BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: การที่เห็นผมอยู่เฉย ไม่ได้แสดงว่าผมรักชาติน้อยกว่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1478
ที่อยู่: ทำงานอยู่ที่Chonburi
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 16:36
สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "


ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าจขกท.นำบทความนี้มาจาก คุณ มิลานน้อย http://pantip.com/topic/32106674
ซึ่งเป็นบทความที่ผมสนใจจึงอยากนำมาแชร์ต่อในss และตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค5 กำลังจะฉายใน 29 พฤษภานี้ เพื่อจะได้ทบทวนกันนิดหน่อยก่อนเข้าไปชม หากเนื้อหายาวไปหรือท่านใดไม่สนใจ ก็ขออภัยและผ่านไปได้เลยครับ ส่วนใครอยากอ่านต่อก็ตามด้านล่างเลยครับ และท่านจะได้เจอความรู้ใหม่เกี่ยวกับดอนเจดีย์ยุทธหัตถีว่ามีอีกที่ที่เพิ่มเข้ามาแต่ยังไม่แน่ชัด ส่วนใครจะแชร์ข้อมูลด้านอื่นก็เอาลงได้เลยครับไม่ว่ากัน ขนาดประวัติศาสตร์ชาติไทยยังมีจุดขัดแย้งกันเองเลยครับ ยิ่งมีข้อมูลหลายด้านมันยิ่งน่าสนใจ แต่เพื่อศึกษามากกว่านำมาทะเลาะกันครับ


สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน วันนี้เพื่อเป็นการต้อนรับ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของประเทศ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี ที่กำลังจะเข้าฉาย หลังจากคอยภาคต่อกันมาเป็นแรมปี วันนี้ผม จึงอยากขอมาเล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ ของอดีตผ่านกาลเวลา มาประกอบกับสถานที่ จริงๆ ในปัจจุบัน ที่ ๆ ซึ่งเหล่า วีรชนในอดีต ได้เคยเหยียบหย่ำ เคยอาศัย และเคยสู้ ที่ ๆ มีประวัติอันยาวนาน จากกรุ่นหนึ่งมาสู่รุ่นหนึ่ง บางสถานที่หลายคนคงรู้จักดี หรือหลายคนเคยไปมาแล้ว แต่บางที่หลายคนยังไม่รู้จัก และยังสงสัยว่า สถานที่ดังกล่าวในตำนาน มันอยู่ ณ.พื้นที่ไหนบนโลกใบนี้กัน นะ ? ซึ่งกระทู้นี้ อาจมีผิดพลาดไปบ้าง ข้อมูลอาจต่างไปบ้าง แต่ยังไงก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ


ประเทศไทย ที่เราอยู่ คุณเคยรู้ หรือไม่ว่า
วีรชน หลั่งเลือดมา เพื่อรักษา ความเป็นไทย
กี่ปี ที่เลยผ่าน เนิ่นนาน กาลสมัย
รักษา ผืนแผ่นไทย เอาไว้ให้ ไทยด้วยกัน
จงจำเถิด เพื่อนผองไทย ดำรงไว้ ด้วยใจมั่น
ไทยต้องเป็น" ไท "นิรันดร์ หามีวัน เป็นอื่นใด .....




หลังจากคุณ ได้ดู ภาพยนต์ เรื่องตำนานสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งแต่ ภาค ๑ - ๔ จบไปคุณเคยมีขอสงสัยแบบนี้ หรือไม่

- สมเด็จสมเด็จพระนเรศวร พระราชสมภพ ( เกิดและโต ) ที่ไหน ก่อนไปอยู่ กรุงหงสาวดี
- กรุงหงสา อยู่ที่ไหน
- สงครามช้างเผือกคืออะไร เกิดที่ไหน และยุติลงที่ใด
- ละแวก คือที่ไหน ณ. ปัจจุบัน
- เมืองคัง ที่ในหนังบอกว่า " เมืองคังตียากเพราะ ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี บนเนินเขา " มันจริงหรือไม่
- ไทยได้เป็นไท ที่เมืองแครง แล้ว ถ้าเราจะไป หวนรำลึกวันวาน ต้องไปที่ไหน
- ส่วนมาก พม่าจะเข้ามาตีเรา ต้องเข้ามาทางด่าน เจดีย์สามองค์ แล้วด่าน เจดีย์สามองค์ ทำไมต้องมี เจดีย์สามองค์
- " ตำนานพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง " มีจริงหรือไม่ เหตุการณ์นี้เกิดที่ไหน
- สถานที่ยุทธหัตถี จริงๆ แล้วอยู่ที่ไหนกันแน่
- สมเด็จพระนเรศวร สวรรคตที่ใด

หากคำถามเหล่านี้ ยังคาใจคุณ ลองอ่านกระทู้นี้ดู ก่อนเข้าไปชม ภาค๕ เผื่อกระทู้นี้จะให้ความกระจ่างแก่คุณไม่มากก็น้อย และเป็นอีกทางเลือก ในการท่องเที่ยวแบบย้อนรอยประวัติศาสตร์ ครับ ..

