BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Sep 2009
ตอบ: 2561
ที่อยู่: บ่ฮู้นำแล่ว
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:47
ถูกแบนแล้ว
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน
(สาระ...อีกแล้ว)

* ชาวนาแห่งบ้านดงอินำ ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม อภิปรายไว้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ในงานสัมมนาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ชีวิต และทางออกชาวนา จัดโดย ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โครงการก่อตั้งมหาวิทยาลัยภูแสงดาว กลุ่มนักวิชาการภูพานลุ่มแม่น้ำโขง และเครือข่ายชาว นาเพื่อการพัฒนา นครพนม -สกลนคร

ผมก็เป็นชาวนาตั้งแต่เกิด ร้อยเปอร์เซนต์ เกิดมาก็ใช้แรงงานตลอด เพราะว่าตนเองอยู่ในฐานะของชนชั้นชาวนา ต้องทำงาน เอาหลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้แดด หากบ่ทำงานแบบนี้ ก็บ่มีกินมีใช้ เพราะชนชั้นปกครอง ดูถูกชาวนาอยู่แล้ว บ่ได้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนอะไรเลย แต่เป็นหยัง ทำไมชาวนาจึงอยู่ได้ ทั้งที่ทางการบ่ได้ให้ความสนับสนุน ก็เนื่องจากว่าใช้ภูมิปัญญา ต่อสู้มาตลอด ตั้งแต่บรรลุนิติภาวะแล้ว ต่อสู้มาตลอด ด้วยความยากลำบาก ถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากแต่ก็มีความอดทน ต่อสู้มาตลอด แต่อดทนอย่างเดียวบ่ได้ ต้องใช้ความประหยัดมัธยัสถ์ เพราะตนเองอยู่ในฐานะคนยากคนจน หากว่าเฮาบ่ประหยัดมัธยัสถ์ จะทำให้ไปบ่รอด คนที่บ่ใช้แรงงานอยู่ในฐานะชนชั้นชาวนาอยู่บ่ได้ เพราะสิบ่มีกินมีใช้
ฉะนั้นชาวนาจึงเป็นคนที่ขยันที่สุดในประเทศไทย แต่นายทุนกลับมาให้ความเห็นว่า ชาวนาขี้คร้าน แต่ผมว่าชาวนาบ่ได้ขี้คร้าน ขยันมากกว่านายทุน เป็นหยังถึงว่าอย่างนั้น เพราะว่าหากให้นายทุนทำงานแบบชาวนาไปบ่รอด ทำงานบ่ได้ อย่างขอยกตัวอย่าง อย่างชาวนาขับรถไถ ขับออกจากบ้าน ไป 3-4กิโลเมตร ขับไป ซักปั๊บๆ ไปถึงไฮ่นา ยังซักรอบไฮ่นา บ่ฮู้อีกจักรอบ หากพูดถึงเรื่องย่างหรือเดินทางไปถึงเมืองนครพนม ชาวนาก็สามารถเดินไปถึงได้
แต่ผมก็เสียใจที่สุด ที่พวกชนชั้นปกครองหรือพวกนายทุนกล่าวหาว่าชาวนาขี้คร้าน ผมเสียใจที่สุด แต่ผมกะอยากถามว่าแล้วแม่นไผขี้คร้านกันแน่ แม่นไผขยันกันแน่ ผมอยากถามแต่บ่มีโอกาส เพราะตัวเองปากบ่ได้ ไอบ่ดัง แต่มันเฮ็ดแนวใด๋ ตัวเองเป็นเบี้ยล่างของเขา เฮาต้องทำนาไปเรื่อยๆ มันบ่มีทางออก จั่งใด๋ จั่งใด๋ กะสู้อยู่เรื่อย บ่ได้คิดท้อแท้ว่า โอ้กูเป็นคนยากคนจน บ่ได้คิด ยากจนสิเฮ็ดจั่งใด สิมีกินมีใช้พอ บ่ได้คิดให้ร่ำให้รวย คือนายทุนดอก ก็คิดตลอดเวลา คิดอยู่ในใจ ชาวนาจึงสิหลุดพ้น จากอิทธิพลพวกนี้กะคิดหลาย
