[ลูกหนังกับมาสเตอร์] ‘เพราะฟุตบอลคือชีวิต’
โดย : มาสเตอร์ ริท
บางคนเกิดมานอนกลางฟูก บางคนเกิดมาท่ามกลางเงินทอง แต่สำหรับบางคนที่ต้องเผชิญชะตาชีวิตเพียงลำพังท่ามกลางสภาวะสงครามแล้ว ..
“ฟุตบอล” ไม่ต่างกับ “ลมหายใจ” เดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของเจ้าตัว
เรื่องราวของซ็อคเกอร์ และ สมรภูมิรบ ดูผิวเผินอาจชั่งห่างไกลจนยากเกินที่จะจินตนาการได้ว่าเกี่ยวดองกันอย่างไร ทว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากฟุตบอลกลายมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของมนุษย์ ..
วันนี้ผมจะขอนำพาทุกท่านไปรู้จักกับ “เอสซ่า” หญิงสาวที่ต้องอพยพจากบ้านเกิดมาสู่อังกฤษตั้งแต่ตัวยังน้อยๆ โดยมี ‘ลูกกลมกลม’ เป็นแรงผลักดันในชีวิตกันครับ
**************************
รู้จักกับ เอสซ่า และ ผองเพื่อน : ‘ชีวิตในศูนย์อพยพ’
ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้วกับการต้องลาจากบ้านเกิดเมืองนอน แต่สำหรับเอสซ่า เด็กน้อยชาวอิรักวัย 12 ปี แล้วเมืองที่รักไม่ต่างกับฝันร้ายของเขา
จากชีวิตในกรุงแบกแดดที่สุดสงบ จากชีวิตวัยเด็กที่แสนสุขเดินช็อปปิ้งกับคุณแม่ ตกเย็นก็กระโดดโลดเต้นไปกับเพื่อนบ้าน กาลเวลาผ่านไปนำพาให้แบกแดดรวมถึงผู้คนในเมือเข้าสู่สมรภูมิรบ
ในทุกๆวันเสียงปืนต่างดังสนั่นหวั่นไหว สวนหลังบ้านที่เคยวิ่งลงไปโลดแล่นเมื่อครั้งวัยเยาว์แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ เพื่อนบ้านที่แสนสุขกลับกลายเป็นความอลม่าน
ทุกวันของเอสซ่า และ ครอบครัวต่างหมดไปกับการเอาตัวรอดไปวันๆ สำหรับห้วงชีวิตของเด็กน้อยนางหนึ่งที่ควรจะใช้ชีวิตดั่งสามัญชนคนธรรมดาแล้ว ..
‘นี่ไม่ต่างกับหายนะ’
ในห้วงชีวิตที่อิรัก เอสซ่าต้องทนดูผองเพื่อน และ ญาติสนิทถูกฆ่าตายไม่เว้นวัน ต้องทนดูทหารจากประเทศต่างๆที่ไม่ใช่คนในชาติตนแท้ๆมารบราฆ่าฟันในดินแดนตนเอง ความหดหู่มาถึงขีดสุดเอาตอนที่คุณแม่ที่เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงต้องลาลับจากโลกนี้ไป
ลองจินตนาการภาพตามดูครับว่า หากคุณเป็นเด็กตัวน้อยๆแต่กลับต้องเห็นคุณแม่สุดที่รักโดนฆาตรกรรมต่อหน้า ..อะไรจะเกิดขึ้น ?