สมเด็จสมเด็จพระนเรศวร พระราชสมภพ ( เกิดและโต ) ที่ไหน

ตอบ พระราชวังจันทน์ จ.พิษณุโลก



สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จพระราชสมภพ ( เกิด ) ณ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ในปี พ.ศ.2098 เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตรี พระองค์ทรงมีพระพี่นาง คือ พระสุวรรณเทวี ( พระสุพรรณกัลยา ) และ พระน้องยาเธอ คือ สมเด็จพระเอกาทศรถ พระองค์ทรงประทับ ณ.พระราชวังจันทน์ ตั้งแต่ เสด็จพระราชสมภพ จนพระชันษาได้ 9 ปี พระเจ้าหงสาวดีได้ขอไปเป็นพระราชบุตรบุญธรรม พระองค์ได้ประทับอยู่ที่หงสาวดีถึง 6 ปี

ตามประวัติผู้ที่สร้างพระราชวังจันทน์ คือ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) แห่งราชวงศ์พระร่วง ของอาณาจักรสุโขทัย ( ซึ่งเป็นสายสกุลเดียวกันกับ พระบิดา ของสมเด็จพระนเรศวร ) พระองค์ทรงสร้างพระราชวังจันทร์บนเนินดินบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน ในระหว่างที่พระองค์ ทรงครองเมืองพิษณุโลกในปี พ.ศ. 1905 - พ.ศ. 1912 เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมืองพิษณุโลกใน พ.ศ. 2006 ทรงใช้พระราชวังจันทร์เป็นที่ประทับตลอด เชื่อว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยพระองค์ด้วย จากนั้นพระราชวังจันทน์ก็มักจะเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชของกรุงศรีอยุธยาในสมัยต่อๆมาจนถึงสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงให้สมเด็จพระนเรศวรเสด็จไปประทับอยู่ ณ ที่นั่น จากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีเชื้อพระวงศ์พระองค์ใดไปอยู่ที่พระราชวังจันทน์อีกเลย

กรุงหงสา อยู่ที่ไหน

ตอบ ปัจจุบัน คือ เมืองพะโค ( Bago ) เมืองใหญ่แห่งหนึ่งของเมียนมาร์



พะโค ( Bago ) ห่างจาก เมืองย่างกุ้ง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 80 กม. ซึ่งเป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต และหากดูจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว เมืองหงสาในอดีต อยู่ตรงกับ พื้นที่ จังหวัด แม่ฮ่องสอน และตาก ของเรานั้นเอง และเมือง พะโคนี้ ยังมีมีแหล่งโบราณสถานสำคัญ ที่ใครไปต้องไปให้ได้ คือ Shwemawdaw Pagoda ( เจดีย์ชเวมอว์ดอว์ ) หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามพระธาตุมุเตา

ซึ่งตามประวัติแล้ว พระธาตุแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ จนมาถึงยุค พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และ พระเจ้าบุเรงนอง ก็มีการบูรณะและสร้างเพิ่มเติมต่อมาเรื่อยๆ เคยมีคนกล่าวว่า พระธาตุแห่งนี้เป็น ที่เคารพสักการะ ของทั้งประชาชนธรรมดาและเชื้อพระวงศ์ ของพม่ามาก แม้แต่ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และ พระเจ้าบุเรงนอง จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้งไป


พระธาตุมุเตา ในปัจจุปัน

หงสาวดีอดีตเป็นเมืองของชาวมอญ ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082 และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอู หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง


^^ พระราชวังบุเรงนอง (Bayinnaung palace)