จั่งใด๋ จั่งใด๋ ก็พยายามหาทางออก พยายามทำงานไปเรื่อยๆ หนักเอาเบาสู้ ทั้งนั้น เอาทั้งนั้น ฉะนั้นเฮ็ดจั่งใด๋ (ทำอย่างไร) พยายามสู้มาถึงปัจจุบัน ก็ยังบ่หวิดชาวนา ยังเป็นชาวนาเหมือนเดิม เพราะบ่ได้เรียนสูงเหมือนเขา เพราะว่าบ่มีโอกาส แต่ว่าทางฝ่ายปกครองก็ว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่เมื่อชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แล้วเป็นหยัง ทำไมปล่อยปละละเลย ให้อยู่ตามประสีประสา แทนที่จะพยายามให้การศึกษา อบรม ให้มีตัวแทนชาวนาเข้ามา คอยแล้วคอยเล่า ผมก็จนอายุ 65 ปี แล้ว กะบ่เห็นทางการมาช่วยเหลือ เทิดทูนชาวนา ที่จริงหากคิดไปในเมืองไทยหากบ่มีชาวนา พวกนายทุนอยู่บ่ได้ ทำไมจึงอยู่บ่ได้ เพียงข้าวหมื่นละ 100 บาท เอะอะโวยวาย แล้วเพิ่นก็ว่า โอ้ยข้าวขึ้นราคาแบบนี้ ชาวนาที่เป็นคนยากคนจนมันสิบ่ตายหรือ มันจะใช่คนยากคนจนตายบ่ อย่างในจังหวัดนครพนม มีเล้าข้าวทุกเฮือน แต่คนในกรุงเทพฯบ่มีเล้าข้าว ผู้ใดจะตายกันแน่ ผมคิดว่านายทุนสิตาย
ผมคิดหนัก คิดหนา มันเป็นหยังบ่มีความเป็นธรรม คล้ายๆที่เขาว่าหนูเฮ็ดนา หมากินข้าว คนที่ใช้แรงงานเป็นหนู คนบ่ใช้แรงงานเป็นหมา หมามันสบาย ความดีเอาให้ตัว ความชั่วให้คนอื่น อันนี้ผมกะหนักใจในความรู้สึก ในชีวิตชาวนา เฮ็ดจั่งใด๋สิหาทางออกให้ชาวนา คิดมาตั้งแต่ออกจากโรงเรียนชั้น ป.4 คิดมาตลอดทั้งๆที่จำกัดความรู้ในชั้น ป .4 ความรู้ด้านวิชาการมีจำกัด จนกระทั่งได้ไปร่วมกับพี่น้องประเทศลาวในตอนนั้น เกิดการต่อสู้ในระยะหนึ่งอย่างที่อาจารย์ธันวากล่าว เพื่อว่าจะหลุดพ้นจากอำนาจครอบงำที่ให้ชาวนาเป็นเบี้ยล่าง อยากให้ชาวนามีสิทธิ์มีเสียง จักหน่อย
แต่ว่าเฮ็ดจั่งใด๋ในปัจจุบัน คิดอยู่ว่าผมจะหาทางออกทางใด จุดหนักอยากจะให้มีโรงเรียนของชาวนา ปรากฏเป็นจริง อย่าให้มีแต่โรงเรียนนายทุนหลาย เอาชาวนาไปเรียนมันจะบ่ได้บ่ ผมอยากเข้าใจ ผมอยากฮู้ เพราะว่าเป็นหยังคนที่เป็นด๊อกเตอร์ เป็นหยังมีแต่ชนชั้นใหญ่ๆทั้งหมด ก็ให้ชาวนาเป็นบ่ได้บ่ ด๊อกเตอร์ให้เขาเรียนแหน่
แต่เขาทำนา ยากลำบาก เขายังเฮ็ดได้ทำได้ เรียนหนังสือมีอาจารย์สอน มันสิบ่เกินไป ผมคิดหนักในใจ เป็นหยังบ่ตั้งขึ้นมา วิทยาลัยของชาวนา ตั้งขึ้นสักแห่งในประเทศไทย ผมเดินทางไปหลายๆอำเภอ หลายๆจังหวัด บ่เคยเห็น มีแต่มัธยมนั้น มัธยมนี้ มหาวิทยาลัยนั้น มหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยชาวนา บ่ปรากฏเห็น ทำไมบ่มี ผมอยากเรียกร้องให้มีในชนบท ให้การศึกษา ถึงแม้ว่าอย่างน้อย คนแก่ศึกษากะสิได้ความรู้ หากมีโรงเรียนให้การศึกษา
บ่แม่นว่าคนยากคนจน บ่อยากเรียน อยากเรียนครับ แต่บ่มีทุน เช่น ตัวอย่างสถาบันราชภัฏ บ่มีเงินกะไปบ่ได้ เซ็นโยเซฟ กะไปบ่ได้ เพราะว่าพ่อแม่บ่มีทุน แม้นทางการจะให้ทุน หากการเรียนบ่บรรลุผล ตัวเองสิไปใช้หนี้ได้อย่างไร
ทางออกของผมคือ สิเฮ็ดแนวใด๋ (จะทำอย่างไร) สิให้มีมหาวิทยาลัยของชาวนา เพราะลูกหลานศึกษาทุกวันนี้ กะศึกษาของนายทุนไปหมด อย่างที่อาจารย์ธันวาว่า เรียนไปถึงมหาวิทยาลัยก็ปละ ก็ทิ้งชาวนาไป เพราะว่าบ่ได้บ่มเพาะเรื่องของชาวนา บ่ได้คิดค้นเรื่องของชาวนา ในความรู้สึกผมกะอยากให้มีโรงเรียนของชาวนา โดยเฉพาะเลย ผมขอจบเพียงเท่านี้



