Total War : Shogun 2 Guide
เห็นมีคนสนใจพอควร ผมจะแะไกด์ให้เพิ่มอีกนิดหน่อยนะครับ
เริ่มจาก Clan หลักๆ
ประวัติ ปูมหลัง ตำนาน ความเป็นมา แต่ละตระกูลที่สามารภเล่นได้ใน Totalwar: Shogun 2
Chosokabe (โชโซะกาเบะ)
โชโซะกาเบะ ตระกูลที่เล่าขานวาตนสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิ “คิน ชี หวง” แห่งจีน ถึงม่าจะมีประวัติเก่าแก่ แต่โชโซะกาเบะถูกโชคชะตาพลิกผลันให้ต้องตกอยู่ในอำนาจของตระกูล “อิชิโจ” ซึ่งโชโซะกาเบะเป็นหนี้บุญคุณของตระกูลนี้ในการช่วยเหลือยึดปราสาทที่ “โอโกะ” กลับคืนมา “โชโซะกาเบะ คูนิชิกะ” (Chosokabe Kunichika) ไดเมียวผู้หยิ่งผยอง กล้าหาญที่จะประกาศถึงสายเลือดจักรพรรดิ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถ้าทายอำนาจอิชิโจโดยการกระโดดลงมาจากกำแพงปราสาท และในที่สุดก็ถึงวันแตกหักกับอิชิโจ ก่อร่างสร้างอำนาจแก่ตระกูลโชโซะกาเบะและสาบานว่าจะล้างแค้นแก่ศัตรูเก่าที่กดขี่ข่มเหง
คูนิชิกะใช้ประโยชน์จากทำเนียมของโชโซะกาเบะที่มีชาวนาอันเป็นกระดูกสันหลัง ตรากตรำทำนาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ซึ่งส่งผลให้โชโซะกาเบะมีรายได้เพิ่มเติมจากเกษตรกรรม เขาใช้ความสามารถอันแม่นยำเหมือนจับวางของพลธนูที่มีค่าจ้างแสนถูก ฐานกำลังและศูนย์รวมความเข้มแข็งทั้งหมดของตระกูลอยู่ที่จังหวัด “โทซะ” (Tosa) โชโซะกาเบะกำลังทำสงครามกับตระกูล “โคโนะ” (Kono) แห่ง “อิโย” (Iyo) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนนี้โชโซะกาเบะกำลังวางแผนตัดสินใจครั้งสำคญไม่ว่าจะเป็นจัดการกับศัตรูไมทันตั้งตัวกบศัตรูในอิโย พร้อมทั้งบีบฐานอำนาจอิชิโจที่บ้านเกิดโทซะ หรือโจมตีตระกูล “มิโยชิ” (Miyoshi) แห่ง “อาวะ” (Awa) ทางเลือกประการหลังแม้ดูจะบ้าบิ่น แต่ อาวะก็เป็นแหล่งม้าศึกสายพันธ์ดี ทรัพยากรที่ทุกตระกูลล้วนต้องการเพื่อใช้ในการขยายอำนาจ และอีกหนึ่งทรัพยากรที่น่าสนใจคือหินก่อสร้างชั้นดีที่จังหวัด “ซานูกิ” (Sanuki) ทางตะวันออกเฉียงเหนือ คำถามคือเมื่อเขาจัดการศัตรูที่ขวางทางได้แล้วนั้น ใครกันที่จะมาเป็นโชกุนถ้ามิใช่ “โชโซะกาเบะ” ?
