Carlos the Jackal
21 ธันวาคมปี 1975
เวียนนา ออสเตรีย
เมื่อประตูเปิดออก
"ข้าชื่อ คาลอส ทุกคนรู้จักข้าดีอยู่แล้ว" ชายชุดเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำตะโกนบอกคนในห้องนั้น
และเสียงปืนอัตโนมัติในมือก็สาดกระสุนขึ้นบนเพดาน ชุดนึง
สองคนถูกยิงทันทีเมื่อชักปืน คนแรกเป็นทีมรักษาความปลอดภัยของโอเปก และอีกคนคือทีมรักษาฯของลิเบีย
ส่วนตำรวจด้านล่างถูก Hans-Joachim Klein (คนนี้เป็นเยอรมัน) ที่คุมเชิงอยู่รวมเป็นสามและนั่น
ความวุ่นวายโกลาหลก็บังเกิด ตัวแทนของประเทศต่างๆที่มาร่วมประชุมกันในนาม "โอเปก" (กลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน)
หลบลงใต้โต๊ะสัมมานาทันที ชายผู้นั้น ควบคุมและแยกผู้ร่วมประชุมเป็นสามชุด
ในนั้นมีทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมัน ซาอุ อินโดนีเซีย ซีเรีย ลิเบีย ฯลฯ
.
นี่คือ คาลอสวันถัดมาที่สนามบิน แองจีเรีย
.
เขาได้ร่างข้อเสนอในนาม "Arm of the Arab Revolution"ให้รัฐบาลออสเตรีย อ่านคำแถลงในการ"ปลดปล่อยปาเลสไตน์" ทุกๆสองชั่วโมงระยะเวลา 48 ชัวโมง เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตัวประกันทั้ง 60 คน ซึ่งเป็นคนระดับสูงของประเทศต่างๆและเจ้าหน้าที่
หลังจากนั้น คาลอสได้เรียกร้องขอเครื่องบิน DC-9 พร้อมกัปตัน เพื่อบินไป แองจีเรีย
คาลอสเพื่อทีมประกอบด้วย
Carlos the Jackal
Hans-Joachim Klein (กองทัพแดง เยอรมัน)
Anis al-Naqqash (นักวิเคราะห์ข่าว และหน่วยรบกองโจร ปาเลสไตน์)
Gabriele Kröcher-Tiedemann ฉายา (Nada) กองทัพแดงเยอรมัน เป็นคนยิงตำรวจด้านล่าง
และอีก 3 คนไม่เปิดเผย
1 ใน 3 คนที่ไม่เปิดเผยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด และวางระเบิดรอบๆโต๊ะประชุมและถือสวิชท์ไว้ตลอดเวลา
แน่นอน คาลอสขู่ว่า หากมีการชิงตัวประกันเขาจะสั่งกดระเบิด
เหตุการณ์ในเครื่องบิน(ถูกเปิดเผยภายหลัง)
ว่าคาลอสได้ติดต่อเรียกเงินค่าไถ่จากประเทศผู้ค้าน้ำมันเหล่านั้น รวมเป็นเงิน 20-50 ล้านเหรียญยูเอส(ตัวเลขไม่แน่นอน)
ซาอุเป็นทีมรวมเงิน แต่ทว่า"องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์"ไม่ได้ให้ข่าวเรื่องนี้
บางแหล่งข่าวบอกว่า คาลอสเก็บเงินส่วนนี้ไว้เอง บางแหล่งบอกว่าเงินได้ถูกส่งไปใช้จ่ายในการปฏิว้ติ
ที่แองจีเรีย เครื่องบินได้ร่อนลงจอด คาลอสได้หายลงไปจากเครื่องบิน 2 ชม
และคาลอส แจ้งให้สื่อทราบว่า Ahmed Zaki Yamani ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงปิโตเลียมของซาอุ จะต้องถูกสังหาร
หลังจากเติมน้ำมันเครื่องบินที่ แองจีเรียแล้ว เครื่องบินก็บินไปที่ ตรีโปลี ประเทศลิเบีย หรือแบกแดด อิรัก
ทุกคน ถูกปล่อยตัวที่นั่น แต่ทว่ามีปัญหาบางอย่างที่ไม่ถูกเปิดเผย เครื่องบินกลับมายัง แองจีเรียและ
...ผู้ก่อการร้ายบางคนได้รับการลี้ภัย ส่วนคาลอส นาดา และ ไคลน์ ได้ผละออกไป
ก่อนจะเดินจากไป คาลอสได้เดินมาพบกับ อาเหม็ด และบอกว่า.."ผมไม่อาจะสังหารคุณได้"
และแท้จริงปรากฏภายหลังว่า ปฏิบัติการครั้งนี้คือการสังหาร อาเหม็ดซากิ ยามานี และ Jamshid Amuzegar ตัวแทนของอิหร่าน จากการวางแผนและสนับสนุของ Wadie Haddad ผู้นำแนวร่วมปลดปล่อยปาเลสไตน์ และโมอัมมาร์ กัดดัฟฟี่ แห่งลิเบีย
........................................................