กระดูกสันหลังที่ถูกเหยียดหยามและเมินมอง

ลุงจอม เชื้อตากวัก*

* ชาวนาแห่งบ้านจอมศรี ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม อภิปรายไว้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 ในงานสัมมนาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ชีวิต และทางออกชาวนา จัดโดย ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โครงการก่อตั้งมหาวิทยาลัยภูแสงดาว กลุ่มนักวิชาการภูพานลุ่มแม่น้ำโขง และเครือข่ายชาวนาเพื่อการพัฒนา นครพนม -สกลนคร


ขอเรียนอาจารย์ทุกท่านที่มาร่วมสัมมนา สำหรับผมเป็นชาวนาโดยแท้ ตั้งแต่เกิดมาแล้วนี่ ก็ทำนาตั้งแต่อายุ 12-13 ปีแล้ว ทำนามาตลอดกับพ่อกับแม่ เพราะว่าชีวิตชาวนา เป็นชีวิตที่มันบ่ได้ปรารถนาเรื่องอื่นมากนัก แต่ก่อนนะ บ่เข้าใจ เกิดมาเพียงได้อยู่ได้กินก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นอาจารย์ที่บ่ได้ฮู้จัก การเฮ็ดนา ผมจะเล่าเรื่องการทำนามันลำบาก มันยากส่ำใด
การทำนามันบ่มีเวลาพัก วันอาทิตย์-วันเสาร์ กลางคืนกะได้ทำ มันเป็นอย่างนั้น ทำทั้งกลางวันและกลางคืน เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย มาไถนา บ่แม่นเอาเครื่องจักรเหมือนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ชาวนาจึงยากลำบาก แต่เป็นหยังถึงอยู่ได้ เพราะมีข้าวกิน กะ(ก็) เลยทำมา ทำมา ตลอดจนถึงอายุปัจจุบันนี้ แม้นอายุจะหลาย กะยังทำนาอยู่ ยังขุดดิน สิมไม้อยู่ เพราะว่าอยากให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก แต่พอได้กิน จนผมรู้สึกประหยัดและมัธยัสถ์ที่สุด เหล้าผมกะบ่เคยกิน ยาผมก็บ่เคยสูบ เพราะการประหยัดของชาวนา เกิดจากความรู้สึกว่า การทำนามันทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส เอาหลังสู้ฟ้า เอาหน้าสู้ดิน มันลำบาก เพราะฉะนั้นจึงมีขบวนการในการแก้ปัญหาและทางออกของ ชาวนา ผมก็จำไม่ได้ว่าในปี พ.ศ.ใด เพราะผมเรียนบ่สูง และบ่ได้บันทึกไว้ ในสมัยหนึ่ง มีชาวนาจังหวัดศรีสะเกษ ได้ไปชุมนุมเรียกร้องความทุกข์ยาก อยู่กรุงเทพฯ จอมพล ผิน ชุณหวัณ ได้หาว่าอีสานไม่อดตายหรอก กินจิ้งหรีด กินกิ้งก่า ก็ได้ อย่างนี้ อันนี้ผมนึกขึ้นมาที่ไร ผมเจ็บใจมากเลย พวกมันกินผัด กินทอด อยู่เมืองกรุงมันสบาย อันนี้ชนชั้นผู้ปกครองมันดูถูกชาวนาขนาดใด๋ สภาพมันเป็นอย่างนั้น
ต่อมาเรามีการเคลื่อนไหว สมัยสันติภาพ ผมเคยได้ยินและก็ได้เป็นสมาชิกสันติภาพ เช่นกัน สมัยนั้นเขาเรียกว่า ทกช. ไทยกู้ชาติ แต่ตอนนั้น ผมมันอยู่บั้นปลาย บ่ได้ถูกจับ คือเขาจับแต่หัวแถว ผู้ใหญ่ๆ ผมหางแถวก็เลยรอดไป ในสมัยนั้น การต่อสู้หาทางออกให้ชาวนา มันเริ่มคิดแล้ว ถึงความบ่เป็นธรรม มันเกิดขึ้นแล้ว ชนชั้นผู้ปกครองเอารัดเอาเปรียบชาวนาอย่างไร พอรู้แล้วได๊ครับ ตอนหลังเริ่มต่อสู้ มี ผู้แทนมาหาเสียง ผมกะเรียกร้อง ผู้แทนเมื่อเป็นรัฐบาล แล้วจะมีนโยบายอย่างไร จะขึ้นกับต่างประเทศหรือบ่เป็นกลาง นายชวน กิตติศรีวรพันธุ์ ไปหาเสียง บอกว่าเป็นกลางไม่มีประโยชน์หรอก เพราะว่า เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมว่าไม่ใช่ เถียงกันทั้งวันกับนายชวน อันนี้มันได้ตื่นตัว และเริ่มหาทางออกแล้วผม