Date (ดาเตะ)
ธรรมชาติของนักรบแห่งดาเตะนั้นทั้งแข็งแกร่งและผูกใจเจ็บ ศัตรูของเขารู้ซึ่งก่อนที่จะถูกฆ่าตาย ทหารทุกนายของดาเตะล้วนมีแต้มต่อพิเศษในการเข้าโจมตี รวมทั้งโน-ดาชิซามูไรผู้เลื่องชื่อ กวัดแกว่งดาบสองมือขนาดยาว ที่ค่าฝึกฝนและค่าเลี้ยงดูที่ถูกกว่า นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งกว่าทุกตระกูลอีกด้วย สมกับคติพจน์แห่งดาเตะ นั่นคือ “โจมตี” บ้านเกิดของตระกูลดาเตะที่จังหวัด “อิวาเตะ” (Iwate) เต็มไปด้วยอริที่น่าโจมตี “ดาเตะ ฮารามุเนะ” (Date Haramune) ไดเมียวประจำตระกูลดาเตะนั้นกำลังเปิดศึกกับกบฏที่กำลังประชิดประตูหน้าบ้าน นี้ยังไม่นับตระกูล “โมกามิ” (Mogami) แห่ง “อูโกะและอูเซน” (Ugo and Usen) ทางตะวันตก การโจมตีไปทางนั้นทำให้ดาเตะได้ศาลเจ้ามาอยู่ใต้อำนาจ ส่วนทางตะวันตกเฉีงใต้สถานการณ์ค่อนข้างอยู่ตัว ตระกูล “ฮาตาเกยามะ” (Hatakeyama) ในจังหวัด “มิยากิ” (Miyagi) นั้นอยู่ในภาวะสันติ แต่ใครกันเล่าจะรู้ว่าสุดท้ายจะสันติสุขนี้จะยั่งยืนเพียงใด? ทรัพยารป่าไม้ในมิยากิเองก็เป็นประโยชน์ต่อการขยายอำนาจ
ตระกูลดาเตะก่อตั้งโดย “อิซะ โตโมมุเนะ” (Isa Tomomune) ซึ่งได้ปกครองตำบลดาเตะจากการแต่งตั้งของโชกุน “มินาโมโตะ โยริโทโมะ” (Minamoto Yoritomo) ปลายศัตรวรรษที่ 12 จากนั้นก็เริ่มสะสมอำนาจจนกระทั่งไม่นานมานี้มีการแตกหักภายในตระกูลเนื่องมาจากปัญหาการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์กับ “อุเอซึงิ” (Uesugi) ดาเตะ ฮารามุเนะทะเลาะอย่างรุนแรงกับบิดา “ทาเนมุเนะ” (Date Tanmune) เรื่องการลอบวางแผนงานแต่งงานของน้องชาย นักรบและผู้รักษาความสงบประจำตระกูลหลายคนเห็นด้วยกับฮานามุเนะ ทำให้บิดาของเขาถูกปลดจากตำแหน่งไดเมียว ตอนนี้ความท้าทายใหม่ของฮารามุเนะอาจจะเป็นตำแหน่งโชกุนก็เป็นไปได้?
Hattori (ฮัตโตริ)
ฮัตโตริเป็นตระกูลผู้นำในจังหวัด “อิงะ” (Iga) ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและเป็นที่พำนักของกลุ่มอิสระ “อิงะ โซโคคุ อิคคิ” (Iga Sokoku Ikki) กลุ่มชนซึ่งต่อต้านอำนาจโชกุนยุคคามาคุระ ประชาชนแห่งอิงะพัฒนาวิชาศิลปะการต่อสู้ปองกันตัวที่ชื่อ “อิงะ-ริว นินจึซึ” (Iga-tyu ninjutsu) ผสมผสานระหว่าง ศิลปะการต่อู้มือเปล่า เทคนิคการสังหาร และการรบนอกแบบ พวกเขาใช้นินจึซึในการรักษาความเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อใคร และจากนั้นก็ร่ำรวยจากการเป็นมือดาบรับจ้าง ประเพณีของการไม่ขึ้นกับผู้ใดยังคงเข็มแข็งในอิงะและฮัตโตริ นินจึซึ ยังคงเป็นศิลปะลึกลับ สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลและหวงแหนมิให้คนนอกตระกูลรับรู้ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ฮัตโตริจะสามารถเกณฑ์นักรบนินจาได้ถูกกว่า และมีประสบการณ์มากกว่าที่ใด ทั้งในยามรบและออกปฏิบัติภารกิจตามลำพัง
