กระทั่งท่อนโซโล่ บวกกับเสียงรัวกระเดื่องช่างเข้ากันซะดิบดี ก่อนที่จะซอฟท์ลงไปบ้างในช่วงท้าย
Out of Reach
เพลงบัลลาดสวยๆ เสมือนนางเอกในอัลบั้มนี้ สมาชิกทุกคนต่างใส่จิตวิญญาณลงไปเต็มเปี่ยม
Pale Blue Dot
เริ่มต้นด้วยเสียงกลองเด่นๆของน้าไมค์ สลับจังหวะแบบหลากหลายฟังแล้วโยกตามอย่างมัน ยิ่งช่วงกลางๆได้ปล่อยของเต็มแม็กซ์ ยกให้เป็นเพลงเด่นของน้าแกไปเลย
Viper King ( Bonus Track )
เพลงพิเศษในอัลบั้มแม้จะไม่เด่นเท่าเพลงอื่นๆ แต่ก็นำมาปิดท้ายได้แบบสมบูรณ์
บทสรุป
เพลงในอัลบั้มนี้มีความหนักแน่นกว่าชุดที่ผ่านมา บางเพลงชวนนึกถึงอัลบั้ม Train of Thought ได้เหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งคือเสียงร้องของน้าเจมส์ยังคงรักษามาตรฐานเดิมไว้ได้ ต้องรอชมว่าเวอร์ชั่นแสดงสดจะเป็นยังไง โดยรวมยกให้เป็นอีกอัลบั้มที่ทำออกมาได้ไม่ผิดหวังแก่การรอคอย ยังรอน้าๆมาทัวร์บ้านเราอีกครั้งนะ
หาฟังได้ใน Joox และ Spotify ครับ