^^ กรุงหงสา ในปัจจุบัน

สงครามเผือกคืออะไร เกิดที่ไหน และยุติลงที่ใด

ตอบ สงครามช้างเผือก เป็นสงครามก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง เหตุมาจาก ในปีพ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนอง ทูลขอ ช้างเผือก 2 ช้าง
Spoil
ช้างเผือก คือช้างที่มีลักษณะต่างจากช้างธรรมดาทั่วไป ด้วย มีคชลักษณะ 7 ประการ คือ ตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ขนขาว พื้นหนังขาวหรือสีคล้ายหม้อใหม่ ขนหางขาว อัณฑโกศขาวหรือคล้ายสีหม้อใหม่ จัดได้ว่ามีลักษณะที่หาได้ยาก จึงเป็นที่เชื่อกันว่าช้างเผือกเป็นสัตว์ที่เป็นมงคลให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ  

เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้นมีช้างเผือกอยู่ทั้งหมด 7 ช้าง ฝ่ายขุนนางจึงมีความเห็นเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ส่งช้างเผือกไปถวายแก่พระเจ้าบุเรงนองเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ส่วนอีกฝ่าย ไม่เห็นด้วยกับการส่งช้างเผือกไป เนื่องจากจะเป็นการอ่อนข้อให้หงสาวดี ในที่สุดสมเด็จพระมหาจักรพรรดิก็ทรงมีพระบรมราชโองการไม่ประทานช้างเผือก แล้วมีพระราชสาสน์ตอบกลับไปดังนี้

"ช้างเผือกย่อมเกิดสำหรับบุญบารมีของพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นเจ้าของ เมื่อพระเจ้าหงสาวดีได้บำเพ็ญธรรมให้ไพบูรณ์คงจะได้ช้างเผือกมาสู่บารมีเป็นมั่นคงอย่าได้ทรงวิตกเลย"

เมื่อได้ความดังนั้น พระเจ้าบุเรงนองได้ยกทัพรวมพลที่เมืองเมาะตะมะ รวมไพล่พลเป็นจำนวนประมาณ 500,000 คน ยกทัพเข้าทางด้านแม่ละเมา ตีกำแพงเพชรและสุโขทัยจนแตก จากนั้นพม่าจึงล้อมเมืองพิษณุโลก พระมหาธรรมราชาก็ต่อสู้เป็นสามารถเช่นกัน แต่เกิดไข้ทรพิษขึ้นในเมืองและเสบียงอาหารก็หมดจึงยอมจำนน หลังจากที่พม่าได้หัวเมืองฝ่ายเหนือแล้วจึงบังคับให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองถือน้ำกระทำสัตย์ให้อยู่ใต้บังคับของพม่า พร้อมทั้งสั่งให้ยกทัพตามลงมาเพื่อตีกรุงศรีอยุธยาด้วย ในเวลาต่อมา กองทัพพม่าก็ยกมาประชิดเขตเมืองใก้ลทุ่งลุมพลีพระมหาจักรพรรดิทรงให้กองทัพบก กองทัพเรือ ระดมยิงใส่พม่าเป็นสามารถ แต่สู่ไม่ได้จึงถอย ทางพม่าจึงยึดได้ป้อมพระยาจักรี (ทุ่งลุมพลี) ป้อมจำปา ป้อมพระยามหาเสนา (ทุ่งหันตรา) แล้วล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นาน ทางพระเจ้าบุเรงนองจึงมีพระราชสาสน์มาว่า จะรบต่อไปหรือยอมเป็นไมตรี เนื่องด้วยทางไทยเสียเปรียบมาก พระมหาจักรพรรดิจึงทรงยอมเป็นไมตรี ทำให้ฝ่ายไทยต้องเสียช้างเผือกจาก 2 ช้าง เป็น 4 ช้าง และทุกปีต้องส่งช้างให้ 30 เชือก พร้อมเงิน 300 ชั่ง จับตัวพระยาจักรี ไปเป็นตัวประกัน นอกจากนี้ยังจะขอเก็บภาษีอากรจากเมืองมะริดที่ขึ้นกับไทยอีกด้วย ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงพระชมมายุได้ 9 พรรษาถูกนำเสด็จไปประทับที่กรุงหงสาวดีเพื่อเป็นองค์ประกัน


^^ วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา อดีต พระมหาจักพรรดิ์ ได้ทรงตั้งพลับพลาระหว่างวัดหน้าพระเมรุและวัดหัสดาวาสเป็นที่ทำสัญญาสงบศึกกัพระเจ้าบุเรงนอง