ภายใต้การนำของ “ฮัตโตริ ยาซึนางะ” (Hattori Yasunaga) ตระกูลฮัตโตริมีพิษสงรอบด้าน เขามองออกไปที่ชายขอบอิงะ ใครจะรู้ว่าความทะเยอทะยานขงเขาไปสิ้นสุดที่ตรงไหน อาจจะเป็นพระราชวังโชกุน? ฮัตโตริเป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มแตกหักก็ตาม ทิศเหนือ ตระกูล “อาซะ” (Asa) แห่ง “โอมิ” (Omi) ช่าเป็นเป้าหมายที่ล่อตาล่อใจ เนื่องจากมีโรงเรียนฝึกสอนนินจาที่นั่น ทางใต้ ตระกูล “คิตะบาตาเกะ” (Kitabatake) และ “ซึตซุย” (Tsutsui) ป้องกันศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคงจะมีประโยชน์หากตกอยู่ใต้อาณัติของฮัตโตริ ในขณะที่ตระกูล “อาชิคางะ” (Ashikaga) แห่ง “ยามาโตะ” (Yamato) แสดงถึงความผิดพลาดในการบริหารปกครอง และเป็นผู้กุมอำนาจอยู่ในขณะนี้
Hojo (โฮโจ)
โฮโจคือนักก่อสร้างผู้ยิ่งใหญ่กว่าทุกตระกูล แต่ละปราสาทมีค่าก่อสร้างที่ถูกกว่าและหากเกิดความเสียหายก็มีค่าซ่อมแซมที่ถูกกว่า นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสร้างเครื่องโจมตีเมืองได้ดีกว่าทุกตระกูล ทักษะเหล่านี้ทำให้โฮโจสามารถยึดครองดินแดน และท้าทายศัตรูให้มาขับไล่ออกไป โฮโจมีฐานอำนาจกว้างขวางบริเวณที่ราบ “คันโต” (Kanto) ฉวยความได้เปรียบในขณะที่ผู้อื่นมีปัญหาสงครามภายในเพื่อก่อตั้งฐานอำนาจ “อิเซะ ชินคุโร” (Ise Shinkuro) โชกุนผู้ทรงอิทธิพลเป็นผู้ก่อตั้งตระกูล แต่เป็นลูกชายของเขาที่มาปรับนามสกุลเป็นโฮโจ ถึงแม้ว่าจะไม่การเกี่ยวดองทางสายเลือดอันใดกับตระกูลโฮโจดั้งเดิม ไม่มีผู้ใดทัดทานพวกเขา และต่อสู้กับตระกูล “อุเอซึงิ” (Uesugi) ถึงขนาดที่อุเอซึงิยอมพักรบด้านอื่นเพื่อพุ่งเป้ามาที่โฮโจผู้เดียว นอกจากนี้ยังมีเหตุขัดแย้งกับตระกูล “อิมากาวะ” (Imagawa) และ “ทาเคดะ” (Takeda) แต่ตอนนี้อยู่ในภาวะสันติสุขอันแสนยุ่งยาก หรือไดเมียวโฮโจจะกลายมาเป็นโชกุน สันติภาพถูกล้างทิ้งได้ไวกว่าดอกเชอร์รี่บาน
จากบ้านเกิดใน “อิซึ” (Izu) และ “ซากามิ” (Sagami) โฮโจรายล้อมไปด้วยผยัญตราย และโอกาสอันงดงาม พวกเขาอยู่ในภาวะสันติ (ก็แค่ตอนนี้) กับอิมากาวะและทาเคดะ ใน “คาอิ” (Kai) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตระกูลทาเคดะนั้นเป็นเหล่านักรบบนหลังม้า นอกจากนี้ยังยึดครองจัพื้นที่เพาะพันธ์ม้าศึกชั้นยอด และไม่มีขุนศึกผู้ใดปฏิเสธทรัพยากรอันมีประสิทธิภาพนี้ได้ “ซึรูกะ” (Suruga) ก็ดูเป็นรางวัลที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามตระกูลโฮโจยังมีปัญหาเร่งด่วนกว่านั้น พวกเขาตกอยู่ภายใต้การคุกคามจากตระกูล “โอกิกายะซึ” (Ogigayatsu) นำทหารบุกเข้ารุกรานซากามิและ “มุซาชิ” (Musashi)
