ตำนาน บ้านอีสาน " มหาวิทยาลัยมหาสารคาม " .. !!!
พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
หรือที่เด็ก มมส. เรียกกันว่า " บ้านอีสาน " !!!
เป็นสถานที่รวบรวมเด็ก หลายคณะมาใช้เวลาว่าง
ในการพักผ่อน รวมทั้งใช้ในการซ้อม การเปิดตัว
ก่อนทำการแสดงของคณะศิลปกรรม คณะดุริยางค์ศิลป์อยู่บ่อยๆ
ใครจะรู้ว่าสถานที่ที่เราคุ้นเคยเช่นนี้ จะมีที่มา ที่ชวนขนหัวลุก
พิพิธภัณฑ์ มมส. ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2542
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสื่อสาร ถึงอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
จากเดิมทีที่เจ้าของบ้านดังกล่าวได้เสียชีวิต
ในบริเวณของพื้นที่มหาวิทยาลัย ทางมมส.เลยขอซื้อ
สถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นมหาวิทยาลัย
ก็ได้ขอจัดซื้อเข้ามาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ จริงๆ มีอยู่
สองสถานที่ ที่มีบ้านโบราณนี้อยู่นั้นคือ ..!?
สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช ทางพระธาตุนาดูน
กับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง (ม.ใหม่ )
บ้านหลังใหญ่นั้นส่วนใหญ่เป็นของเจ้านายในสมัยก่อน
ส่วนหลังเล็กนั้น จะเป็นของบ่าวไพร่ และบริวารของเจ้านาย
ทุกบ้านมีเจ้าของอยู่แล้ว มีนิสิตบางคน เข้าไปสำรวจแล้ว
มักจะเจอสิ่งแปลกประหลาดกลับมาทุกครั้ง
มักจะเจอเหมือนมีคนเสมือนว่าอยู่ในบ้าน ทำโน้นทำนี้
แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจอเป็นคนแก่ ผู้ชายบ้าง
ผู้หญิงแก่บ้างแทบทั้งนั้น !! ยามที่อยู่บริเวณนั้น
คอยดูแลยังพบเจออยู่ จึงมีการเปลี่ยนผลัดยามบ่อยๆครั้ง ( ขอย้ายหรือลาออก )
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ถึงบ้านจะยังคงเก่า แต่เจ้าของบ้าน
ยังคงรักและผูกพันธ์ ดูแลบ้านของตัวเอง
หากใครไปทำข้าวของเสียหาย หรือ ขโมยไปอาจจะต้องได้เจอดีกันทุกคน.

นอกจาก บ้านอีสานแล้ว ยังมีอีกจุด ที่หลอนไม่แพ้กัน
เรียกกันว่า ซอยหนองไผ่ !!?
เดิมทีซอยหนองไผ่เดิม ทีเป็นทางเกวียนเล็กๆ
ใช้สำหรับลำเลียงศพ เพื่อนำไปฝังที่กลางป่าช้า
ซึ่งปัจจุบันป่าช้าได้ถูกถางออก ปรับเปลี่ยนเป็นแปลง
ปลูกหม่อนข้างคอนโดอาจารย์ ตามคติความเชื่อ ของคนภาคอีสาน
เด็กที่ยังอายุไม่ถึง 12 ปี จะถูกนำไปฝังซึ่งที่ฝังปัจจุบัน
ก็คือป่าหม่อนข้างคอนโดอาจารย์ ส่วนศพที่ต้องการไปเผา
ก็จะนำไปเผา ที่เชิงตะกอนชายป่าช้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อบต.ขามเรียง ในปัจจุบัน
ซอยหนองไผ่ อยู่บริเวณข้างร้านซ้อมมอเตอร์ไซค์โพธิ์ฯ
จากปากซอยจนไปถึงหอหลังแรก ของซอยมีระยะทาง
ประมาณเกือบ 200 เมตร จากทางเข้าด้านซ้ายมือจะเป็นหนองน้ำ
ส่วนด้านขวามือจะเป็นป่าละเมาะ เรื่องที่จะเตือนต่อไปนี้
จะเป็นเรื่องของ 200 เมตร ที่จะชี้ชะตาคุณ ว่า
ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำเตือนคุณจะพบกับอะไรบ้าง !!!

เอาละๆ เรื่องที่ พีคๆ เลยนะ คงหนีไม่พ้น เรื่องนี้
ก็คือเรื่องที่ .... " มีคนตายคาลิฟท์ตึก RN " !!!
เรื่องมันเกิดตอน ช่วงปิดเทอมในช่วงซัมเมอร์เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว
มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ได้ลงลิฟท์ในช่วงเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ
หลังจากสอบเสร็จในวิชาสุดท้ายจากชั้น 7 ของตึกที่เรียนรวม
ทำให้นักศึกษาตัดสินใจลงลิฟท์แทนการขึ้น ลงบันไดเพื่อจะกลับบ้าน
ในขณะเดียวกัน รปภ.ที่เฝ้าดูแลตึกนี้ได้กดสวิชต์ตัดไฟ
เพราะคิดว่านิสิตได้ลงมาจากตึกจนหมดแล้ว
ทำให้ไฟในลิฟท์หยุดชะงักนักศึกษาหญิงคนดังกล่าว
ได้ติดอยู่ในลิฟท์และขาดอากาศหายใจ เสียไปในที่สุด
ช่วงเวลาเปิดเทอมการเริ่มต้นในการศึกษาถือว่า
เป็นข่าวที่ดังในรอบหลายๆ ปีเพราะศพของนักศึกษาหญิง
คนดังกล่าวถูกติดแหง็กอยู่ในลิฟท์จนแห้ง
หลังจากพิสูจน์หลักฐานพบว่า ช่วงเวลาที่นักศึกษา
คนดังกล่าวติดอยู่ในลิฟท์เป็นเวลา ถึง 3 เดือน
ในวันสุดท้ายของการสอบ ตลอดระยะเวลา
ไม่มีใครรู้ว่ามีนิสิตติดในลิฟท์ จนไม่ได้รับ
การช่วยเหลือถึงแก่ชีวิต ปัจจุบันถึงแม้ลิฟท์ดังกล่าว
จะถูกถอนออกไปแล้ว แต่บริเวณพื้นที่ลิฟท์ก็ถูกสั่งปิดตาย
ห้ามขึ้นใช้ในบริเวณฝั่งซ้าย เพื่อไว้อาลัยแกนักศึกษาหญิง
วันดีคืนดีอาจารย์ บุคลากร รวมทั้งนิสิตที่มีเรียนในช่วงตอนดึก
จะเห็นมีผู้หญิง ยืนหน้าลิฟท์ส่งเสียงร้องว่า ช่วยด้วยจนในปัจจุบัน
ถ้าเกินสี่โมงเย็นเป็นต้นไปจะเห็นว่าทั้งอาจารย์
บุคลากรรวมทั้งนิสิตเองนั้น ถึงแม้จะมีเรียนชั้น 7 -8
ก็จะเดินขึ้นบันได และหลบหลีกบริเวณลิฟท์ดังกล่าว
เพราะต่างหวาดกลัวกับความหลอน ของนิสิตสาวที่มีจิตผูกติดในสถานที่นั้น !!
.....
นี่ครับ ตำนาน ซอย หนองไผ่ เด็กสารคาม รู้จักแน่ๆ
...