เล่ามาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่า หลายคนคงได้ยินชื่อ คาลอส เดอะ แจ๊คเกิล แน่นอน
เพราะอยู่ใน หนังหลายเรื่อง แต่เรื่องนึงที่พิสูจน์ได้คือ
"คาลอส ยังมีชีวิตอยู่ครับ"
เอาประวัติคร่าวๆนะ
Ilyich Ramírez Sánchez คือชื่อจริง เกิด12 ตุลาคม 1949 เป็นชาวเวเนซุเอล่า พ่อเป็นทนาย
พ่อของคาลอส เป็นคนที่ยึดมั่นใน มาร์กซิสม์ และเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ของเวเนซูเอล่า
ฉนั้น..คาลอสเติบโตมาในครอบครัวชั้นสูงครับ พ่อและคาลอสเคยไปฝึกฝนและเข้าอบรมการรบแบบกองโจรที่ คิวบา ช่วงที่ คอลอสปิดภาคเรียนฤดูร้อน
และไม่นาน พ่อและแม่คาลอสก็แยกทางกัน คาลอสอยู่ในความดูแลของแม่ แม่คาลอสได้พาคาลอสมาเรียนที่ Stafford House College เคนซิงตัน อังกฤษ แต่ในปี 1968 เขากลับโผล่ไปเรียนที่ Patrice Lumumba University ในมอสโก
(ภายหลัง CIA เชื่อว่า คาลอสถูกคัดเลือกจาก KGB เพื่อเข้ารับการฝึกฝนทักษะของการเป็นสายลับ)
แต่สองปีถัดมา คาลอสถูกไล่ออกจาก มหาลัยในมอสโก (จุดนี้ CIA วิเคราะห์ว่า KGB ฝึกให้คาลอสเรียบร้อยและตัดตอนออกจาความรับผิดชอบของ KGB ) คาลอส ไปที่เบรุต เลบานอน เพื่อเข้าร่วมกับ วาดี้ ฮัดแดด ในชื่อ แนวร่วมปลดปล่อยปาเลสไตน์ วาดี้ส่ง คาลอสไปที่หน่วยฝึก ที่อัมมาน จอร์แดน
ที่นั่น เขาได้รับการฝึกแบบรบกองโจร และทุกๆอย่างในการเตรียมตัวเพื่อ..."ก่อการร้าย"
กำเนิด เจมส์ บอนด์ ภาคตัวร้ายก็จุติ
.
คาลอส พูดสเปนได้ อังกฤษคล่อง รัสเซียได้ และ...อารบิก ภายหลังเขาได้ฝรั่งเศสด้วย
โอ้ว นี่มันขั้นไหนกันแน่
.......