ละแวก คือที่ไหน ณ. ปัจจุบัน

ตอบ เมืองคู่ปรับสำคัญของ ไทยเราอีกเมืองๆ หนึ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพยนต์ คือ เมืองละแวก เมืองละแวก ก็คือ อาณาจักรเขมร ในช่วง พ.ศ. 2096 ถึง พ.ศ. 2136 ( ตรงกับช่วงประมาณสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง ) ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครอง อยู่ ณ.จังหวัดกำปงชนัง (Kampong Chhnang) ประเทศ กัมพูชา ในปัจจุบัน ซึ่ง กำปงชนัง เป็นจังหวัดหนึ่งทางตอนกลางของประเทศกัมพูชา มีเมืองกำปงชนังเป็นเมืองหลวงของจังหวัด เป็นหนึ่งในเก้าจังหวัด ที่มีพื้นที่ติดกับโตนเลสาบ จังหวัดกำปงชนัง มีชื่อเสียงในด้านการผลิตหม้อดิน ซึ่งชื่อ "กำปงชนัง" หมายถึง เมืองแห่งเครื่องดินเผา นั้นเอง



^^ ที่ตั้งของเมืองละแวก หรือ จังหวัดกำปงชนัง ในปัจจุบัน




^^ จัหวัดกำปงชนัง ในปัจจุบัน



^^ เมืองละแวกในภาพยนตร์

เมืองคัง ที่ในหนังบอกว่า " เมืองคังจะตีให้แตก นั้นยากนักเพราะ ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี บนเนินเขา " มันจริงหรือไม่

ตอบ จริง เพราะ เมืองคังในอดีต คือเมือง ตองยี ( ในปัจจุบัน ) และเมืองตองยี เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศเป็น ภูเขาสูงชัน โดยภูมิประเทศโดยส่วนใหญ่ของเมืองตองยี จะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ ระดับ 1000 เมตรขึ้น



เมืองตองยี ( เมืองคังในอดีต ) เป็นเมืองหลวงของรัฐฉานในประเทศพม่า ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 480 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนภูเขาสูง เนื้อที่ประมาณ 24 ตารางกิโลเมตร อากาศค่อนข้างเย็นตลอดปี เพราะที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,712 ฟุต ชื่อตองยีเป็นภาษาพม่า มาจากคำว่า ตอง หรือ ต่อง แปลว่า ภูเขา และ จี แปลว่า ใหญ่

เมืองตองยี เคยมีชื่อในอดีตว่า "เมืองตองคัง" เมืองนี้เป็นเมืองที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มาตีเมืองกับพระมหาอุปราชและเจ้าเมืองแปร ในศึกเมืองคัง แต่เพราะ ภูมิประเทศเป็นที่สูง ทำให้ เมืองคังได้เปรียบในด้านชัยภูมิ แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กลับ ทัพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช



^^ เมืองคัง หรือ เมืองตองยี ในปัจจุบัน


^^ รูปเมืองคังใน ภาพยนตร์

" ตำนานพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง " มีจริงหรือไม่ เหตุการณ์นี้เกิดที่ไหน

ตอบ มีจริง ๆ เรื่องราวของพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงมีปรากฏหลักฐานชัดเจน ในพงศาวดารของไทยเกือบทุกฉบับ มีข้อความดังนี้


“ ครั้นพระเจ้าหงสาวดีแจ้ง จึงให้พระมหาอุปราชาถือพล ๑๐๐,๐๐๐ ให้สุระกำมาเป็นกองหน้า ตามมาเถิงแม่น้ำสะโตงฟากหนึ่ง สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ให้นายทัพนายกองนำพระมหาเถรคันฉองกับครอบครัวรีบไปก่อน แต่พระองค์กับทหารลำลอง ๑๕,๐๐๐ นั้นยังรออยู่ริมฝั่ง จึงทอดพระเนตรไปเห็นสุระกำมากองหน้า ใส่เสื้อแดงขี่ช้างยืนอยู่ริมฟากน้ำ ตรัส ให้ทหารเอาปืนหามแล่น และปืนนกสับคาบชุดยิงระดมไปเป็นอัน มากก็ไม่เถิง จึงสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็ทรงพระแสงปืนนกสับยาวเก้าคืบ ยิงไปต้องสุระกำมาตกจากคอช้างตาย รี้พลรามัญทั้งนั้นเห็นอัศจรรย์ ด้วยแม่น้ำนั้นกว้างเหลือกำลังปืน ก็กลัวพระเดชเดชานุภาพ และพระมหาอุปราชามิอาจจะตามมาได้ ก็เลิกทัพกลับไป...”

