ล็อคพัง!"ริเวอร์ฯ"ไม่มาตามนัดยิงเป้าพ่าย"อัล ไอน์" 7-6 ร่วงสโมสรโลก
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
อัล ไอน์ โคตรเอาสู้ริเวอร์เพลท ยิบตาก่อนยันเสมอในเวลา 120 นาที 2-2 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน ได้ คาลิด เอลซ่า เป็นฮีโร่เซฟลูกสุดท้ายช่วยให้ยอดทีมยูเออีชนะจุดโทษ 5-4 พลิกล็อคเข้าไปลุ้นถ้วยสโมสรโลกต่อไป
ริเวอร์เพลท
Starting Formation: 4-3-2-1
10.
กอนซาโล่ มาร์ติเนซ
91'
15.
เอเซเกียล ปาลาซิออส
55'
23.
เลโอนาร์โด้ ปอนซิโอ้
87'
26.
อิ๊กนาซิโอ้ แฟร์นานเดซ
55'
ตัวสำรอง
8.
ฮวน ควินเทโร่
55'
11.
นิโกลาส เด ลา ครูซ
87'
24.
เอ็นโซ เปเรซ
55'
32.
อิ๊กนาซิโอ ซค็อคโก้
91'
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2018 รอบรองชนะเลิศ
สนาม ฮัซซ่า บิน ซาเหยด สเตเดี้ยม, อัลไอน์, ยูเออี
วันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2561
กรรมการ
ริเวอร์เพลท
2
2
อัล ไอน์
ดวลจุดโทษตัดสิน อัล ไอน์ ชนะ 5-4
ซานโตส บอร์เร่ 11'
ซานโตส บอร์เร่ 16'
มาร์คัส เบิร์ก 3'
ไคโอ 51'
ริเวอร์เพลท คว้าแชมป์อเมริกาใต้ได้ 8 วันก็ต้องเดินทางเป้นตัวแทนทวีปร่วมแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก ที่ยูเออี เลยทันที
โดยพวกเขาได้สิทธิ์เล่นในรอบรองชนะเลิศ และต้องเจองานหนักพบ อัล ไอน์ ทีมแกร่งจากยุูเออี ที่เหมือนได้เป็นเจ้าบ้าน เพราะเป็นทั้งชาติเจ้าภาพ และได้เล่นบนสนามเหย้าของตัวเอง งานนี้แฟนบอลเต็มความจุไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่า ริเวอร์เพลท ให้ความสำคัญกับรายการนี้เมื่อส่งทีมชุดแกร่งจากนัดชิงที่ชนะโบคา จูเนียร์ส มา 3-1 ลงสนามพร้มอหน้าพร้อมตา ทั้งกอนซาโล่ มาร์ติเนซ, ลูคัส แพลตโต้, เลโอนาร์โด้ ปอนซิโอ้ พร้อมพ่วงด้วย ซานโตส บอร์เร่ ยืนเป็นหน้าเป้าทั้งที่ไม่มีชื่อเล่นเมื่อ 8 วันที่แล้ว
ด้าน อัล ไอน์ เองก็ไม่ธรรมดา ในทีมมีดาราตัวเก่งอย่าง โมฮาเหม็ด อับดุลราห์มาน ยืนบัญชาการแดนกลาง แดนหน้าเป็นกองหน้าทีมชาติสวีเดนอย่าง มาร์คัส เบิร์ก และมีนักเตะญี่ปุ่นอย่าง สึกาซะ ชิโอทานิ อยู่ในทีม 11 ตัวจริงด้วย
อัล ไอน์พลิกนำเร็ว 1-0 จากเบิร์ก
เปิดหัวมาได้แค่ 3 นาทีเท่านั้น อัล ไอน์ ขึ้นนำไปก่อน เมื่อ มาร์คัส เบิร์ก โขกเช็คมุมแคบจากลูกเตะมุมเข้าประตุไปให้ริเวอร์เพลทตกเป็นรองอย่างไว 0-1
เจาะไม่เข้ามาร์ติเนซลองยิงไกลได้ลุ้น
ริเวอร์เพลท เจาะไม่เข้า มาร์ติเนซ ลองส่องไกล บอลพุ่งแรงได้ลุ้นก่อนบอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายหลุดเป้านิดเดียวเท่านั้น
ชุดนี้ริเวอร์เพลทดุดันและตีเสมอ 1-1 สำเร็จ
