เป็นบทความที่สองของผมแล้วนะครับ จากบทความแรกที่ผมกล่าวถึงแผนการเล่นของทีมรักผมหลังปิดตลาด
แผนการเล่นของแมนฯยูหลังปิดตลาด :
http://beta.soccersuck.com/boards/topic/1112522
มาบทความนี้ ผมจะมาวิเคราะห์ถึงแมตช์การแข่งขันล่าสุดของพลพรรคปิศาจแดง ที่โชว์ฟอร์มโหด อัดทหารเสือราชินีไป 4-0
ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่าคำว่า Galacticos เนี่ย ผมได้มาจากภาพภาพนี้ครับ
เดี๋ยวผมจะอธิบายไปเรื่อยๆนะครับ ทำไมถึงเรียกว่า Galacticos ครึ่งตัว
ก่อนอื่น สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินคำว่า Galacticos นะครับ
Spoil
ตามลายแทงไปเลยครับ
"th.wikipedia.org/wiki/กาลักตีโกส"
เรามาเริ่มวิเคราะห์กันไปพร้อมๆกันเลยนะครับ
Line-Ups ของเกมส์พบ QPR
เป็นการจัดตัวแบบ หลัง 4 ครั้งแรกตั้งแต่ หลุยส์ ฟานฮาล คุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเลยทีเดียว แฟนๆต่างก็รู้สึกว่า "เห้ย! รู้สึกตัวแล้วละสิ"
แต่ความเป็นจริงนะหรอครับ
ฟานฮาล กล่าวไว้ก่อนเกมส์ว่า
"เนื่องจากกองหลังเรามีไม่พอ เราจึงจำเป็นต้องใช้ 4-4-2"
(สรุปว่าถ้าหลังพอ ลุงก็จะดันทุรังเล่น 5-3-2 ใช่มั้ย TT")
วันนี้จะขอแยกเป็นแต่ละประเด็นนะครับ
1.ผู้ปิดทองหลังพระคนใหม่ไฉไลกว่าเดิม
ความน่าสนใจของแทคติคที่ฟานฮาลวางไว้วันนี้ อยู่ที่กองกลาง 4 ตัวครับ
Daley Blind, Ander Herrera, Angel Di Maria และ Juan Mata
จากที่ผมกล่าวไว้ในบทความก่อนนะครับ ว่า ปัญหาใหญ่ของแมนยูที่ทำให้เราขึ้นเกมส์ไม่ได้เลย เนื่องจาก หลังลงต่ำ กลางไม่ล้วงบอล
แต่แล้ววันนี้ พระเอกของเราก็มาแก้ปัญหา จุดนี้แล้วครับ แล้วไม่ได้มาคนเดียว มาถึง 3 คนเลย !!
ทั้ง Blind, Herrera และ Di Maria ต่างก็ช่วยกันลงมาล้วงบอลครับ
แต่จะขอเน้นไปยัง Daley Blind นะครับ
ภาพทางด้านบนที่ท่านเห็น คือ Heat Map แต่แบ่งเป็น % นะครับ ท่านจะสังเกตได้ว่า Blind จะยืนหลังเส้นครึ่งสนามลงไป
มากถึง 50%
หรือบางครั้งท่านก็เห็น Blind ลงต่ำหลังกองหลังตัวสุดท้ายเลยก็มี
เราจะมาเทียบกับท่านเทพเฟล็ตเชอร์กันนะครับ
ครับ
30 % ครับ งานนี้น่าจะพอเข้าใจนะครับว่า ทำไม 3 แมตช์แรก ถึงได้เห็นกองหลังทิ้งบอมบ์ขึ้นหน้าอย่างเดียว แต่พอมาแมตช์นี้ การโยนบอลจากกองหลังขึ้นไปยังกองหน้ามีน้อยลง ดังภาพข้างล่างนะครับ
ซ้าย : แมตช์เจอ QPR ขวา : แมตช์เจอ Burnley
อีกผลงานของ D.Blind คือการ Control เกมส์ร่วมกับ A.Herrera โดย Blind จะไม่เคลื่อนตัวสูงมากเท่ากับ Herrera ซึ่งจะขึ้นไปสลับตำแหน่งกับ Mata และ Di Maria
โดยสถิติ ถือว่าโหดมากครับ
Passing Accuaracy 95%
ท่านนับตัวแดงได้กี่ตัวครับ
5
ใช่แล้วครับ Blind จ่ายบอลพลาดเพียง 5 ครั้ง ตลอด 90 นาที
สำหรับผม Blind นี่แหละครับ คือจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปชิ้นสำคัญ ที่ทำให้เกมส์ของแมนยูไม่ไหลลื่นในช่วงก่อนที่เขาจะเดินทางมาร่วมทีมกับเรา
2. เกมส์ Counter อันดุดัน
ในอดีต สมัยบรมกุนซืออย่าง Sir Alex Ferguson ในยุคที่มีปีกตัวจี๊ด เกมส์ counter attack ถือเป็นอะไรที่น่ากลัวมากมายมหาศาลสำหรับทุกทีมในยุคนั้น ดังตัวอย่างนี้
VIDEO
แต่ในช่วงท้ายของยุคสมัย Sir Alex ต่อมาถึงกุนซือคนต่อมาอย่าง David Moyes ยิ่งแล้วไปใหญ่ เกมส์ counter นั้นเลือนหายไปกับกาลเวลา
จนกระทั่ง ประตูที่ 2 ของ Herrera เนี่ยแหละครับ เกิดจากการแย่งบอลจากกรอบเขตโทษของแมนยูเอง