Mori (โมริ)
ตรกูลโมริมีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับการเดินทางโพ้นทะเล และเป็นเจ้าแห่งทะเลโดยไม่มีใครเทียบเทียม พวกเขาสามารถอ่านกระแสคลื่นและทำให้เคลื่อนกองเรือได้ไกลกว่าตระกูลใดๆ และทักษะในการต่อเรืออันดีเยี่ยมทำให้การต่อเรือและซ่อมบำรุงได้ถูกกว่า นอกจากนี้ยังสามารถสร้างกองทัพเรือที่เก่งกว่าทุกตระกูล โมริเริ่มมีอำนาจมาจากการเป็น “จิโต” (Jito) หรือผู้จัดการทรัพย์สินที่จังหวัด “อากิ” (Aki) ภายหลังสงคราม “โจคิว” (Jokyu) ในปีค.ศ. 1221 แทนที่เขาจะยึดตำแหน่งโชกุนเป็นของตัวเอง พวกเขาเลือกที่จะถอยห่างจากกลุ่มผู้สนับสนุน และหันไปช่วย “อาชิคางะ ทาคาอุจิ” (Ashikaga Takauji) ในการโค่นล้มโชกุนคนเก่า พวกเขาต้องดิ้นรนต่อสู่กับตระกูล “อามาโกะ” (Amako) และ “โออุชิ” (Ouchi) และทางเดียวที่จะอยู่รอดได้คือการใช้กำลังทางทหารผสมผสานกับการทูต
ภายใต้การนำของไดเมียว “โมริ โมโตนาริ” (Mori Motonari) ตระกูลยังคงทำสงครามกับตระกูลอามาโกะ และที่บ้านเกิดจังหวัดอากิก็ถูกคุกคามโดยการรุกรานของอามาโกะจากทางทิศเหนือ แต่โมริยังเป็นพันธมิตรกัลตระกูลโออุชิแห่ง “ซูโกะ” (Sugo) และ “นากาติ” (Nagati) ทางตะวันตก และมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูล “คิคคาวะ” (Kikkawa) แห่ง “บิงโงะ” (Bingo) และ “โคโนะ” (Kono) แห่ง “อิโย” (Iyo) ในการทำสงครามกับอามาโกะใช่ว่าจะไร้โอกาสทอง เพราะบ้านเกิดของอามาโกที่ “อิวามิ” (Iwami) มีเหล็กชั้นเยี่ยม แต่การจะเข้าถึงทรัพยากรเหล่านั้นจำเป็นต้องกำจัดคิคคาวะ และโคโน ด้วยทักษะการเดินเรือของโมริและความร่ำรวยในอิวามิ ความทะเยอทะยานของไดเมียว ไม่แน่ในอีกไม่นานที่นี่อาจจะเป็นพระราชวังโชกุน?
Oda (โอดะ)
จากปราสาทของเขาใน “โอวาริ” (Owari) “โอดะ โนบุฮิเดะ” (Oda Nobuhide) ปกครองตระกูลด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง โอดะเป็นที่นับถือจากทักษะในการกระตุ้นผู้บัญชาการของเหล่าอาชิการุ เหล่าทหารเลวพวกนี้มีค่าจ้างถูกกว่าซามูไร จำนวนกลายมาเป็นกลยุทธ์สำคัญในสงคราม และอาชิการุถูกเกณฑ์มาได้เป็นจำนวนมาก ตระกูลโอดะไม่เพียงแต่สร้างอาชิการุได้ถูกและมีประสิทธิภาพแต่ยังฝึกอาชิการุได้แข็งแกร่งกว่าทุกตระกูล