ต้านไม่ไหวจริงๆสำหรับแนวรับ อัล ไอน์ เมื่อริเวอร์เพลท มาทุกทิศทุกทาง ผู้รักษาประตูเซฟแล้วเซฟอีก สุดท้ายโดน ซานโตส บอร์เร่ ยิงผ่าน 3 กองหน้าที่พยายามสะกัดอยู่หน้าปากประตูเข้าไปจนได้ สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1
สกอร์ไหล 2-1 บอร์เร่ยิงเบิ้ล
สกอร์ไหลเป็น 2-1 ทันที จากจังหวะสวนกลับเร็ว บอลขึ้นทางขวาก่อนที่มาร์ติเนซจะวางบอลไปที่ว่างให้ บอร์เร่ หลุดยิงมุมแคบเข้าประตูไป
อัล ไอน์ เป็นรองแต่ได้ลุ้นเรื่อยๆ
ภาพรวม ริเวอร์เพลททำได้ดีกว่าเพราะชั้นบอลเหนือกว่า แต่อัล ไอน์ ที่เป็นเจ้าของสนามมีกำลังใจจากกองเชียร์หนุนหลังทำให้เปิดเกมสู้กับทีมแชมป์อเมริกาใต้ได้อย่างสนุก
อาร์มานี่ซูเปอร์เซฟลูกยิงชาฮัต
อัล ไอน์ เกือบตีเสมอได้จากลูกยิงด้วยขวาของฮัสเซน เอล ชาฮัต บอลพุ่งจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่อาร์มานี่ บินมาปัดข้ามคานเซฟทีมไว้ได้เยี่ยม
เช็ค VAR ไม่ให้ฟาวล์ในเขตโทษ
ผู้ตัดสินของเช็ค VAR ดูจังหวะ อัล ไอน์ ประท้วงถูกดึงล้มในเขตโทษริเวอร์เพลท ก่อนตัดสินให้เล่นต่อไปไม่มีการลงโทษใดๆเกิดขึ้น
เบิร์กก็ตีเสมอได้จากลูกโขก
มาร์คัส เบิร์ก เกือบทำประตูให้อัล ไอน์ ได้อีกลูกจากจังหวะเทคตัวขึ้นโขกโล่งๆ โดยมีอาร์มานี่ พยายามออกมาแย่งชกบอล ก่อนที่ลูกจะหลุดกรอบออกหลังไปไม่ได้แม้เตะมุม
ช่วงหลังอัล ไอน์ บุกได้น้ำได้เนื้อ
เกมของ อัล ไอน์ ไม่ได้เป็นรองมากมายนัก พวกเขามีโอกาสเปิดเกมรุกสู้และมีโอกาสลุ้นจะตีเสมอได้เป็นระยะๆ
อัล ไอน์ยิงเข้า VAR จับได้ไม่ให้ประตู
อัล ไอน์ พลาดโอกาสตีเสมอ 2-2 ไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้แล้วแท้ๆ หลังผู้ตัดสินของเช็ค VAR ย้อนดูเหตุการณ์ก่อนตัดสินให้ลูกยิงของ เอล ชาฮัต อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปซะก่อน
อัล ไอน์โครตเอาตีเสมอ 2-2 สำเร็จ
อัล ไอน์ เอาจริง ลงครึ่งหลังมาจัดหนักบุกอยู่ฝ่ายเดียว และตีเสมอ 2-2 สำเร็จ จาก ชิโอทานิ เปิดบอลให้ ไคโอ นักเตะบราซิเลี่ยนหลุดทางซ้ายก่อนล็อกหนีกองหลังตัดเข้ากลางแล้วสับเข้าที่เสาใกล้ไม่เหลือซาก
ริเวอร์เพลทเร่งเครื่องแก้ประตูคืน
แน่นอนว่าหลังโดนตีเสมอ ริเวอร์เพลท เร่งเครื่องหวังแก้ประตูคืน แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเกร็งจนล่กและทำพลาดเองอยู่บ่อยครั้ง
บอร์เร่โขกเต็มแรงประตูเซฟได้เฉย
ริเวอร์เพลท พลาดโอกาสขึ้นนำเหลือเชื่อเมื่อ เอลซ่า ผู้รักษาประตูอัล ไอน์ โชว์ซูเปอร์เซฟใช้มือเดียวปัดลูกโขกสุดแรงของ บอร์เร่ เอาไว้ได้
อัล ไอน์ ถอดอับดุลราห์มานออก
อัล ไอน์ ปรับเกมสู้ด้วยการถอดเอา อับดุลราห์มาน ออกแล้วส่งยาสลัมเล่นแทน
อัล ไอน์เสียเชิงโดนเป่าจุดโทษ
อัล ไอน์ ต้องมาเสียจุดโทษ จังหวะที่ คาสโก้ หลุดขึ้นทางซ้ายในเขตโทษ เหลี่ยมดีกว่าใช้ตัวบังบอลมิด อาห์หมัดตัวใหญ่กว่าพยายามจะแย่งบอลกลายเป็นไปแซะคาสโก้จนเสียจังหวะ โดนจับจุดโทษไปในที่สุด