แล้วความอดทนก็มาถึงขีดจำกัด แล้วช่วงชีวิตที่แสนทุกข์ระทมก็สิ้นสุดลง เอสซ่า คุณพ่อบังเกิดเกล้า กับ เจ้าตัว ทนความเสี่ยงในชีวิตไม่ไหวตัดสินใจโบกมือลาเพื่อน และ บ้านเกิดเมืองนอนในเมืองเคอร์ดิสถานที่มีผู้ร่วมชะตากรรมกว่า 6.000 ราย เพื่อบินลัดฟ้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่สู่อังกฤษ หรือ “แดนผู้ดี”
“ พวกเราจำต้องอพยพออกจากประเทศอันเป็นที่รัก เสียงระเบิด และ จรวดลอยไป-มาอย่างไม่ขาดสาย นั่นทำให้ฉันต้องกล่าวคำอำลากับเพื่อนสนิท และ อาจจะไม่มีวันได้พบกับเธออีกเลย”
กับดินแดนอังกฤษ ในช่วงแรกแม้จะไม่คุ้นชินทว่าการอยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากสงครามย่อมปลอดภัยกว่าบ้านเกิดเป็นไหนๆ เอสซ่าถูกส่งเข้าไปโรงเรียนของศูนย์ผู้อพยพต่างถิ่น ณ กรุงลอนดอน ที่เมืองกรุงอันศิวิไลนี้ช่วง 3 เดือนแรกเป็นไปอย่างเหงาหงอยซึ่งก็เป็นธรรมดาของผู้อพยพที่ราวกับมีกำแพงกั้นระหว่างพวกเขา และ คนท้องถิ่น
กระทั่งวันหนึ่งห้วงชีวิตของเจ้าตัวก็มาถึงจุดเปลี่ยน บ่ายวันหนึ่งขณะกำลังยืนมองลูกกรงที่เต็มไปด้วยพื้นอันเขียวขจี นักเรียนหญิงอพยพเพื่อนร่วมห้องเกิดสังเกตเห็น ทันใดนั้นจึงชักชวนให้ เอสซ่า ลงไปวิ่งโลดแล่นด้วยกัน
ณ ที่แห่งนั้นครับที่เธอวิ่งเล่นไล่จับกับเพื่อนอย่างเมามันส์ กำแพงระหว่างพรหมแดน และ เชื่อชาติที่เคยมีเริ่มแตกสลาย ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นการวิ่งไล่หวดลูกกลมกลมตามประสาผู้หญิง
ซึ่งนั่นทำให้ เพื่อน และ เธอเริ่มรู้จักกับคำว่า ‘ฟุตบอล’
ณ กรงที่ล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้า ห้วงชีวิตของ เอสซ่า เริ่มดำเนินไปอย่างแสนสุขมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่า หลังจากปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ ทั้งเจ้าตัว และ มิตรสหาย ต่างพากันลงหวดลูกหนังในทุกครั้งที่เสียงระฆังเลิกเรียนดัง
ฟุตบอลที่ไม่น่าจะใช่กิจกรรมในวัยเด็กของเหล่าผู้หญิง กลับกลายมาเป็นกีฬายอดฮิตที่เหล่าคุณเธอ ‘ขาดไม่ได้’
โลกลูกหนังกลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่ทำให้ระหว่าง เธอ และ ผองเพื่อน กลมเกลียวกันมากกว่าเดิม
กระทั่งวันหนึ่งช่วงชีวิตไม่ต่างกับ ‘สามล้อถูกหวย’ ของเจ้าตัวก็มาถึง บ่ายวันหนึ่งขณะเตะบอลที่รักกับผองเพื่อน เอสซ่า และ ทุกๆคนได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสนามหญ้าอันเขียวขจีที่เคยลงไปวิ่งเล่นจะกลายร่างเป็นสนามซ้อม
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ทางโรงเรียนศูนย์ผู้อพยพ และ สโมสรอาร์เซน่อล จะหันหน้ามาจับมือกันเพื่อฝึกทักษะ
และเฟ้นหานักบอลหญิงอาชีพฝีมือดีเข้าสู่ทีม “เดอะ กันเนอร์ส” อย่างเป็นทางการ!
