Nirvana ตอนนั่นยัง เป็นวงรุ่นน้อง ในแวดวง Punk ฝั่ง west coast ที่ยังตามรุ่นอย่าง Tad ,Melvins อยู่ แต่การที่พวกเขาได้ ไปทัว ยุโรป ที่ถือว่า ยังไม่มี punk band จาก USA วงไหน หาญกล้าไป เล่นเย้ย เมืองหลวงแห่ง punk ใน London ได้
ผลพวงครั้งนั่น พวกเขาได้ถูกจับตามมอง จากสังกัดใหญ่ๆ ที่กำลังต้องการ วงดนตรี punk จากใต้ดิน หนึ่งในนั่นคือ David Geffen ผู้ก่อตั้ง Geffen record ในคลือ DGC
หลังจาก จบทัวที่ยุโรป และชื่อ Nirvana ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว พวกเค้ากลับมาเพื่อเตรียมตัว ทำอัลบั้มชุดใหม่ โดยได้รับการทาบทามจาก David Geffen ให้มาเซ็นสัญญา กับ Geffen record แม้ว่า Kurt จะยัง ค่อนอยากจะเข้าร่วนในสังกัด ใหญ่ๆ เท่าใดนัก แต่สุดท้าย ทางวงก็ได้ ร่วมเซ็นต์สัญญากับทาง Geffen เพื่อปูทาง สู่ ก้าวต่อไปของวง
แต่ในวันหนึ่ง Kurt ได้บอกกับ Krist ว่า พวกเราน่าจะ ได้มือกลองคนใหม่นะ เนื่องจาก Chad Channing ไม่สามารถ ที่จะเข้ากับ Nirvana ได้ดีพอ และ ความรู้สึกต่อดนตรี ที่หลังๆ มาออกจะเข้ากันไม่ค่อนได้ ในต้นปี 1990 Chad จึงได้ออกจากวงไป แต่ความเป็นเพื่อน ยังคงมีอยู่
ทาง Nirvana เริ่มมองหา มือกลองคนใหม่
ณ เวลานั่น ต้นปี 1990 แฟนเพลงของ Nirvana คนหนึ่ง เขาเป็นมือกลอง ที่ตีกลองให้กับวง Hardcore-Punk นามว่า Scream แต่เมื่อ Scream ไปไม่รอด และรู้ว่า Nirvana กำลังมองหามือกลองใหม่อยู่
แฟนเพลงผู้นี้ ไม่รีรอ ที่จะโทรไปหา krist Novoselic เพื่อ ขอโอกาสให้เขาได้ audition กับทาง Nirvana และ ต่อมา แฟนเพลงคนนี้ ก้กลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Nirvana ในที่สุด เขาคนนั่นชื่อว่า Dave Grohl
Dave เดินทางมาถึง Seattle เพื่อเริ่มต้นกับการเป็นมือกลองให้กับ Nirvana แต่.............งานเพลง และวัตถุดิบหลายๆ อย่างกับ ไม่ได้มีความคืบหน้า เพราะ Kurt เพิ่งอกหัก จากแฟนสาวมา Kurt มกตัวอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน ไม่พุดไม่จา กับใคร ไม่สนใจกับงานบันทึกเสียงที่กำลังจะเริ่มขึ้น
Dave ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับ Kurt โดยที่ Kurt ไม่แม้แต่จะพูดจาใดๆ ด้วย ตลอดสองสัปดาห์ในห้วงแห่งอาการอกหัก วันๆ Dave สังเกตุเห็นแต่ Kurt นั่งเหม่อลอย กับจดบันทึกอยู่คนเดียว
จนมาเช้าวันหนึ่ง หลังจากที่ซึมเศร้ามา สอง สัปดาห์เต็มๆ Kurt เดินมาบอกกับ Dave ว่า 'มึงรู้มั้ย กูก็เป็นแบบนี้บ่อยๆว่ะ' จากนั่นทั้งสอง จึงเดินทางไปพบ Krist และเริ่มซ้อมกับบทเพลงใหม่ๆ ที่กำลังจะเริ่มบันทึกเสียง
ในที่สุด Kurt กลับมามีชีวิต ชีวาอีกครั้ง วัตถุดิบในการบันทึกเสียงก็เพิ่ม Nirvana กำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า อีกก้าว และเป็นก้าวที่ใหญ่ มากๆ ด้วย
Dave ใช้เวลา ร่วมเล่น concert กับ Nirvana ในช่วง สามเดือน เพื่อปรับตัว ให้เข้ากับเพลงของ Nirvana ที่ต่อมา พวกเขาก็ได้รู้ว่า พวกเขาได้มือกลองที่ สุดวิเศษ ที่มาเติมเต็มให้พวกเขาแล้ว และ Dave ก็มี ความสามารถ ในการร้องเพลงอยู่ด้วย ที่สามารถร้อง backup ให้ Kurt ได้