ต้นกำเนิดมาจากผู้รักษาการณ์แห่งตระกูล “ชิบะ” (Shiba) ตระกูลโอดะเติบโตในขณะที่ชิบะเริ่มถดถอย แต่นั่นเป็นเพียงการนำตระกูลไปสู่ทศววรษแห่งความยากลำบาก เพื่อนำพาตระกูลไปสู่ความยิ่งใหญ่ ท้ายที่สุดญาติฝั่ง “คิโยซึ” (Kiyosu) มีอำนาจมากขึ้นและได้เปลี่ยนนามสกุลมาเป็น “โอดะ” (Oda) เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษ “ไทระ โน ชิกาซาเนะ” (Taira no Chikazane) ผู้ก่อตั้งโอดะใน “เอชิเซน” (Echizen) ขณะนี้โอดะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากทางเหนือ ตระกูล “ไซโตะ” (Saito) แห่งจังหวัด “มิโนะ” (Mino) ทางตะวันออกตระกูล “โตกุกาวะ” (Tokugawa) ใน “มิคาวะ” (Mikawa) นอกจากนี้รวมไปถึง ตระกูล ”อิมากาวะ” (Imagawa) ที่ซู่มซ่อนอยู่ การโจมตีศัตรูทางตะวันออกช่วยเปิดโอกาสให้โอดะเข้าถึงม้าศึกชั้นเลิศในจังหวัดมิคาวะ ซึ่งไม่มีขุนศึกผู้ใดปฏิเสธโอกาสที่จะเพิ่มแสนยายุภาพทางด้านทหารม้า โดยเฉพาะเป็นการตัดกำลังศัตรูอีกด้วย ส่วนความสัมพันธ์ในระยะหลังกับตระกูล “ซึตซุย” (Tsutsui) ใน “อิเสะ” (Ise) ทางตะวันตกอยู่ในสภาพสัติสุข แต่อิเสะเป็นเป้าหมายที่ช่างเย้ายวนเนื่องจากมีศาสนสถานไว้ในครอบครอง และทั้งหมดทั้งมวลคือเป้าหมายของการเป็นโชกุน
Shimazu (ชิมาซึ)
ชิมาซึเป็นตระกูลที่ภาคภูมิในประวัติแสนทรงเกียรติอันยาวนาน สำหรับชิมาซึความภักดีอยู่เหนือทุกสิ่งเหล่าแม่ทัพของชิมาซึไม่อาจหาญกล้าทะเยอทะยานหาอำนาจแก่ตนเอง ชิมาซึคาตานะซามูไรนั้นฝึกได้ในราคาถูกและมีค่าบำรุงรักษาต่ำ และยังสามารถฝึกฝนซามูไรถือคาคานะได้ดีกว่าทุกตระกูล ชิมาซึสามารถสืบต้นตระกูลกลับไปถึง “มินาโมโตะ โยริโทโมะ” (Minamoto Yoritomo) ปฐมโชกุนแห่งยุคคามาคุระ ในปี 1187 โยริโทโมะแต่งตั้งลูกชาย “ทาดาฮิซะ” (Minamoto Tadahisa) ในตำแหน่งผู้ดูแลกลาโหมในคิวชูตอนใต้ ซึ่งลูกชายคนนี้ได้ใช้ชื่อชิมาซึในจังหวะ “ฮิวงะ” (Hyuga) และยึดการปกครองจังหวัดเป็นของตนเอง ต้องขอบคุณการจัดการกำลังทหารและการบริหารงานที่ดีประกอบกับมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากรัฐบาลคามาคุระและคิวชู ตระกูลชิมาซึเริ่มร่ำรวยและมีอำนาจ พวกเขาไม่ใช่คนหัวโบราณเมื่อมณฑลภายใต้การปกครองในจังหวัด “ทาเนกาชิมา” (Tanegashima) ได้ช่วยคนแปลกหน้าที่ลอยคอมากับซากเรือแตก คนที่มาจากต่างดินแดนที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนชนชาติยุโรป ตระกูลชิมาซึเห็นประโยชน์ในการค้าขายกับเรือสำเภายุโรปน่าจะเป็นหนทางเพิ่มความมั่งคั่ง
ปัจจุบันภายใต้การนำของไดเมียว “ชิมาซึ ทาคาฮิซะ” (Shimazu Takahisa) ตระกูลค้นพบโอกาสที่จะสร้างยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง บ้านเกิดของเขาในจังหวัด “ซาซึมะ” (Satsuma) มีความมั่นคง และอยู่ในภาวะสันติกับตระกูล “ซาการะ” (Sagara) แห่งจังหวัดทางเหนือ “ฮิโกะ” (Higo) แต่กระนั้นฮิโกะเองก็เป็นเป้าหมายที่ดึงดูดการขยายฐานอำนาจของชิมาซึ เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะพันธ์มาศึก และการเปิดศึกกับตระกูล “อิโตะ” (Ito) ในจังหวัด “โอซึมิ” (Osumi) และ ฮิวงะก็เป็นเรื่องเล็กน้อย และเมื่อุปสรรคทั้งหลายถูกแก้ไข ระยะทางระหว่างคิวชูไปยังวังโชกุนก็อยู่แค่เอื้อม