เพราะฉะนั้น ต่อมาในปี 2500 มีการเคลื่อนไหวต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ ผมก็ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ใด๋ ต่อสู้เคลื่อนไหวชาวนา ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม อเมริกาเข้ามารุกรานประเทศไทยอย่างไร ผมก็ชี้แจงให้ชาวนาได้ฟัง เขาก็ถูกใจเฮ ตึ้งๆ ต่อมา ปี พ.ศ. 2504 ผมก็ถูกจับถูกขังอยู่ที่ บางเขน เป็นเวลา 4 ปี 9 เดือน 11 วัน เมื่อออกมาแล้ว ผมก็อยู่บ่ได้ เพราะชนชั้นปกครอง มันตามล่า ตามฆ่า เหมือนว่าเราเป็นเสี้ยนหนามของแผ่นดิน บ่แม่น(มิใช่)กระดูกสันหลังของประเทศ อันนี้เจ็บแค้นที่สุดครับ ตอนนี้ มันดูถูกเฮาขนาดใด๋ แล้วมันเหลียวแลขนาดไหน ยกตัวอย่างเช่น สร้างโรงงานเกษตรกรรมขึ้นมา มีโรงเรียนเกษตรกรรมหลายอยู่ โรงเรียนการเกษตร แต่บ่เห็นมาสอนชาวนา ให้เฮ็ดอยู่เฮ็ดกินได้ ทำไมรัฐบาลบ่สนใจ ส่งคนเรียนจบเกษตรมาสอนชาวนาให้เฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน ให้มันดีแต่เป็นหยัง ผมคิดอย่างนี้ในความรู้สึกของผม มีหลายมากมายเกินไปด้วยซ้ำ ตลาดวิชาในประเทศไทย รัฐบาลชุดใดมักกล่าวว่า กระดูกสันหลังของชาติก็คือชาวนา ก็จริงอยู่ คือชาวนาบ่ให้กินข้าวกะตาย พวกนี้ แต่ว่ามันบ่เคยสนใจ มันเคยสนใจบ้างไหม
ผมอยากให้รัฐบาลสนใจแหน่ (บ้าง) เรื่องชาวนา ให้หาหมอดินมาแหน่ หาหมอน้ำมาแหน่ ชาวนามันแห้งแล้ง เฮ็ดนาเป็นบ่ หากบ่มีหมอน้ำ พิจารณาให้ชาวนาบ้าง รัฐบาลก็ควรจะสนใจในเรื่องนี้ เรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ จะเอาน้ำใต้ดินขึ้นมาได้บ่ รัฐบาลควรจะสนใจแบบนี้ มิใช่มีแต่ว่า โอ้ชาวนาจั่งซั้น (อย่างนั้น) ชาวนาจั่งซี้ (อย่างนี้) หรือไม่ใช่มีแต่ติชาวนา ว่าล้าหลัง ว่าชาวนานี่โง่ ผมบ่ อยากได้ยินอย่างนี้ หากได้ยิน ผมเจ็บใจอย่างมากเลย ผมก็เห็นด้วยกับคุณหนูลา อยากให้ทางรัฐบาล ตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมา สอนลูกสอนหลานเฮา มหาวิทยาลัยทางการเกษตรกะดีหรือมหาวิทยาลัยทางความรู้เทคนิคอื่นๆกะดี เป็นได้ ขึ้นมาได้ ผมเห็นด้วย อยากให้มี สอนในทางที่ถูกสอนในทางที่ดี