แม่น้ำสะโตง หรือ แม่น้ำซิตอง เป็นแม่น้ำในประเทศพม่ามีความยาว 420 กิโลเมตร เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเขตหงสาวดีกับรัฐมอญ แม่น้ำสะโตงเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ความกว้างจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งอาจกว้างได้ถึง 3 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จหลบหนีกองทัพพม่าของพระมหาอุปราชมังสามเกียด พระองค์ได้หลบหนีข้ามพ้นมาและได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามลำน้ำสะโตง คือ ยิงปืนคาบศิลาจากอีกฝั่งของแม่น้ำถูกแม่ทัพพม่า ชื่อ สุรกรรมา เสียชีวิตคาคอช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2127 ซึ่งต่อมาพระแสงปืนกระบอกนี้ได้ถูกขนามนามว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง"



^^ ภาพ บริเวณที่เชื่อว่าเป็นบริเวณที่สมเด็จพระนเรศวรข้ามแม่น้ำสะโตง


^^ วงกลมเล็กๆ คือจุด ที่คาดกันว่า สมเด็จพระนเรศวรข้ามแม่น้ำสะโตง ( ภาพและข้อมูลนำมาจาก คุณ NUTS ใน PANTIP )

ส่วนมาก พม่าจะเข้ามาตีเรา ต้องเข้ามาทางด่าน เจดีย์สามองค์ แล้วด่าน เจดีย์สามองค์ ทำไมต้องมี เจดีย์สามองค์

ตอบ ด่านเจดีย์สามองค์ เป็นช่องเขาในทิวเขาตะนาวศรี ตั้งอยู่บนพรมแดนประเทศไทยและประเทศพม่า มีความสูง 282 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ช่องเขาดังกล่าวเชื่อมอำเภอสังขละบุรี ทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี กับอำเภอพะยาตองซู ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยง ช่องเขานี้ได้เคยเป็นเส้นทางสัญจรทางบกเข้าสู่ทางตะวันตกของประเทศไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ซึ่งหลายครั้งเส้นทางนี้ ก็ใช้เป็นทางเดินทัพ ของทั้งทหารไทยที่เข้าไปพม่า และทหารพม่าที่ยกทัพมาตีไทย ซึ่งอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยอยุธยาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ หรือ การเดินทางที่ปลอดภัย ซึ่งด่านเจดีย์สามองค์ สมัยก่อน มีพระเจดีย์ที่ชาวบ้านเรียกว่า " หินสามกอง " มีไว้เป็นที่สักการะก่อนออกเดินทางออกนอกประเทศ และเวลากลับมาได้อย่างปลอดภัย ต่อมาในปี พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้เป็นผู้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ ( ที่เห็นในปัจจุบัน ) ไว้แทนที่ " หินสามกอง " ในอดีต


ส่วนที่ทำไมต้องมี เจดียื 3 องค์ มีขอสันนิษฐาน ว่า เนื่องจากสมัยอดีต ชาวบ้านผ่านมาบริเวณนี้ ก็จะนำหินมากองไว้เพื่อสักการะเป็นสิริมงคล ในการเดินทาง เป็นสามกอง นานวันเข้ากองหินก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. 2472 ได้มีการสร้างเจดีย์ จึงสร้างตามจำนวนกองหินที่มีอยู่




^^ แผนที่ และ รูปภาพ ด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี

ไทยได้เป็นไท ที่เมืองแครง แล้ว ถ้าเราจะไป หวนรำลึกวันวาน ต้องไปที่ไหน

ตอบ เมืองแครงเป็นชื่อเมืองที่ปรากฏอยู่เฉพาะในพงศาวดารไทยว่า เป็นเมืองของชาวมอญที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศเอกราชจากอาณาจักรหงสาวดีเมื่อ พ.ศ. 2127 จากการค้นคว้าข้อมูลเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ได้สันนิษฐานว่า เมืองแครงน่าจะตั้งอยู่ที่เมืองวอ ( Waw ) ในประเทศพม่า ซึ่งการสันนิษฐานมาจาก เมืองแครง ต้องใช้เวลาเดินเท้า เป็นเวลา 1 วัน จากเมืองหงสา ( พระโค ) และต้องอยู่บนเส้นทางเดินทัพระหว่างหงสาวดี และแม่น้ำสะโตงในจุดที่สามารถข้ามแม่น้ำได้ ( เมืองสะโตง ) ซึ่งเมื่อดูจากแผนที่ จึงคาดว่า น่าจะเป็นเมือง วอ (waw) ที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุด เพราะ เมืองวอ ใช้เวลาเดินเท้าจากหงสา มาประมาณ 1 วัน และทางทิศตะวันออกของเมืองวอ ก็คือ จุดข้ามแม่น้ำสะโตง นั่นเอง