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันโอลิมปิคที่ มิวนิค ปี1970
มีการจับตัวประกันนักกีฬาอิสราเอล สังหารในหมู่บ้านนักกีฬา โดยผู้ก่อเหตุคือ แนวร่วมปลดปล่อยปาเลสไตน์ (วาดี้ ฮัดแดด) เรื่องนี้สร้างเป็นหนังด้วยนะครับ โดยหนังกล่าวถึงเหตุการณ์นี้และมีการล้างแค้นโดยสายลับมอดซาด ของอิสราเอล มอดซาด(ร่วมกับ CIA ได้สังหารผู้สนับสนุนการจับตัวประกันที่อาศัยในยุโรปไปหลายคน)
หนังเรื่องนี้ครับ
........
30 ธันวาคม 1973 คาลอสได้ปฏิบัติงานครั้งแรก โดยการบุกไปสังหาร Joseph Sieff บุคคลขั้นสูงของอิสรเอล
บุกเดี่ยวครับ เดินเข้าไปในบ้านยิงเอาดื้อๆนี่ละ ยิงสาวรับใช้ตายก่อนแล้ว เปิดประตูห้อง เข้าไปจะยิง Joseph Sieff ปรากฏ...ปืนโตกาเลฟ เกิดมีปัญหา แทนที่ลูกปืนจะพุ่งไปกลับเป็นกลไกของปืนพุ่งออกไปแทน กระนั้นก็ตามมันไปโดนปากครึ่งจมูกครึ่งของ Joseph Sieff สลบ ในห้องน้ำ คาลอสจะซ้ำก็ไม่ได้ เลยวิ่งหนีออกมา
และให้ข่าวภายหลังว่านี่คือการแก้แค้นในเหตุการณ์โต้กลับในมิวนคิของมอดซาด
...
13 มกราคม 1975 คาลอสและสาวก ได้โ๗มตีเครื่องบินของอิสราเอลในสนามบิน Orly Airport ปารีส โดยใช้. RPG ยิง งานนนี้คารลอสเก็บตัวเลยไม่ได้ออกปฏิบัติการเอง
บนทางเดินเชื่อมระหว่างอาคาร มือจรวจสองคนได้ ประทับบ่าและยิงนัดแรกพลาด ไปโดนเครื่องบินที่จอดอยู่
และนัดที่สอง ไปโดนอาคาร เพราะเครื่องบินอิสราเอลกำลังจะบินขึ้น สองมือจรวจก็เผ่น
แผนพลาด
15 มกราคม 1975
เอาใหม่ มือจรวดมาอีก คราวนี้มา 4 คน ยิงที่เดิม กำลังจะประทับบ่า ตำรวจคอมมานโดที่รักษาความปลอดภัยตรงนั้นเป็นเลยรัวปืนไปชุดนึง ผู้ก่อการร้ายทั้งสี่เลยวิ่งเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร สาดกระสุนใส่กับตำรวจยับเยิน
เพราะผู้ก่อการร้ายทั้งโยนระเบิด ทั้งกราดยิงไม่เลือก เพื่อเปิดทางหนี สุดท้ายไม่รอดโดนจับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ คาลอสถูกตำหนิรุนแรงจากระดับสูงของ แนวร่วมปลดปล่อยปาเลสไตน์
ถึงกระนั้น ฝรั่งเศสเองก็ยังงงว่า ใครมันคือ คาลอสกันว๊ะ
จริงๆ คาลอสก็อยู่ใน ปารีสนั่นละครับ
โชคเข้าข้างฝรั่งเศส 26 มิถุนายน 1975
การจับผู้ก่อการชุดหลังที่สนามบินได้ ทำให้มีการดมกลิ่นคาลอสอย่างยิ่งยวด
การสืบในทางลับเริ่มต้นขึ้น แต่โชคเข้าข้าง เจ้าหน้าที่สนามบินได้จับพิรุธชายอาหรับที่สนามบินได้
และสืบสวนปรากฏว่าเขาผู้นี้เป็นผู้ประสานงานระหว่าง คาลอสและแนวร่วมปลดปล่อยปาเลสไตน์
ชื่อว่า..Michel Moukharbal โดยมูคาบาลนี่เองเป็นคนที่จะเข้าถึง คอลอสในปารีสได้
แผนการจับก็เกิดขึ้น เมือ มูคาบาลได้รับปากกับ หน่วยต่อต้านก่อการร้ายของฝรั่งเศสว่าจะยอมให้ข้อมูล
นี่คือ ไมเคิล มูคาบาล