show แรก ของ Dave Grohls กับทาง Nirvana ในปี 1990
Track : Love Buzz
ทางวง Nirvana ได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับ Butch Vig Producer ผู้ที่ฝากข้องาน produce ให้กับวง Punk/Alternative หลายวง รวมทั้ง Gish อัลบั้มชุดแรกของ The Smashing Pumpkins
เมื่อทุกอย่างพร้อม Nirvana จึงมุ่งหน้าสู่ Sound City Studio ในเมือง Los Angeles เพื่อทำการเริ่มต้นบันทึกเสียงอัลบั้มชุดใหม่
In Bloom เพลงนี้ Kurt เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1990 ในครั้งแรกมันเป็นเพลงเร็ว ติดกลิ่น punk สุดขั้ว แต่ Krist แย้งว่า มัน sound ใกล้เคียง Bad Brains เกินไป Kurt จึงเปลี่ยนมาเป็นเพลงที่ช้าลง และใส่ท้วงทำนอง ที่ pop มากขึ้น
Come As You Are เพลงนี้ เป็นเพลงหนึ่งที่ เรียบง่าย การบันทึกเสียงไม่มีปัญหาใดๆ จะมีสะดุด ตรงหลังจาก solo ในช่วงท้ายของเพลง Kurt ดันร้องผิดท่อน "And I don't have a gun" ก่อนที่จะถึงท่อนร้อง จริงๆ ในช่วงท่อนที่เขาร้องว่า "memoria" Kurt เลือกที่จะเก็บ ท่อนที่ผิดพลาดนี้ไว้ โดยไม่แก้ไข ใดๆ
Come As You Are มันคงไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย ในสิ่งที่ Kurt ต้องการสื่อ ถึง ตัวตนที่แท้จริง ของตัวคุณ คุณควรจะเป็นในสิ่งที่คุรควรจะเป็น ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกิน ไป
Come As You Are : 1991
Kurt กับ Krist ที่ป้ายทางเข้าเมือง Aberdeen ในปี 1988
ส่วนนี่ป้ายทางเข้าเมือง Aberdeen ในปัจจุบัน
Polly เพลง ที่บอกเล่าเรื่องราวที่แสนเศร้า Kurt เขียนเพลงนี้ขึ้นมาในปี 1987 หลังจาก เขียนเพลง About a Girl เสร็จ
Butch Vig กล่าวว่า เพลงนี้ ใช้ หลาย take มากๆ เขาให้ Nirvana เริ่มเล่น และสั่งหยุด เป็นหลายสิบครั้ง แต่ก็ยัง ไม่ได้ track ที่ใช้ได้ สักที
ถึงแม้จะซ้อมกันหลายสิบรอบ แต่ผลที่ออกมามันก็ ยังไม่น่าพอใจนัก Butch Vig ปล่อยให้ ทาง วง relax สักพัก Kurt เลือกที่จะฟังเพลงโปรดของตัวเอง เงียบๆ Krist หลบมุมสูบกัญชา Dave เมากับไวน์ ทั้งวัน ทั้งคืน
จนมาถึงวันหนึ่ง Kurt เดินมาหา Butch Vig เขาหยิบ กีตาร์ stella 12 สาย ที่เหลือเพียง 5 สาย ขึ้นมา โดยที่กีตาร์ตัวนี้ สายเพี้ยนมาก แต่ Kurt ก้ไม่คิดจะตั้งสายมัน จากนั่น Kurt บรรจงเล่น something in the way ขึ้นมา กับกีตาร์สายเพี้ยนตัวนั่น
Kurt ร้อง คลอเบาๆ จนแทบจะไม่ได้ยินเสียง Butch Vig รีบไปหยิบ เสียงบันทึกเสียง และสั่งปิดตาย studio ทุกทาง เพื่อให้ได้ยินเสียง ที่ Kurt เล่นอย่างชัดเจนที่สุด เพราะนี้อาจจะ เป็นโอกาสเดียว เท่านั่น ในการบันทึกเสียงเพลงนี้
เมื่อ Kurt เล่นจบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Butch Vig ได้บันทึกเสียงที่เขาเล่นเมื่อกี้ไว้หมดแล้ว และนี้ กลายมาเป็น สิ่งที่ใช้ที่สุดสำหรับเพลง something in the way เสียงกีตาร์โปร่งสายเพี้ยน กับเสียงร้องที่แผ่วเบา มันบ่งบอกถึงอารมร์ที่แสน เศร้า หดหู่ ของเนื้อในเพลงได้ ชัดเจน
something in the way เพลงที่ Kurt เขียนขึ้น ถึงช่วงหนึ่งของชีวิต ที่ต้องเป็นคนไร้บ้าน ระหกระเหิน ไปอาศัยอยู่ใต้สะพาน ข้ามแม่น้ำ wishkah