เพราะเดี๋ยวนี้ ผมรู้สึกถึงทางวัฒนธรรมปัจจุบันนี้ มันบ่แม่นวัฒนธรรมของชาวนาอีสานจริงๆแล้ว มันเป็นวัฒนธรรมของตะวันตก ที่เข้ามาจนจะบ่เหลือแล้ว นี่ละวัฒนธรรมที่รุกราน มีแต่พูดบอกว่าไม่เอาวัฒนธรรมตะวันตก ได้ยินเสมอในทางวิทยุ-โทรทัศน์ มีแต่บอกหว่า เดี๋ยวนี้วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากมายแล้ว แต่บ่เคยขจัดวัฒนธรรมตะวันตกเลย ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว ในความรู้สึกผมเป็นอย่างนี้ ในสังคมไทยทุกวันนี้ อย่างรัฐบาลบอกว่า ปราบการตัดไม้ทำลายป่า ในต้นน้ำลำธาร ผมมีความรู้สึกเป็นหยังรัฐบาลจึงบ่ควบคุมเครื่องเลื่อย บ่ให้เอามาขายเขาจะเลื่อยเป็นบ่ เขาจะเอามือลูบเอามันจะแตกมันจะแหงบ่ แต่กะยังเอามาอยู่ อันนี้แหละ บ่หว่ารัฐบาลชุดใดกะตาม เขาเรียกว่า ตึก(ตก)เบ็ดล่อปลา ให้ปลาเอาไปกิน แล้วเกาะเอาปลาไปกิน อันนี้กะเหมือนกัน ให้เขาไปตัดไม้ แล้วไปจับเขา เรียกเอาค่าไถ่หรือค่าปรับกับเขา มีครั้งหนึ่งผมอยู่นา ผมเห็นพวกอส.-เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ถามว่าไปหยัง เขาหว่าได้ยินเสียงเลื่อยไม้บ่ ได้ยินเสียงเลื่อยไม้ไหม..ผมตอบทันทีว่า คุณได้ยินผมก็ได้ยิน เพราะอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมถึงต้องมาจับละ ผมถาม ซึ่งเขาไม่ตอบ ผมว่าจับเขาทำไมเขาตัดไม้มาทำสร้างเฮือนสร้างชาน เป็นหยังบ่ไปจับที่ๆเขาตัดไม้อยู่ที่ป่าสาละวิน บอกเขาไปอย่างนั้นเลย เพราะเขาตัดไม้ 80,000-90,000 ท่อน ป่าในภูนี้ บ่มีฮอดขนาดนั้นได๊ ผมบอกว่าแล้วทำไมพวกคุณถึงไม่ไปจับเขาละ ที่เขาทำลายเป็นบริเวณกว้างๆ หลายๆละ ตั้งแต่วันนั้นนะ เขาบ่กล้าผ่านที่นาผมเลย พวกนี้มันกลัวการต่อสู้ แต่เฮาก็อยู่ใต้กฎหมาย พูดหลายกะบ่ได้ ครั้งหนึ่งกะอยากจับผมอยู่ ผมพึ่งกลับออกมาจากการต่อสู้ในป่า จะเฮ็ดเฮือน สิไปจับผม ผมโมโห บอกว่าจับกะจับสิ กะบอกเขาว่าผมพึ่งออกมาจากป่า หมาดๆ เดี่ยวนี้ได๊ ปี พ.ศ.2531 ผมออกมาช้า มาที่หลังเพื่อน พูดไปพูดมา เขาโทรไปหานายเขา เขากะบ่กล้าจับผม
เพราะฉะนั้น สำหรับความรู้สึกของชาวนา คือ ต้องการความเป็นธรรม บ่ต้องการให้เอารัดเอาเปรียบ บ่ต้องให้ได้รับการกดขี่ข่มเหงจากไผ บ่ต้องการให้เอาอย่างนั้นอย่างนี้มาบีบชาวนา ครับ ให้ชาวนามีสิทธ์เสรีภาพ มีที่ดิน มีทรัพย์สินของตัวเอง บางคน เฮ็ดมา 100 ปีแล้วยังบอกว่าเป็นของรัฐของรัฐ ไปขึ้นโฉนดบ่ได้ เพราะบ่มีสค.1 พอไปขึ้นสค.1 บ่ได้ เพราะเป็นที่ของทหาร พูดไปอีก ตอนที่ผมมานาแก เพราะฉะนั้นปัญหาเหล่านี้ขอให้ไทเฮาชาวนา ได้รับความเป็นธรรม บ่อยากให้มาเอารัดเอาเปรียบจากประชาชนชาวไฮ่ชาวนา บ่ถูกเอาเปรียบจั่งใด๋ เช่น ข้าวขึ้นปั๊บแล้วกะลง แต่พอน้ำมันขึ้นปั๊บ กะขึ้นไปเรื่อยๆ เอาเปรียบชาวนาขนาด (มาก) ขึ้นไปเรื่อยๆๆ แล้วกะลงมานิดหนึ่ง แล้ว กะขึ้นอีก มันมีวิธีการแนวใด๋ ในการเอาเปรียบชาวนา หลายรูปหลายแบบ พวกนายทุนนี้ เพราะฉะนั้นนายทุนนี่แหละ มันเอารัดเอาเปรียบ เพราะนายทุนนี่แหละ กฏหมายบ้านเมือง จึงบ่มีความเป็นธรรมเท่าที่ควร ตามความรู้สึกของผม ผมก็มีอย่างนี้ในความรู้สึกของผม





