นี่แหละความแตกต่างของทีมเกมรุก กับทีมเกมรับ

1.คำว่า"ปิดเกม"มันคือการพยายามยิงเพิ่มแบบนี้แหละ ไม่ใช่ลงไปรับทั้งเกมเพื่อรักษาสกอร์1-0

2.เป็นฝ่ายคอนโทรลเกม ไม่ใช่แค่รอให้คู่แข่งพลาดเหมือนที่ผ่านมา นัดนี้ครองบอล85%!!!

3.ไลน์กองหลังดันสูงเพื่อซัพพอร์ทเกมรุก ให้อิสระกับนักเตะ ได้เห็นชอว์วิ่งสุดเส้นหลังอีกครั้ง เพิ่งเคยเห็นลินเดอร์เลิฟตัดบอลแล้ววิ่งเข้าเขตโทษก็เกมนี้แหละ

4.หลังรั่วแล้วไง ยิงให้เยอะกว่าซะอย่าง อย่ามาใช้เป็นข้ออ้างในการทิ้งเกมรุก
(นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นแมนยูยิงจนคู่แข่งยอมถอดตัวหลักไปพักก่อนหมดเวลา)

5.จัดผู้เล่นตัวรุกลงไปมากกว่าตผู้เล่นตัวรับ
(มู้Liveบ่นจัดตัวไม่เห็นต่างจากมูตรงไหนเลย)
ตัวไม่ต่าง แต่หน้าที่ต่างกันเยอะ สามกองกลาง เอเรร่า ป็อกบา มาติช เหมือนกัน
แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ 2จาก3ตัว เล่นเป็นตัวรับไปซะ2
แต่นัดนี้มาติชห้อยต่ำคนเดียว(ระฆังหงาย)
อีก2ยืนสูงซัพพอร์ท เพิ่มโอกาสทำประตูจากแถวสอง
นี่เป็นแนวคิดที่เซอร์เรียกร้องมาตลอดที่เขาทำทีม
"It is the kind of contribution we used to get from Paul Scholes. He used to get me 12 to 14 goals from midfield all the time and we haven't had a player like that in a while."
นี่เป็นคำพูดของท่านเซอร์ ที่แสดงให้เห็นว่า การยิงจากพื้นที่แถวสอง สำคัญยังไง

เอเรร่า ตอนมาใหม่ๆ แฟนเมืองนอกเอาไปเทียบกับ พอล สโคลล์
แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใกล้เคียงเลย เพราะเขาแทบไม่มีโอกาสได้เติมเกม ถูกส่งลงไปในฐานะมิดฟิล์ดตัวรับตลอด
แต่นัดนี้ เขามีอิสระ ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ทำการ และทำให้เห็นแล้วว่าทำไม แฟนบอลถึงเอาไปเทียบกับพอล สโคลล์


ปล.ใครรอดูว่านักเตะจะวิ่งลืมตายกว่าทุกที
ก็ไม่เห็นนะ ก็ไม่ได้เน้นเพรสซิ่ง แต่ที่ต่างเลย คือ เหตุผลของการวิ่งมันต่างกัน
นัดนี้นักเตะมันวิ่งแบบคนอยากได้ประตู ไม่ใช่วิ่งลงมาคุมโซนเพราะกลัวเสียประตูแบบที่ผ่านมา

แทคติกเกมรุกอะไรไม่มีหรอก
โซลชาร์แค่ปล่อยให้วิ่งไปข้างหน้า แล้วเล่นเกมรุกให้ดุดัน ให้สมกับเป็นแมนยู