Takeda (ทาเคดะ)
ตระกูลทาเคดะขุนศึกผู้ปกครองจังหวัด “คาอิ” (Kai) บ้านเกิดที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 ตั้งแต่นั้นมาพวกเขารุ้จักความว่าสันติภาพน้อยมาก ทาเคดะต่อสู้อย่างยาวนานซ้ำไปซ้ำมากับเพื่อนบ้านผู้รุกรานจากจัวหงัวดทางเหนือ “ชินาโนะ” (Shinano) และทำสงครามกับตระกูล “โฮโจ” (Hojo) และ “อิมากาวะ” (Imagawa) แต่กระนั้นพวกเขาเองก็มีความสามารถด้านการทูตการเจรจาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสามารถการรบบนหลังม้า และนั่นทำให้มีสัติสุขเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว
ปัจจุบันภายใต้การปกครองของไดเมียว “ทาเคดะ ชินเก็น” (Takeda Shingen) สร้างนิมิตหมายที่ดีแก่พวกเขาและแผ่ความผวาดผวาไปสู่ศัตรูทุกทิศทาง ทหาร “มุราคามิ” (Murakami) รุกรานคานิจากชินาโนะตอนเหนือ ตระกูล “คิโซะ” (Kiso) จากภูเขาในชินาโนะเป็นมิตรกับทาเคดะอยู่ในตอนนี้ ส่วนจังหวัดชินาโนะเองนั้นอำนาจผู้ปกครองถูกทำลายลงไปแล้ว แต่กระนั้นทรัพยากรหินในจังหวัดก็มีมูลค่ามากมาย ทางตะวันออกจังหวัด “มุซาชิ” (Musashi) ตระกูล “โอกิกายาสึ” (Ogigayatsu) นั้นเหมือนกับตระกูลโฮโจ ในจังหวัด “ซากามิ และ อิสึ” (Sagami and Izu) ก็อยู่ในภาวะสันติกับทาเคดะด้วย จังหวัดซากามินั้นพิจรณาแล้วเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับขุนศึกผู้มีความทะเยอทะยาน เนื่องด้วยมีนักตีดาบตีอาวุธฝีมือชั้นเลิศอาศัยอยู่ที่นั่น ในช่วงหลังๆมานี้ทางทิศใต้ ตระกูลอิมากาวะได้กลายมาเป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ ตอนนี้ตระกูลทาเคดะมีทั้งศัตรูที่มีค่าพอจะสู้รบและยึดครอง รวมทั้งพันธมิตรที่ไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ไม่ใช่ทุกตระกูลที่จะได้รับพรสววรค์ในการฝึกม้าแบบทาเคดะ ทาเคดะสามารถเกณฑ์ทหารม้าได้มีประสิทธิภาพกว่าทุกตระกูล รวมทั้งสร้างกองทัพม้าที่มีความแข็งแกร่งกว่าที่ทุกตระกูลจะฝึกได้ และก็อาจจะเป็นนักรบบนหลังม้าที่จะนำพาไดเมียวทาเคดะเถลิงสู่บัลลังก์โชกุน
Tokugawa (โตกุกาวะ)
ถึงแม้ว่าตระกูลโตกุกาวะจะเป็นตระกูลเก่าแก่ สืบเชื้อสายมาจาก “มินาโมโตะ โน โยริโทโมะ” (Minamoto no Yoritomo) ปฐมโชกุนแห่งยุคคามาคุระ นับแต่วันนั้นพวกเขาต้องพบช่วงเวลาอันยากลำบาก พวกเขาได้เปลี่ยนชื่อตระกูล ด้วยพระราชานุญาติจากพระจรรกพรรดิ จาก “มัตซึไดระ” (Matsudaira) เป็น โตกุกาวะ ที่ซึ่งลูกหลานโยริโทโมะใช้สืบทอดต่อกันมา ตระกูลโตกุกาวะอยู่ในภาวะยากลำบาก เนื่องด้วยถูกบีบคั้นอยู่ระหว่างสองตระกูลผู้มีความทะเยอะทะยาน ตระกูล “อิมากวะ” (Imagawa) ทางตะวันออก และ ตระกูล “โอดะ” (Oda) ทางตะวันตก โดยการยอมตระกูลในการปกครองของอิมากาวะ ซึ่งช่วยรับประกันว่าโตกุกาวะจะโดนโจมตีจากโอดะบ่อยขึ้นเท่านั้นเอง ดังนั้นพวกเขาจึงเน้นหนักไปในทักษะเป็นเลิศด้านการทูต สามารถฝึกฝนคิโช นินจาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีเมตซุเกะผู้ตรวจการณ์ความสงบเรียบร้อยในจังหวัด
ปัจจุบันพวกเขาเปิดสงครามกับโอดะอีกครั้ง ทหารโอดะได้บุกเข้ามาในพื้นที่ของโตกุกาวะที่จังหวัด “มิคาวะ” (Mikawa) ทางทฤษฎีแล้วโตกุกาวะเป็นตระกูลในปกครองของอิมากาวะในจังหวัด “ซูรากามิ” (Suragami) และ “โตโตมิ” (Totomi) พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับตระกูล “คิโซะ” (Kiso) ในจังหวัด “ชินาโนะ” (Shinano) เนื่องด้วยเพื่อนบ้านเหล่านี้เป็นมิตรกับโตกุกาวะ ว่ากันว่าขินาโนะมีแหล่งทรัพยากรหิน ซ฿งสามารถไปใช้ประโยชน์ด้านการ่กอสร้างให้แก่ขุนศึกผู้ทะเยอทะยาน
ประวัติศาสตร์หลังการขวนขวายเหล่านี้ “โตกุกาวะ อิเอยาสึ” (Tokugawa Ieysu) ได้กลายมาเป็น “เซอิ ไทโชกุน” (Seii taishogun) หรือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปราบชนป่าเถื่อนและปกครองญี่ปุ่นภายใต้พระจักรพรรดิ ตระกูลโตกุกาวะปกครองญี่ปุ่นยาวนานกว่า 200 ปี ปิดประเทศจากอิทธิพลต่างชาติ ประวัติศาสจร์ไม่จำเป็นต้องย้อนรอยทางเดิม การยึดบัลลังก์โชกุนของโตกุกาวะอาจจะง่ายกว่าที่เป็นมา
Uesugi (อุเอซึงิ)
ตระกูลอุเอซึงิภูมิใจในความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา พวกเขาสามารถเกณฑ์นักรบพระสงฆ์ได้ถูกกว่าทุกตระกูลอีกทั้งยังสามารถฝึกฝนพระนักรบและพระทั่วไปได้ดีกว่าทุกตระกูล ถึงแม้ตะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในศาสนา แต่ประวัติของอุเอซึงิไม่ได้สงบสุขอย่างที่คิด
ผู้นำคนปัจจุบันของอุเอซึงิดั้งเดิมมาจากตระกูล “นากาโอะ” (Nagao) แห่ง “อิชิโกะ” (Echigo) และเป็นตระกูลในปกครองของพวก “ยามานูชิ” (Yamanouchi) ในอุเอซึงิเอง ตระกูลนากาโอะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายของพวกเขาต่อสู้กับ “โอกิกายาสึ” (Ogigayatsu) ในความขัดแย้งภายในซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอุเอซึงิทั้งสิ้น พวกยามานูชิอ่อนแอลงจากการทำสงครามกับตระกูล “โฮโจ” (Hojo) จึงขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของนากาโอ “คาเกโทระ” (Uesugi Kagetora) การช่วยเหลือของเขายังได้เป็นการยึดเอาชื่ออุเอซึงิมาใช้อีกทั้งยังยึดอำนาจปกครองอุเอซึงิทั้งตระกูลอีกด้วย และนี้ยิ่งทำให้อะไรต่างๆยุ่งยากสับซ้อนขึ้นไปอีก อุเอซึงิ คาเกโทระ (เรียกตามชื่อที่เขาใช้ขณะนั้น) เปลี่ยนชื่อของเขามาเป็น “อุเอซึงิ เคนชิน” (Uesugi Kenshin) เขาเป็นผู้ยึดมั่นใน “บิชามอนเทน” (Bishamonten) เทพเจ้าแห่งสงครามและสาบานรับใช้พระพุทธศาสนา เขาจึงตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งให้น้องชายผู้ซึ่งหลงไหลลาภยศ นำมาซึ่งความแกตแยก และไม่เป็นที่โปรดปรานเท่าใดนัก เคนชินกลับมาปกครองและมีมุ่งหมายเกี่ยวกับอนาคตของตระกูล แต่กระนั้นก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้อถ้าตระกูลอุเอซึงิหวังจะเป็นโชกุน เนื่องจากยังมีกบฏอุเอซึงิในอิชิโกะเองด้วย และยังมีภาระกิจที่ยังไม่ได้สะสางกับพวกยามานูชิในจังหวัด “โคซูเกะ” (Kosuke) แต่ยังโชคดีที่พวกเขามีสันติภาพกับตระกูล “อาชินะ” (Ashina) แห่ง “ฟูกุชิมะ” (Fukushima) และ ตระกูล ”โมกามิ” (Mokami) แห่งจังหวัด “อูเซน” (Uzen) แต่ทั้งสองจังหวัดมีทรัพยากรอย่างเหลือเฝือ โมกามิอุดมไปด้วยป่าไม้ ส่วนอูเซนมีเหมืองหิน ซึ่งน่าพิจรณาสำหรับแผนการภายภาคหน้า ในการยึดมั่นกับศาสนาของอุเอซึงิ จังหวัดโคซูเกะมีประเพณี และการศึกษาปรัชญาซึ่งเคนชินควรค่าแก่การควบคุมของเคนชิน กองทัพเรือก็พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีคุณค่าเนื่องด้วยจังหวัด “ซาโดะ” (Sado) ชายฝั่งของอิชิโกะอุดมไปด้วยเหมืองทอง
IKKO-IKKI (อิคโค-อิคคิ)
กลุ่มกบฏอิคโค-อิคคิ เป็นกลุ่มกบฏที่ประกอบด้วยพวกพระ, ชาวนา และซามูไรระดับต่ำของขุนนางโทคุกาวะ มีฐานที่มั่นอยู่บริเวณภาคกลาง คือเมือง Echizen ซึ่งเชื่อในดินแดนบริสุทธิ์แท้จริง (Judo shinshu) ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธที่สอนผู้ศรัทธาว่า จะได้รับการคุ้มครองด้วยความเมตตาของพระอะมิตตา จึงดำเนินการต่อต้านกฎของซามูไรและการปกครอง มีผู้นำเชื่อ Jutsurai Shimozuma
OTOMO (โอโตโมะ)
ตระกูลโอโตโมะ เป็นตระกูลญี่ปุ่นที่มีอำนาจขึ้นมาถึง400ปี ตั้งแต่ช่วงยุคคามาคุระ ถึงยุคเซนโงคุ โดยเริ่มจากรัฐบาลโชกุนคามาคุระ ได้มอบแคว้นบุนโกะและบุเซ็นบนเกาะคิวชูให้ในปีค.ศ.1185 ซึ่งโอโตโมะเป็น1ในตระกูลที่มีความสำคัญบนเกาะคิวชูมาก ไม่แพ้ตระกูลชิมะซุ ซึ่งทั้ง2ตระกูลนี้ ต่างมีบทบาทสำคัญในการปกป้องญี่ปุ่นจากกองทัพมองโกลในปีค.ศ.1274 และ 1281
ตระกูลโอโตโมะรุ่งเรืองตั้งแต่นั้นจนกระทั่งถึงยุคเซ็นโงคุ (ค.ศ.1467-1573)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลโอโตโมะยังเป็นแคว้นแรกของญี่ปุ่นที่ทำการติดต่อค้าขายกับชาวยุโรปและสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับพวกเขา ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
การค้ากับชาวโปรตุเกสนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาและพบได้บ่อยในคิวชู
-- EDIT เพิ่ม CLAN --