ทามไม่ชอบว่าเชลซี และแมนซิติ้ซื้อความสำเร็จ
การซื้อตัวปี2014-2015
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซื้อผู้เล่น : 157.7 ล้านปอนด์
รวมผลกำไร-ขาดทุน : -128 ล้านปอนด์
หลังความล้มเหลวในฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางเลือกนอกจากการยอมทุ่มเงิน ต้องขาดทุนเกิน 100 ล้านปอนด์ก็ยอม โดย "ปิศาจแดง" ซื้อมาแต่ละตัวแพงล้วนๆ เริ่มจาก อังเคล ดิ มาเรีย 66 ล้านปอนด์, ลุค ชอว์ กับ อันเดร์ เอร์เรร่า คนละกว่า 30 ล้าน และ มาร์กอส โรโฮ กับ ดาลี่ย์ บลินด์ ก็ระดับเกือบ 20 ล้านปอนด์ ส่วนล่าสุด ราดาเมล ฟัลเกา ก็ต้องจ่ายถึง 6 ล้านปอนด์แม้จะเป็นสัญญายืมตัวแค่ปีเดียว
ลิเวอร์พูล
ซื้อผู้เล่น : 133.6 ล้านปอนด์
รวมผลกำไร-ขาดทุน : -51.5 ล้านปอนด์
การขาย หลุยส์ ซัวเรซ บวกกับได้กลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ ลิเวอร์พูล มีอำนาจการใช้จ่ายเหลือเฟือในตลาดนักเตะ และแม้จะไม่มีดาราระดับตัวท็อปในตลาด ทว่าแต่ละตัวที่ได้มาก็ไม่ใช่ถูกๆ แพงสุดเป็น อดัม ลัลลาน่า 27.3 ล้านปอนด์ ขณะที่ เดยัน ลอฟเรน, ลาซาร์ มาร์โควิช รวมถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ พวกนี้ล้วนแต่ค่าตัวระดับเกือบ 20 ล้านปอนด์ทั้งนั้น
เชลซี
ซื้อผู้เล่น : 94.1 ล้านปอนด์
รวมผลกำไร-ขาดทุน : -8.6 ล้านปอนด์
เชลซี เป็นไม่กี่ทีมที่สามารถรักษาสมดุลในตลาดนักเตะได้ดีเยี่ยม แม้จะซื้อผู้เล่นไปเกือบ 100 ล้านปอนด์ แต่ก็ขาดทุนไม่ถึงหลัก 10 ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะสามารถโขกราคา ดาวิด ลุยซ์ จาก เปแอสเช ได้ถึง 50 ล้านปอนด์
3 ตัวแพงๆ ที่ "สิงห์บลูส์" ได้มาก็แน่นอนต้องนำโดย ดีเอโก้ คอสต้า 33.4 ล้านปอนด์, เชส ฟาเบรกาส 29 ล้านปอนด์ และ เฟลิเป้ หลุยส์ 17 ล้านปอนด์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ซื้อผู้เล่น : 57.6 ล้านปอนด์
รวมผลกำไร-ขาดทุน : -31.7 ล้านปอนด์
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่ถือเป็นช่วงซัมเมอร์ที่ค่อนข้างเงียบไปเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ปีนี้ตังแพงที่ "เรือใบสีฟ้า" ทุ่มเงินคว้ามาก็คือ เอเลียกิม มานกาล่า กองหลังจาก ปอร์โต้ ค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ขณะที่การปล่อยตัว ฆาบี การ์เซีย กับ แจ็ค ร็อดเวลล์ สามารถถอนทุนคืนได้ถึง 25 ล้านปอนด์