(ที่ตำแหน่ง **) นะครับ โดยชายที่ชื่อว่า
"Angel Di Maria"
แล้วจัดการลาก solo ไปเกือบ 70 หลา (ที่วงกลมไว้) ก่อนจะจ่ายอย่างงามหยดให้กับ "กัปตันสุกรโลกันตร์" Wayne Rooney ก่อนเจ้าตัวจะยิงติดบล็อก แล้วจ่ายให้ Herrera ยิงไซร้เข้าไปอย่างงามหยด
มันพอจะทำให้เห็นแล้วนะครับว่า "Counter Attack" ที่น่ากลัว กำลังกลับมาครับ
3. Angel Di Maria ชื่อนี้การันตีความเสียว
ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากครับ กับผู้ชายคนนี้ รับตำแหน่ง MOM ไปอย่างเป็นทางการจากแฟนๆ จากผลงานการมีส่วนร่วมทั้ง 4 ประตู
การมี Di Maria มีผลดีอย่างไร
- สร้างสรรค์ counter attack ได้
- การทะลุทะลวง
นอกจากนั้น ในแมตช์ที่พบกับ QPR นั้น เขายังได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัด คือ ตัวรุกริมเส้น ทำให้ความอันตรายของเขานั้น เท่าทวีคูณขึ้นไปอีก
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ
"ถ้าเป็น 3-5-2 หล่ะ เขาจะไปอยู่ตรงไหน"
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ตอบยากมากเลยครับ เพราะแดนกลาง Blind กับ Herrera ก็ลงตัวแล้ว แนวรุก ก็มีทั้ง Falcao RVP และ Rooney ไหนจะ Mata อีก
ทางออก คงไม่พ้น "Wing Back" แล้วหล่ะครับ
นั่นเป็นเหตุ ที่ทำไม ผมจึงแทบจะไม่เห็นด้วยเลย ให้เล่น 3-5-2 แต่จะยังไงได้ละครับ โค้ชว่าไง เราก็ต้องว่าอย่างนั้น
4. "Galacticos" เฉพาะแนวรุก
มาถึง Part ของหัวข้อบทความนี้แล้วหล่ะครับ
จะบอกว่านักเตะชุดนี้ เป็นชุด Galacticos ผมว่า คงเป็นได้เฉพาะแนวรุกละครับ
เพราะอะไรนะหรอครับ ?????
มาดูภาพกันนะครับ
ภาพแรก จังหวะสุดยอดแห่งความหวาดเสียว เมื่อเกิด
"การประสานงานผิดพลาด" ของ Rojo Blackett และ De Gea ต่างฝ่ายต่างมาตัดบอลจาก Matt Phillips จนให้โอกาส QPR ตีเสมอมากๆ ดีที่มี Evans มาเก็บตกออกไปได้หวุดหวิด
ภาพที่สอง ช่วงต้นครึ่งหลัง ที่
Kranjcar ได้โอกาสส่องเน้นๆ De Gea ต้องออกแรงเซฟ
สังเกตพื้นที่ว่างสิครับ ตัวประกบหายไปไหนหมด ไม่มีใครมาบีบพื้นที่ส่วนนั้นเลย ลองนึกภาพคนยิงเป็น
Yaya Toure ดูสิครับ จะเหลือมั้ย
ภาพสุดท้าย
"ขาดประสบการณ์" Blackett ปล่อยให้บอลผ่านขาตัวเองไป เพียงเพราะไม่ได้มองหลังว่า มี
Euardo Vargas ยืนรออยู่ เล่นเอาเกือบเสียประตูไป ลองนึกถึงคนยิงว่าเป็น
Diego Costa ดูสิครับ จะเหลือมั้ย
นี่เป็นตัวอย่างของข้อผิดพลาดชัดเจนของกองหลังนะครับ เลยเป็นที่มาของคำว่า
"Galacticos ครึ่งตัว"
นึกดูนะครับ ถ้าหากทีมเราเจอทีมใหญ่ แล้วกองหลังเราเป็นแบบนี้ และกองหลังของทีมใหญ่ไม่ได้หมูให้แนวรุกผ่านง่ายเหมือนกับ QPR นะครับ ผลงานจะออกมาเป็นแบบนี้หรือไม่ คงต้องรอ Big Match แรกที่จะเจอ Chelsea ละครับ ว่าจะหมู่ หรือ จะจ่า แล้วตอนนั้น ค่อยมาพูดกันดีกว่าครับ ว่าเรา "พร้อมกลับไปติด Top4 แล้ว" และเราก็ต้องรอชมครับ ว่าเมื่อพวกเราเล่น 5-3-2 แล้วจะดูดีเหมือนแมตช์นี้ที่เล่น 4-4-2 Diamond หรือไม่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราได้เห็น ชัดเจนขึ้น คือ Spirit และความกระหายของทีม ที่ต้องการชัยชนะ บุกไม่หยุด อย่างแมตช์นี้ ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับพลพรรคปิศาจแดงละครับ. . .
CR: ภาพจาก
Spoil
www.squawka.com
whoscored.com
Fanpage : กูว่าแล้ว มันต้องยิง
ร่วมกันแสดงความคิดเห็นได้นะครับ อยากฟังความคิดเห็น และทรรศนะของทุกท่านกันครับ