ขอบคุณ
http://www.phusangdaw.netfirms.com/life_blood.htm
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 28543
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:48
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
ย่อให้เหลือสามบรรทัดที
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status: I hear you say.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 18899
ที่อยู่: อยู่ในใจเสมอ
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:48
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
อย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ บ้านเรานี่แปลกสินค้าเกษตรขายถูก ซื้อแพง

ชาวไร่ชาวนาเอาไปขายแต่ได้ราคาต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดเสือกแพง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน





ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Sep 2009
ตอบ: 2561
ที่อยู่: บ่ฮู้นำแล่ว
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:49
ถูกแบนแล้ว
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
T.LAW พิมพ์ว่า:
ย่อให้เหลือสามบรรทัดที  

เกร็ดความรู้วันละนิด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Sep 2009
ตอบ: 2561
ที่อยู่: บ่ฮู้นำแล่ว
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:50
ถูกแบนแล้ว
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
Swain - B พิมพ์ว่า:
อย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ บ้านเรานี่แปลกสินค้าเกษตรขายถูก ซื้อแพง

ชาวไร่ชาวนาเอาไปขายแต่ได้ราคาต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดเสือกแพง  

คนทำจน นายหน้าเป๋าตุง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 10263
ที่อยู่: แอนฟิลด์
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 01:59
ถูกแบนแล้ว
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
ไม่อ่าน ยาวไป
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Oct 2010
ตอบ: 69335
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 02:02
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
ยาวไป แต่ก็อ่านนะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Sep 2009
ตอบ: 2561
ที่อยู่: บ่ฮู้นำแล่ว
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 02:05
ถูกแบนแล้ว
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
AAA2535 พิมพ์ว่า:
ไม่อ่าน ยาวไป  