แต่มูคาบาลก็เสือร้ายครับ เขาไม่บอกลักษณะของ คาลอสผิดๆให้ไป เพราะสมัยนั้นไม่มีรูปถ่ายคาลอสเลย
แต่บอกว่า เซฟเฮ้าส์คาลอสอยู่ที่ไหน
เจ้าหน้าที่ 3 คนไปเคาะประตูห้อง มีหญิงสองชายสองกำลังปาร์ตี้กันอยู่ คาลอสอยู่ในห้องด้วยเป็น 5 คน
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไป ถามหน้าคาลอส ด้วยความเป็นคาลอสเขาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่นั้นปกติและชวนนั่งดื่มด้วย
ถามไปถามมาคาลอสก็บอกว่าตนไม่ใช่สายลับอะไรทั้งนั้น
เจ้าหน้าทีมีไม้เด็ดคือ พาตัว มูคาบาลมาด้วย
มูคาบอลเมื่อเจอหน้าคอลอสก็พยักหน้าบอกเจ้าหน้าที่ว่านี่ละ ตัวแสบคาลอส
คาลอสหัวเราะ และก้มลงเขี่ยบุหรี่ที่โต๊ะกลาง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา คาลอสยิงปืนสามนัดซ้อน เจ้าหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้ายฝรั่งเศสตายเรียบ
และนัดสุดท้ายก็ เจาะหน้าผาก มูคาบาล คาลอสหนีไปได้อีกครั้ง โดยเขากลับไปที่ เบรุต เลบานอน
.
21 ธันวาคมปี 1975
ลุยประชุมโอเปกที่เวียนนา...อ่านข้างบนไปแล้ว
.
หลังจากนั้น คาลอสก็เก็บตัว เขาไปๆมาในยุโรปตะวันออก ฮังการี ยูโกสลาเวีย แบกแดด ถึงตอนนี้ ฝรั่งเศสได้ข้อมูลเกี่ยวกันคาลอสมากมาย แต่ไม่สามารถหาตัวเขาพบ
คาลอส ประสานงานกับ KGB และสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่ เยอรมันตะวันออกได้ พกปืนได้ มีใบขับขี่
และใช้ชีวิตกับ Magdalena Cäcilia Kopp ชาวเยอรมัน แน่นอนครับ ค๊อฟฟ คนนี้เป็นสมาชิกกองทัพแดงของเยอรมัน
มีอาชีพชางภาพนะครับ
Magdalena Cäcilia Kopp
และเก็บตัวอยู่ที่เยอรมันตะวันออกนี่เอง
จนกระทั่ง
16 กุมภาพันธ์ 1982
Magdalena Cäcilia Kopp ถูกจับในปารีส ข้อหาเอารถคันนึงไปจอดและหลังรถนั้นเต็มไปด้วยระเบิด
เมื่อเมียถูกจับ คาลอสก็คลั่ง ติดต่อไปที่ฝรั่งเศสให้ปล่อยภรรยาของเขาแน่นอน ฝรั่งเศสไม่ยอม
29 มีนาคม 1982
รถไฟ TGV ปารีส-ตูลูส ก็ถูกวางระเบิด ตายไป 5 บาดเจ็บ 77
22 เมษายน 1982
คาร์บอมบ์ Gare Saint-Charles ในมักเซย์
ในเบอร์ลินตะวันออก Maison de France คาลอสได้ยิงเจ้าหน้าที่การฑูตฝรั่งเศส ในบ้านพักเสียชีวิต
จากการก่อการรัวๆของคาลอสนี่เองทำให้ฝรั่งเศสต้องร่วมมือกับหลายๆประเทศในการ"ล่า"คาลอส
กดดันใช้ทุกวิธีเพื่อจับตัวมาให้ได้ คาลอสก็หายตัวไปจาก เบอร์ลินตะวันออกไปโผล่ปูดาเปสต์ ฮังการี่และอยู่ที่นั่น 2 ปี
ไปๆมาๆ คาลอสมีลูกสาวคนนึงด้วย รูปนี้ถ่ายที่ ดามัสกัส ซีเรีย
วาดี้ ฮัดแดด เสียชีวิต ผู้ประสานงานต่างๆของคาลอสเริ่มลดน้อยลง คาลอสถูกฮังการีบีบให้ออกนอกประเทศ
เขาหอบลูกเมียไปลิเบีย และกลายเป็นซีเรีย ที่โอบอุ้มคาลอสไว้ เพื่อใช้งานมือสายลับระดับโลกคนนี้
.