โชคยังมีมาร์ติเนซหวดโทษชนคาน
อย่างไรก็ดี อัล ไอน์ ทำบุญมาดี เมื่อมาร์ติเนซ รับหน้าที่สังหารหวดบนไปชนคานเสียงดังโครม บอลตกกระดอนพื้นออกมาไม่ได้ประตู สกอร์ยังอยู่ที่ 2-2 เช่นเดิม
อัล ไอน์ เปลี่ยนเอาเบิร์กออกมาพัก
อัล ไอน์ ถอดเอาเบิร์กออกไปพักอีกตัวแล้วส่ง บานดาร์ โมฮัมเหม็ด ที่สดกว่าลงมาเล่นแทน
ริเวอร์เพลทจะเอาประตูชัยให้ได้
เกมดำเนินมาถึงช่วยท้ายเกม ริเวอร์เพลทยังเดินเครื่องพยายามควานหาประตูชัยต่อเนื่อง แต่ความเฉียดคมยังมีไม่มากพอ
หมด90 นาทีเสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ
จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที ริเวอร์เพลทก็ไม่สามารถหาทีเด็ดมาล้มอัล ไอน์ ที่วันนี้เล่นดีมากๆได้ หมดเวลา เสมอกันไป 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
ริเวอร์เพลทส่งซค็อคโก้เพิ่มเกมรุกแทนมาร์ติเนซ
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาเวลาพิเศษ 30 นาที ริเวอร์เพลทส่งไพ่ใบสุดท้าย ซค็อคโก้ ลงสนามเพิ่มประสิทธิภาพเกมรุกมาร์ติเนซ
ริเวอร์เพลทพยายามบุกแต่เจาะเกมรับอัล ไอน์ไม่ได้
เห็นได้ชัดริเวอร์เพลทพยายามจะจบในเกมไม่อยากไปลุ้นจุดโทษ เมื่อยังพยายามเดิมเกมรุกหาประตูต่อเนื่อง แต่เกมรับอัล ไอน์ ก็ยังคงทำหน้าที่กันได้ดีอยู่
ริเวอร์เพลทครองบอลได้หมดแล้ว
ริเวอร์เพลท ครองบอลบุกเอาไว้ได้หมดจนกระทั่งหมดครึ่งของช่วงต่อเวลา โอกาสพอมีแต่ไม่ดีพอถึงขั้นเป็นสกอร์
ช่วงเวลาที่เหลือยิงเพิ่มไม่ได้เสมอกันไป 2-2
ครึ่งหลังของการต่อเวลาก็ไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ ครบ 120 นาทีต้องตัดสินใจกันที่การดวลจุดโทษในที่สุด
อัล ไอน์ แม่นโทษกว่าดับริเวอร์เพลท 5-4
ดวลจุดโทษตัดสิน เอลซ่า มือกาวอัล ไอน์ เป็นฮีโร่พุ่งถูกทางเซฟลูกยิงเปเรซไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้ทีมชนะจุดโทษไป 5-4
คนแรก
อัล ไอน์ : ไคโอ (เข้า)
ริเวอร์เพลท : ซค็อคโก้ (เข้า)
คนที่ 2
อัล ไอน์ : ชิโอทานิ (เข้า)
ริเวอร์เพลท : ควินเทโร่ (เข้า)
คนที่ 3
อัล ไอน์ : บานดาร์ (เข้า)
ริเวอร์เพลท : แพลตโต้ (เข้า)
คนที่ 4
อัล ไอน์ : อับดุลราห์มาน (เข้า)
ริเวอร์เพลท : บอร์เร่ (เข้า)
คนที่ 5
อัล ไอน์ : ยาสลัม (เข้า)
ริเวอร์เพลท : เปเรซ (พลาด)
อัล ไอน์
Starting Formation: 4-3-3
3.
ทองโก้ ดูมเบีย
107'
9.
มาร์คัส เบิร์ก
75'
13.
อาห์เหม็ด บาร์มาน
82'
16.
โมฮาเหม็ด อับดุลราห์มาน
64'
ตัวสำรอง
6.
อาเมอร์ อับดุลราห์มาน
82'
11.
บานดาร์ โมฮัมเหม็ด
75'
43.
รายาน ยาสลัม โมฮัมหมัด
64'
88.
ยาเฮีย นาเดอร์
107'
แก้ไขล่าสุดโดย iPanic เมื่อ Wed Dec 19, 2018 02:37, ทั้งหมด 21 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
My Locker
