ชวนคุยเรื่อง วิสกี้/บรั่นดี
ดื่มเหล้ามาหลายปี สมัยวัยรุ่นอะไรก็ได้จะเหล้าจะเบียร์ขอให้เมาเป็นใช้ได้ ถ้าเหล้าก็หนีไม่พ้นเหล้าไทยอย่างแสงโสมและหงษ์ทอง เพราะราคาจับต้องได้สำหรับนักศึกษา โตมาเริ่มทำงานขยับมาดื่มอะไรที่ดูมีชาติตระกูลมากขึ้นอย่างวิสกี้ตระกูลจอห์นนี่อย่าง เร้ด เลเบิล และแบล๊ค เลเบิล แต่ถ้ากินเองกับเพื่อนที่สนิทก็บรั่นดีอย่างรีเจนซี่แบน ที่ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจด้วยรสชาติที่หอมหวานนุ่ม ที่สำคัญเช้ามาไม่แฮงค์โอเวอร์ ข้อนี้คือสำคัญสุด
หลังๆเริ่มเบื่อรสชาติทั้งจอห์นนี่ ทั้งรีเจนซี่ รู้สึกรสชาติมันธรรมดาไป เลยไปศึกษาดูว่ามีตัวไหนน่าสนใจ หลักๆก็ศึกษาจากยูทูป ทำให้เปิดโลกในสิ่งที่เราเรียกว่า "เหล้า" ว่ามันมีหลากหลายมากมาย แต่ละอย่างมันมีความหมายที่น่าสนใจในต้นกำเนิดและวิธีการผลิต
1. วิสกี้
- ในประวัติศาสตร์ ประเทศผู้ผลิตวิสกี้หลักๆในโลกนี้มีไม่กี่ประเทศ ต้นกำเนิดน่าจะอยู่ที่เกาะบริเทน อย่างต้นกำเนิดของสก๊อตช์วิสกี้ สก๊อตแลนด์ และไอริชวิสกี้ ไอร์แลนด์ อีกซีกโลกนึง ผู้อพยพจากเกาะอังกฤษก็นำความรู้ในการบ่มวิสกี้มาที่แผ่นดินใหม่อย่างอเมริกาและแคนาดาด้วย สุดท้ายน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มบ่มวิสกี้หลังปี ค.ศ. 1900++ อย่างญี่ปุ่น ตอนนี้วิสกี้ญี่ปุ่นมาแรงแซงพี่ๆไปแล้ว
วิสกี้นั่นมีรากฐานมาจากเบียร์ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้นคือพวกธัญพืชอย่าง Grain และ Malt มันคือกระบวนการบ่มและหมักเบียร์ เพื่อทำให้เข้มข้นขึ้น Concentrated เก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น
วิสกี้สามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ 3-4 ประเภท
1)
Blended Whisky คือการใช้ส่วนผสมระหว่าง Grain และ Malt วิสกี้ในตระกูลนี้ที่มีชื่อเสียงคือ Johnnie Walker, Chivas ฯลฯ
2)
Single Malt Whisky คือการใช้ส่วนผสมเป็นมอลท์ทั้งหมด และผ่านกระบวนการผลิตจากโรงกลั่นเดียวเท่านั้น (One Distillery) ซิงเกิ้ลมอลท์ในโลกนี้ส่วนใหญ่มาจากสก๊อตแลนด์ (มีบ้างที่มาจากแคนาดาและญี่ปุ่น) โดยแต่ละพื้นที่ก็ให้ซิงเกิ้ลมอลต์ที่มีรสชาติที่แตกต่างกัน โดยพื้นที่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตวิสกี้ก็ได้แก่ Highland, Speyside, Lowland และ Islay ถ้าใช้ส่วนผสมจากหลายโรงกลั่นจะเรียกเป็น Blended Malt Whisky อย่างกรีนเลเบิ้ลของจอนนี่วอล์คเกอร์
3)
American Bourbon ถ้าเหล้าสก๊อตช์มีส่วนผสมหลักเป็นเกรนและมอลท์ อเมริกันเบอร์เบิร์นใช้ส่วนผสมของข้าวโพดทำให้วิสกี้มีความหวานมากกว่าสก๊อตช์ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกลิ่นของมอลท์ (ความหวานจากข้าวโพดของเบอร์เบิร์นนี่เองที่อาจทำให้ใครหลายคนต้องพบกับปัญหาการปวดหัวและแฮงค์โอเวอร์ในเช้าวันรุ่นขึ้น ผมเคยกินแจ๊ค ฮันนี่ครั้งเดียว และไม่คิดจะกลับไปแตะอเมริกันวิสกี้อีกต่อไป ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทาง ผมชอบความนุ่มและความเข้มของสก๊อตช์มากกว่า) อเมริกันวิสกี้ที่โด่งดังก็ได้แก่ Jack Daniel และ Jim Beam อันโด่งดัง
2. บรั่นดี
- ที่คนไทยรู้จักกันดีก็ Regency, Hennessy, Remy Martin, Martell ซึ่งต่างจากวิสกี้ตรงที่บรั่นดีมีรากฐานมาจากไวน์ ส่วนผสมหลักคือผลไม้โดยเฉพาะองุ่น (รีเจนซี่ในบ้านเราได้ข่าวว่าทำมากจากสับปะรด) บรั่นดีคือการกลั่นไวน์ทำให้มีความเข้มข้นขึ้น คล้ายๆ Concentrated Juice น้ำส้มเข้มข้น เพื่อลดปริมาณในการบรรทุกขึ้นไปบนเรือเวลาเดินทางไกลแรมเดือนในอดีต พอนำบรั่นดีไปผสมน้ำก็ได้ไวน์ละ

บรั่นดียังแตกย่อยออกที่โด่งดังมากคือ Cognac คอนยัคคือบรั่นดีชนิดหนึ่งที่ใช้องุ่นที่ปลุกในเมือง Cognac เท่านั้น เลยถูกเรียกว่า Cognac เป็นองุ่นพันธูืที่มีเฉพาะในเมืองนี้ ซึ่งบรั่นดีที่โด่งดังและมีราคาแพงส่วนมหญ่เป็นคอนยัคทั้งนั้น
การดื่มวิสกี้และบรั่นดีที่ถูกต้องควรดื่มแบบเพียวๆ Neat เท่านั้น กูรูผู้เชี่ยวชาญวิสกี้กล่าวว่า วิสกี้ชั้นดีไม่ควรใส่อะไรลงไปแม้กระทั่งน้ำแข็ง เพราะจะทำลายรสชาติและความลุ่มลึกของวิสกี้ชั้นดีเหล่านั้น เต็มที่ใส่ได้แค่น้ำแร่หรือน้ำเปล่าประมาณครึ่งช้อนชาเพื่อคลายการรัดตัวของวิสกี้ เปิดเอารสชาติและกลิ่นที่ซ่อนออกมา อย่าเพิ่งตกใจว่า เฮ้ย ถ้ากินเพียวจะดูรุนแรงกว่าผสมน้ำผสมโซดาแบบบ้านเรารึเปล่า บอกเลยว่าคนดื่มวิสกี้จริงๆเขาดื่มเอารสชาติ ไม่ได้ดื่มเอาเมาแบบคนไทย เขาจะรินใส่แก้ววิสกี้เพียงเล็กน้อย แล้วดม แล้วจิบเพื่อลิ้มรสชาติของวิสกี้ วิสกี้ขวดนึงเขากินกันหลายเดือนหรือแม้กระทั่งเป็นปีหรือหลายปีกว่าจะซื้อขวดใหม่ (แต่เขาจะมีหลายยี่ห้อไว้ในบ้าน) ในขณะที่คนไทยที่ดื่มแบบผสมน้ำผสมโซดา แต่กินกันทีหมดขวด ปริมาณแอลกอฮอลล์ที่เข้าสู่ร่างกายคือเยอะกว่าแน่ๆ