[เมื่อพวกเราได้เดินออกสู่โลกความจริง ...อีกหนึ่งบทความเพื่อผู้ป่วยจิตเวช
ความในใจจากคนเรียนเพื่อเป็นจิตแพทย์
ให้เพื่อนแพทย์เเละคนในสังคมได้รับฟัง
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก ที่สังคมไทยยังไม่ให้โอกาส
(แถวบ้านเรียก รังเกียจ ไม่สังคมด้วย)
กับคนหลายๆประเภทอยู่
เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยจิตเวช คนเคยติดคุก คนเคยติดยา
.
โดยเฉพาะผู้ป่วยจิตเวช
ซึ่งกว่าจะบำบัดกันได้ก็เเสนยากเข็ญ
ต้องใช้ความร่วมมือทั้งจากหมอ พยาบาล นักจิตวิทยา
รวมถึงญาติๆ
สุดท้ายพอทุกฝ่ายมั่นใจ
ปล่อยเขาโผบินไปยังภายนอกเท่านั้นแหละ
ไม่นานหรอก โดนสอยปีกหัก ม้วนเซกลับมาทุกรายไป
.
เพราะอะไรนะหรือ
ก็ง่ายๆสังคมเรายังไม่ยอมรับผู้ป่วยจิตเวชนะสิ
คิดเสียว่าคนมันเคยบ้า จะทำยังไงก็คงไม่ดีได้หรอก
ไม่ต่างกับพวกที่กล่าวข้างต้น ทำยังไงก็เอาดีไม่ได้หรอก
.
อย่าว่าแต่ใครครับ ผมเองก็เคยเป็นแบบนี้
ถึงตอนนี้บางทีก็ยังเป็นอยู่
.
...อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย
บุคลากรทางการแพทย์ก็เหมือนกัน
เรียนกันมาก็มากนะ ตอนเรียนก็แหม่ โลกสวยตลอด
พอเอาเข้าจริง ที่ยังมีท่าทีรังเกียจคนเหล่านี้ให้เห็น
หลบได้เป็นหลบตลอด
พอมารพ.เรื่องโรคทางกาย
ก็มักถูกแยกชนชั้นอย่างชัดเจนทีเดียว T_o
.
เมื่อท่านรู้ว่าโรคประจำตัวของคนไข้ที่มานอนรพ.
คือความดันโลหิตสูง
ท่านจะ...ดูความดันโลหิตดีๆนะคะ ถ้าเกินเท่านี้ เท่านั้นกรุณาตามแพทย์ค่ะ
.
ถ้าเป็นเบาหวานล่ะ ท่านจะ...วัดน้ำตาลก่อนนะคะ
คุมน้ำตาล<เท่านั้น เท่านี้ นะคะ
.
เเล้วถ้าเป็นผู้ป่วยจิตเวชล่ะ เคยมีมั้ยที่แบบว่า
ห้ามรบกวนคนไข้บ่อยๆนะคะ กรุณาอย่าปิดไฟจนมืดนะคะ
เวลาคุยกับคนไข้ห้ามตะคอกโผงผาง เคยมีมั้ยครับ ถามตรงๆ
.
...ก็เห็นมีแต่ เชี่ยเเล้ว เเล้วกุจะซักประวัติไงวะ/เฮ้ย เมิงดูละกัน/
เชี่ย รีบเยี่ยม รีบออกมาหวา...เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น
.
แล้วผลเป็นไง สุดท้ายก็เสียอารมณ์กับคนไข้
ว่าแม่งตอบไม่รู้เรื่อง กุซักดีเเล้ว แต่คนไข้มันบ้า มันเชือน อืมมมมมม...
โจทย์ยากขึ้น แต่ทำวิธีเดิม
สรุปโจทย์หรือคนทำมันผิดวะ อืมมมมม
.
ก็เข้าใจนะว่างานมันเร่งเวลา
แต่เพิ่มเวลาให้กับโจทย์ยากๆซักนิด คงไม่สิ้นชีวิตหรอกมั้ง
ซึ่งก็มีพอมีวิธีที่ป้องกันปัญหาพูดกันไม่รู้เรื่องได้
คือญาติผู้ป่วยทุกคนต้องเพิ่มความสังเกตุให้มากขึ้น
บันทึกอาการให้แม่น
รู้อยู่เเล้วว่าคนไข้ตอบไม่รู้เรื่อง
ก็คงมีแต่คุณนี้แหละที่ต้องช่วยเขาเหล่านี้
.
ส่วนเรื่องการดูเเลคนไข้พวกนี้
เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยให้แง่คิดไว้ว่า
.
"สิ่งแรกที่ลื้อต้องมีเมื่อตรวจผู้ป่วยเป็นเอดส์
คือ ห้ามรังเกียจเขาเด็ดขาด
เพราะถ้าลื้อที่เป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของผู้ป่วย
ยังรังเกียจเขา เเล้วเขาจะเหลือใครเป็นที่พึ่งให้กับเขาอีก"
.
ระแวงกับระวังมันคนละความหมายกันนะครับ
"จงระวังแต่อย่าระแวง"
คุณดูแลผู้ป่วยเอดส์ได้
แต่คุณต้องระวังอย่าสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งเขา
คุณดูเเลผู้ป่วยจิตเวชได้
แต่ต้องเว้นระยะไว้สำหรับคนที่อารมณ์รุนแรง
.
แค่คุณเปิดใจ ให้เขาอีกสักนิด เราก็อยู่ร่วมกันได้เเล้ว...
ถ้าหมอยังไม่เปลี่ยนความคิด
ก็คงต้องเลิกปลูกจิตที่ให้สังคมรับพวกเขา
.
แค่เข้าใจ ใส่ใจ แค่นี้ทำไม่ได้หรือพวกเรา
จะบ้า จะติดเชื้อ เคยมัวเมา สุดท้ายก็มีเงาคนเหมือนกัน...
.
Spoil
จาก FB: ชาวประมงเปรู
ไปติดตามบทความดีๆกันได้ครับ