0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: Chelsea & Madrid
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 5490
ที่อยู่: Runningman
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 02:07
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
Swain - B พิมพ์ว่า:
อย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ บ้านเรานี่แปลกสินค้าเกษตรขายถูก ซื้อแพง

ชาวไร่ชาวนาเอาไปขายแต่ได้ราคาต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดเสือกแพง  

ตอนนี้ผมอยู่ขอนแก่นพึ่งเกี่ยวข้าวนาปี เสรจ บอกเลยครับกว่าจะได้ข้าวมาสุดตรีน
1.ค่าจ้างแรงงาน คนละ 350 ขั้นต่ำ
2.เลี้ยงข้าว อาหาร 2 มือ เช้า กลางวัน M150 บุหรี่ เหล้าต่างๆ
3.ค่าปุ๋ย ค่าสูบน้ำ ค่ารถไถนาต่างๆนาๆ หมดเยอะมากกว่าจะได้ข้าวมา

แทบผมลองไปเกี่ยวข้างขนาดหนุ่มๆแบบผมยังแทบหน้ามืด
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Sep 2009
ตอบ: 2561
ที่อยู่: บ่ฮู้นำแล่ว
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 02:13
ถูกแบนแล้ว
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
Lee Kwang Soo พิมพ์ว่า:
Swain - B พิมพ์ว่า:
อย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ บ้านเรานี่แปลกสินค้าเกษตรขายถูก ซื้อแพง

ชาวไร่ชาวนาเอาไปขายแต่ได้ราคาต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดเสือกแพง  

ตอนนี้ผมอยู่ขอนแก่นพึ่งเกี่ยวข้าวนาปี เสรจ บอกเลยครับกว่าจะได้ข้าวมาสุดตรีน
1.ค่าจ้างแรงงาน คนละ 350 ขั้นต่ำ
2.เลี้ยงข้าว อาหาร 2 มือ เช้า กลางวัน M150 บุหรี่ เหล้าต่างๆ
3.ค่าปุ๋ย ค่าสูบน้ำ ค่ารถไถนาต่างๆนาๆ หมดเยอะมากกว่าจะได้ข้าวมา

แทบผมลองไปเกี่ยวข้างขนาดหนุ่มๆแบบผมยังแทบหน้ามืด
 


ขอนแก่นคือกัน เห้ย!!
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ถนนไม่เคยแปลกแยก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Oct 2013
ตอบ: 3497
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 07:07
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
gotzaa พิมพ์ว่า:
Lee Kwang Soo พิมพ์ว่า:
Swain - B พิมพ์ว่า:
อย่าว่าแต่ข้าวเลยครับ บ้านเรานี่แปลกสินค้าเกษตรขายถูก ซื้อแพง

ชาวไร่ชาวนาเอาไปขายแต่ได้ราคาต่ำ แต่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดเสือกแพง  

ตอนนี้ผมอยู่ขอนแก่นพึ่งเกี่ยวข้าวนาปี เสรจ บอกเลยครับกว่าจะได้ข้าวมาสุดตรีน
1.ค่าจ้างแรงงาน คนละ 350 ขั้นต่ำ
2.เลี้ยงข้าว อาหาร 2 มือ เช้า กลางวัน M150 บุหรี่ เหล้าต่างๆ
3.ค่าปุ๋ย ค่าสูบน้ำ ค่ารถไถนาต่างๆนาๆ หมดเยอะมากกว่าจะได้ข้าวมา

แทบผมลองไปเกี่ยวข้างขนาดหนุ่มๆแบบผมยังแทบหน้ามืด
 


ขอนแก่นคือกัน เห้ย!!  


ข่อยกะคนขอนแก่นเด้ออ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
hojlund
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ไทยแลนด์ ปู้น ปู้น
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 9088
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Dec 02, 2014 08:48
[RE: หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดดและการต่อสู้ที่ยาวนานของชาวนาอีสาน]
ยาวไปไม่อ่าน
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel