สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 14 : เอ็ดเวิร์ด ทีช
มีเวลาว่างมานั่งเขียนแล้วครับ ผมเขียนตอนนี้มาตั้งแต่บ่ายสามโมง เขียนผิดบ้างไรบ้าง(เบลอ) ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันเพราะมีงานแข่งกีฬาตลอดอาทิตย์ ถ้าเขียนตรงไหนผิดบ้างก็ขออภัยเพื่อนๆไว้ก่อนนะครับ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ผมได้นำเรื่องราวของโจรสลัดคนนึงที่ดังที่สุดและคิดว่าทุกๆคนคงเคยได้ยินชื่อของเขาคือ "เอ็ดเวิร์ด ทีีช" หรือ "แบล็กเบียร์ด" หรือ "เจ้าเคราดำ" นั่งเองครับ คนผู้นี้อาจไม่ได้ฆ่าคนมากมายเหมือนคนก่อนๆที่นำมา แต่ความโหดร้ายของเขาก็ไม่เป็นรองใคร รวมทั้งชื่อเสียงของเขาด้วย ที่ทำให้ห้วงมหาสมุทรแคริบเบี้ยนในช่วงเวลานั้นหวาดกลัวคนผู้นี้
เอ็ดเวิร์ด ทีช
เอ็ดเวิร์ด ทีช หรือ แบล็กเบียร์ด เป็นโจรสลัดสัญชาติอังกฤษ เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงและโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) หลายคนรู้จักเขาในชื่อ "เจ้าเคราดำ" เขาเริ่มอาชีพการเดินเรือด้วยการโจมตีเรือของฝรั่งเศษ ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน เหตุผลที่เขาโด่งดังเพราะเขากล้าที่จะต่อกรกับกองทัพเรือต่างๆที่ไม่มีโจรสลัดคนไหนกล้าแหยม แต่เขากล้า และสามารถชนะได้ด้วย!! อีกเหตุผลนึงคือในการปล้นแต่ละครั้งของเขา เขาลงมือโหดเหี้ยมและเด็ดขาดจนเรือเสบียงต่างๆ พากันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
แบล็กเบียร์ดมีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพราะเขาถักหนวดจนดูเหมือนงูเลื้อยอยู่บนหน้า เขาพกปืน 6 กระบอกข้างลำตัวแต่ละข้างตลอดเวลา เขาสามารถสับคนขาดครึ่งได้ด้วยดาบเดียว และมีภรรยาถึง 14 คน!! ภรรยาคนสุดท้ายของเขาคือ "แมรี่ ออร์มอนด์" แบล็กเบียร์ดได้แต่งงานกับเธอตอนที่เธออายุ 16 แต่ปีต่อมาหลังจากทั้งคู่แต่งงานกัน แบล็กเบียร์ดก็ถูกฆ่าตายทำให้เธอเป็นม่าย
เคราดำ (ผมขอเรียกว่า "เคราดำ" แทน "แบล็กเบียร์ด"นะครับ รู้สึกคุ้นเคยชื่อนี้มากกว่า 55) เป็นคนที่ตกหลุมรักใครง่ายๆ และเกลียดการถูกปฏิเสธเอามากๆ หนึ่งในบรรดาผู้หญิงที่ปฏิเสธความรักของเจ้าเคราดำคนนึง ได้ให้แหวนวงหนึ่งกับคนรักใหม่ของเธอ แต่โชคร้าย!! เจ้าเคราดำดันจับได้!! และนำตัวชายคนรักใหม่ของเธอไปตัดมือที่สวมแหวนนั้นออก จากนั้นก็นำมือใส่กล่องห่ออย่างสวยงามส่งมาให้เธอ ซึ่งเธอก็เป็นลมทันทีที่เปิดกล่องพร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย
ถึงเจ้าเคราดำจะดูมีสเน่ห์ต่อพวกสาวๆมากมาย แต่รูปลักษณ์ของเขานั้นทำให้ชายทุกคนที่ได้พบเห็นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาชอบผูกริบบิ้นไว้กับเคราดำๆของเขาและเหน็บเชือกที่มีควันขึ้นไว้กับหมวก แม้แต่ลูกเรือของเขาก็ยังหวาดกลัวต่อกัปตันของตัวเอง ลูกเรือชาวอิสราเอลคนนึงได้ถูกเจ้าเคราดำใช้ปืนยิงเล่นที่หัวเข่าด้วยความสนุกสนานจนทำให้เขาพิการไปตลอดชีวิต!!
อาณาจักรของเขาคือแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกของ อเมริกา เจ้าเคราดำบ้าบิ่นขนาดกล้าประกาศเป็นศัตรูกับฝ่ายรัฐและไม่เกรงกลัวการทำสงคราม เขาคือจอมวายร้าย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและไม่เคยยอมแพ้ใคร เขาคือ ตำนานโจรสลัดแห่งแคริบเบี้ยน
ไม่ค่อยมีใครทราบความเป็นมาของเจ้าเคราดำนัก ในหนังสือ ประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมของโจรสลัดชื่อดังแห่งยุคอันเป็นที่มาของตำนานเคราดำซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1724 บอกว่าเขามาจาก บริสทอล เชื่อกันว่าเจ้าเคราดำหันมาเป็นโจรสลัดหลังจากเดินทางไปกับเรือเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ปล้นเรือต่างชาติในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปนในช่วงปี 1702-1713 เพราะว่าการปล้นเรือลำหนึ่งอาจได้เงินถึง 20,000 ปอนด์ และส่วนแบ่งของสมุนโจรคนหนึ่งอาจมากกว่าเงินที่กะลาสีผู้ซื่อสัตย์หาได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว
ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1718 ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์ ได้หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ เวอร์จิเนีย จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย เรือโท โรเบิร์ด เมย์นาร์ด ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้
เจ้าเคราดำคิดว่าเรือของเมย์นาร์ดมีลูกเรือเพียงไม่กี่คน จึงกระโดดลงไปหวังจะฆ่ายกลำ แต่ว่าทางเมย์นาร์ดเองได้เตรียมกองกำลังซ่อนอยู่ใต้ดาดฟ้าเรือ เจ้าเคราดำได้สู้อย่างเต็มความสามารถในระหว่างที่เขาได้สู้อยู่กับเรือโทเมย์นาร์ดนั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยโดนยิงห้านัด และได้รับคมดาบอย่างน้อยยี่สิบแผล สุดท้ายเจ้าเคราดำก็ได้ล้มลงในที่สุด
เรือโทเมย์นาร์ดได้ตัดศีรษะของเจ้าเคราดำออกและนำไปเสียบไว้กับหัวเรือ แต่เรื่องยังไม่จบ!! มีเรื่องเล่าต่อมาว่าหลังจากที่ศพของเจ้าเคราดำที่ไร้หัวนั้น ถูกโยนลงสู่ทะเล ศพของเขาได้ว่ายน้ำรอบเรือของเมย์นาร์ดสามรอบก่อนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล!! DIE HARD!!
เล่ากันว่าเจ้าเคราดำมีสมบัติของตัวเองที่ซ่อนไว้อยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าซ่อนไว้ที่ไหน แม้แต่ลูกเรือของเขาก็ไม่รู้..
Credit : หนังสือประวัติศาสตร์โลก โหด มัน ฮา และ Wikipedia
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 13 : โอดะ โนบุนากะ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1206624
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 12 : ซาร์ อิวาน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1206143
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 11 : กิลส์ เดอ เรยส์
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1188908
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1184080
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 9 : วลาด ดรากูล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183485
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 8 : คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183322
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 7 : ติมูร์มหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182902
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 6 : เจงกิสข่าน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182420
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 5 : พระเจ้าเบซิลที่ 2
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182304
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 4 : บูเช็กเทียน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182134/1
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 3 : อัตติลา เดอะ ฮั่น
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1153400
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 2 : พระเจ้าเฮโรดมหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152716
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 1 : กษัตริย์อัสเชอร์บานิปาล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152578