ภายหลังเมื่อคาลอสถูกจับ เขามีความสัมพันธ์กับ เยอรมันตะวันออก และประเทศยุโรปตะวันออกเป็นอย่างดี ผ่านเสื้อคลุม KGB ที่ว่ากันว่าเขาเป็น..."KGB"
มิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำโซเวียตขณะนั้นใช้สองนโยบายคือ
กลาสนอสต์ เปเรสตรอยกา ยุโรปตะวันออกก็แตก
เยอรมันรวมประเทศ บรรยลัยของคาลอสก็เกิดขึ้น เพราะ ใครจะดูแล ซีเรียเองก็จะเอาตัวไม่รอด
คาลอสเองก็มีปัญหาสุขภาพใส้เลื่อน ด้วยความที่เป็น อาหรับทั้งตัวเขาไปซูดาน
เพื่อรักษาตัว
ในงานปาร์ตี้คืนนึงที่ คาร์ทูม ซูดาน สายลับCIAได้จำคาลอสได้ และส่งแก้วที่คาลอสดื่มเหล้าไปที่สหรัฐ
เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ ปรากฏว่า ของแท้ นี่คือ " คาลอส เดอะ แจ๊คเกิล" ตัวจริงเสียงจริง
ฝรั่งเศสส่งสายลับเข้าประกบทันที แต่ติดที่ ผู้นำทางศาสนาของซูดานที่ทรงอิทธพลไม่ยินยอมที่จะให้เกิดเรื่องอะไรกับคาลอส
.
แยกนิดนึงเพื่อให้เห็นภาพ ผู้นำซูดานคนนี้สุดโต่งได้เรื่องครับ ถ้าจำได้ บินลาเดน เคยไปอยู่ที่ซูดานด้วย
เชื้อของการปฏิวัติ อาหรับมีอยู่เพียบครับ
นี่คือผู้นำสุดๆของซูดาน ทรงอำนาจมากครับ เรียน อังกฤษ ได้ ปริญญาเอกที่ฝรั่งเศสด้วย
Hassan al-Turabi
.
มาต่อๆ สายลับฝรั่งเศสได้เกาะติดทุกๆก้าวของคาลอส
เพราะคาลอสมีกองกำลังในการคุ้มครองจาก ซูดานและเพื่อนผองจากกองทัพแดงเยอรมันที่หลงเหลือ
แต่ข่าวก็ไม่ดีนักสำหรับคาลอสเพราะการแปรพักษ์และอุดมการณ์ของโลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว
คาลอสจึง ร้องขอให้ย้ายที่พักและจ้างกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเขาเอง
และโอกาสก็มาถึง สายลับฝรั่งเศสสามารถเจาะเข้าไปในกองกำลังนั้นได้
เมื่อ หนอนขึ้นถังเกลือได้ คาลอสก็จบเห่
14 สิงหาคม 1994
เมื่อคาลอสผ่าตัดเรียบร้อย และนอนพักที่ห้องนอน
คืนนั้นคาลอสถูกทหารรักษาความปลอดภัยของเขาเองมัดตัวเขา แล้วอุ้มไปส่งที่สนามบิน
และคาลอสก็อยู่ในคุกฝรั่งเศสถึงทุกวันนี้
ภาพล่าสุดของ คาลอส ครับ
[/img]