เด็กกว่า 2,500 รายถูกฝึกปรือโดยทีมดังจากลอนดอนโดยเฉพาะบรรดาผู้อพยพจากตะวันออกกลาง และ แอฟริกาที่ทางอาร์เซน่อลเปิดโอกาสให้ซ้อมพิเศษเหนือกว่าใครๆ ในทุกๆสัปดาห์ อเล็กซ์ สก็อตต์ นักบอลหญิงจากทีม “ปืนโต” และทีมชาติอังกฤษซึ่งลงเล่นให้ขุนพล “เดอะ ไลออนส์” กว่า 100 นัด จะเป็นผู้นำเด็กๆเหล่านี้ลงฝึกซ้อมด้วยตนเอง ซึ่งทุกคนที่ลงซ้อมจะมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นชายจับจ้องมาด้วยตื่นเต้นปนอิจฉา และ ตาเป็นมันส์
ซึ่งเรื่องนี้ อเล็กซ์ สก็อตต์ ก็ได้เผยครับว่า การได้เห็นบรรดาเด็กๆครื้นเครงกันแบบนี้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาคลอพาลให้หวนนึกถึงอดีตเมื่อครั้งวัยกระเตาะเลยทีเดียว
“ สมัยยังเด็กฉันก็ได้เล่นฟุตบอลกับเพื่อนที่มีลูกกรงกั้นในลอนดอนเหมือนกัน สำหรับคนอื่นฟุตบอลอาจเป็นเหมือนงานอดิเรก และ การสั่งสรรค์ระหว่างกัน แต่สำหรับฉันมันเป็นมากกว่านั้น และ สุดมีความหมายกับฉันเหลือเกิน”
“ ในทุกๆวันสนามฟุตบอลเปรียบดั่งเวมบลีย์ของพวกเราทุกคน และแน่นอนการเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ กับ อาร์เซน่อล อยู่ในใจฉันเสมอ จนกระทั่งวันนี้ฝันที่เคยมีได้กลายเป็นจริง สำหรับคนอังกฤษแม้แต่ผู้หญิงแล้ว ฟุตบอลมิใช่แค่เกมกีฬา หากแต่เป็นยิ่งกว่านั่น ”
จากนรกในอดีตที่พวกเธอทั้งหมดผ่านพ้นมา ลูกกลมกลมอาจไม่ทำให้ลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดได้ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ต่างกับ “ผงวิเศษ” ที่ช่วยการเยียวยาจิตใจ
ครั้งหนึ่งฟาราห์ ซาเย็ค ประธานในโครงการนี้เคยถูกน้อยเด็กนางหนึ่งในโรงเรียนบอกว่า “หนูอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ไวๆ เพราะ จะได้ลงซ้อมอีก ! ทุกครั้งที่ลงเล่นมันทำให้หนูลืมปัญหาในอดีตได้หมด”
-เอสซ่า หญิงน้อยสุดแกร่ง -
กาลเวลาผ่านไปทุกอย่างเริ่มไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โครงการนี้เริ่มดำเนินไปอย่างจริงจัง จากแค่เตะขำขันธรรมดาทุกอย่างกลายเป็นเส้นทางสู่ฝันเพื่อนักบอลอาชีพ ในรั้วลูกหนังของโรงเรียนผู้อพยพ อเล็กซ์ สก็อตต์ กลายเป็นที่รักของเด็กๆทุกคน ช่วงวัยที่สามัญชนคนธรรมดาเริ่มเล่นตุ๊กตา หรือ หมากเก็บ ชีวิตของเอสซ่า และ ผองเพื่อนกลับมีฟุตบอลในหัวใจ
“ จากหญิงสาวธรรมดาๆ แต่แล้วฟุตบอลกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเรา จากที่เราสิ้นหวังในชีวิต และ ไร้จุดหมาย ก็เป็นฟุตบอลนี่แหละที่ทำให้ฉันกลับมาทะเยอทะยานในชีวิตอีกครั้ง ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่า เป้าหมายของ เอสซ่าคือนักบอลหญิงอาชีพ แต่งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา .. หลังใช้ชีวิตคลุกคลีกับเหล่าเด็กสาวอพยพกว่า 1 เดือน แล้วจุดสิ้นสุดของโครงการก็มาถึง อเล็กซ์ สก็อตต์ ดาวเตะอาร์เซน่อลถึงคราวที่ต้องโบกมือบ๊ายบายเด็กๆพร้อมกับรอการกลับมาประกาศผลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ไม่ใช่เรื่องง่ายครับในการเอ่ยคำร่ำลา ภาพแห่งความผูกพัน และ กิจกรรมที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ อย่างไรก็ดี ทุกอย่างจะอยู่ในความทรงจำของเจ้าตัว “ตลอดไป” ..
“ ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะเดินทางกลับบ้าน และ บอกกับพ่อแม่พี่น้องถึงสิ่งที่ตนได้ประสบ เด็กที่อพยพทั้งหลายก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป พวกเขามีทั้งฝัน และ เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาใส่ใจพวกเขาแบบจริงๆจังๆเสียที ”
ครับ .. ถึงตรงนี้ไม่มีใครทราบว่า ท้ายที่สุดหนูน้อยคนใดที่จะได้ก้าวสู่นักบอลอาชีพ และฝันของ เอสซ่า จะสมหวังรึเปล่า ทว่ามันก็คงจะเป็นอย่างที่ อเล็กซ์ สก็อตต์ พูด จะว่าไปเรื่องราวของทั้ง เอสซ่า และ เพื่อนก็เปรียบดั่งบทเรียนสอนใจ ในขณะที่เรากำลังใช้ชีวิตอย่างหรูหราราวกับฝัน เด็กน้อยทั่วโลกอีกราว 3 ล้านรายต่างต้องเผชิญกับเสียงปืน และ นรกบนดินเท่าที่เราจะนึกถึง
ในสภาวะสงคราม และ ความทรงจำเลวร้ายเช่นนี้ “โลกลูกหนัง” คือสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาดำรงอยู่ได้ ..
เรื่องราวของ เอสซ่า พิสูจน์ให้เราได้เห็นครับว่า บางครั้งก็มิใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่คลั่งไคล้เกมกีฬาเพียงอย่างเดียว กับหญิงสาวบางคนแล้ว .. ลูกลมกลมมิใช่แค่งานอดิเรก และ การละเล่นตามกติกาธรรมดา
หากแต่เป็น “ยิ่งกว่าชีวิต”
และในยามที่ชีวิตกำลังมืดมน และ สิ้นหวัง อย่างน้อยทุกความทรงจำอันเลวร้ายย่อมมีวิธีลบเลือน ไม่ว่าคุณจะประสบกับอะไรมา กระทั่งโดนลูกระเบิด ขอเพียงแค่หาสิ่งที่รัก หรือ ที่ยึดเหนี่ยวให้พบ ...
แล้วคุณจะพบกับความสุขอีกครั้ง ... ‘เหมือนดั่งเอสซ่า’
***********************
[ รู้ไว้ใช่ว่า ] ' อิวาน กาซิดิช ' ผู้อยู่เบื้องหลัง
ห็นชื่อแล้วแฟนปืนบางคนอาจร้องยี้ แต่เบื้องหลังของโครงการนี้มิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น ‘อิวาน กาซิดิส’ ซีอีโอคนปัจจุบันของอาร์เซน่อลนั่นแหละ
กับผลงานฟุตบอล และ การซื้อขายอาจไม่ได้ใจแฟนบอล และ เทียบไม่ได้กับ เดวิด ดีน ทว่าเห็นนิ่งๆแบบนี้ใครจะไปเชื่อครับว่า หากปราศจาก กาซิดิส ที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการรวมไปถึงประสานงานทุกอย่าง เรื่องราวดีๆเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ นอกจากการใช้ชีวิตอย่างมีระบบระเบียบแล้ว สำหรับเด็กเยาวชนทั้งหลายการละเล่นก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน”
“ ผมต้องการให้ผู้คน และ เด็กผู้อพยพที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งหลายตระหนักว่า ไม่ว่าคุณจะต้องพบปะกับเรื่องร้ายๆเช่นใดมา โลกกีฬายังพร้อมห่วงใยคุณอยู่เสมอ ”
พูดซะหล่อแบบนี้ เล่นเอาแฟนปืนอย่างผม ‘ไปไม่เป็น’ เลย .. ฮา
- มาสเตอร์ ริท -
**********************
ติดตามกันได้ครับ ถ้าชอบ หรือ โดนใจตามไปกดติดตามเรื่องราวกันได้ที่เพจบนเฟสบุ๊ค : มาสเตอร์ ริท_ นะครับ คลิ๊กเข้าไปที่ชื่อได้เลย ผมจะพยายามอัพเรือยๆเช่นเดียวกับเอามาแปะไว้ที่นี่
โอกาสหน้าจะเป็นเรื่องอะไรโปรดติดตามครับ ^^
บทความก่อนหน้านี้ :
ย้อนรอย ปืน-ไก่ : เหตุใดจึงเกลียดชังกัน !!