เมืองวอ ( Waw ) เป็นเมืองติดริมแม่น้ำสะโตง ประเทศพม่า อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเมืองย่างกุ้ง ประมาณ 120 กม


^^ จุดที่คาดกันว่า น่าจะเป็นเมืองแครง



^^ รูปเมือง วอ ( แครง ) ประเทศพม่า ในปัจจุบัน


^^ ประกาศอิสรภาพ ณ.เมืองแครง ในภาพยนตร์

ประกาศอิสรภาพ ได้ไม่นาน ก็มีศึกใหญ่เข้าตี แล้วเวลานั้น พวกพม่าตั้งค่ายกันที่ไหน
ตอบ ขอเล่าก่อนครับว่า หลังจากพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพ ณ.เมืองแครง ได้ไม่นาน ก็ต้องเจอสองศึกใหญ่ เข้าตี เพื่อหมายมั่นให้ไทยเราตกเป็นเมืองขึ้นอีกครั้ง


- ศึกแรกรบกับพระยาพะสิม หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพได้ 7 เดือน พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงจัดทัพสองทัพให้ยกมาตีไทย ทัพแรกมีพระยาพสิม คุมกำลัง 30,000 โดยยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์

- ศึกสองกับพระเจ้าเชียงใหม่ ทัพที่สองมีเจ้าเมืองเชียงใหม่ ยกทัพจากเชียงใหม่มีกำลังพล 100,000 กองทัพพระยาพสิมยกเข้ามาถึงเมืองกาญจนบุรี (ถึงก่อนทัพเจ้าเมืองเชียงใหม่) สมเด็จพระนเรศวรทรงให้พระยาจักรียกทัพเรือไปยิงปืนใหญ่ดักข้าศึกแถวๆเมืองสุพรรณบุรี ทัพพม่าถูกปืนใหญ่แตกพ่ายหนีไปอยู่บนเขาพระยาแมน เจ้าพระยาสุโขทัยยกทัพไปเขาพระยาแมน เข้าตีทัพพระยาพสิมแตกพ่ายหนีกระเจิง เจ้าพระยาสุโขทัยจึงสั่งให้ตามบดขยี้ข้าศึกจนถึงชายแดนเมืองกาญจนบุรี หลังจากทัพพระยาพสิมแตกพ่ายหนีกลับไปได้สองอาทิตย์ กองทัพพระยาเชียงใหม่ได้เดินทัพมาถึงชัยนาท โดยที่ไม่ทราบข่าวการพ่ายแพ้ของพระยาพสิมจึงส่ง แม่ทัพและทหารจำนวนหนึ่งมาตั้งค่ายที่ปากน้ำบางพุทรา ** ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือที่คนรู้จัก กันว่าคู่ค่ายพม่า จังหวัด สิงห์บุรี


^^ คู่ค่ายพม่า จ.สิงห์บุรี

ซึ่งทหารไทย ใช้วิธีรบแบบกองโจรคอยดักฆ่าพม่าจนเสียขวัญถอยกลับไป แต่อีกหนึ่งปีถัดมา พระเจ้าเชียงใหม่ ยกกองทัพมาแก้แค้นตั้งค่ายอยู่ที่บ้านสระเกษในแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ สมเด็จพระนเรศวรกับพระเอกาทศรถยกทัพไปถึงตำบลป่าโมก ก็พบกับกองทัพพม่าซึ่งลงมาเที่ยวรังแกราษฎรทางเมืองวิเศษชัยชาญ จึงได้เข้าโจมตีจนทัพพม่าล่าถอยไป พระเจ้าเชียงใหม่จึงจัดกองทัพยกลงมาอีก สมเด็จพระนเรศวรจึงดำรัสสั่งให้พระราชมนูคุมกองทัพขึ้นไปลาดตระเวนดูก่อน กองทัพพระราชมนูไปปะทะกับพม่าที่บ้านบางแก้ว สมเด็จพระนเรศวรเสด็จขึ้นไปถึงบ้านแห จึงมีดำรัสให้ข้าหลวงขึ้นไปสั่งพระราชมนูให้ทำเป็นล่าทัพกลับถอยลงมา แล้วพระองค์กับพระอนุชาก็รุกไล่ตีทัพพม่าแตกพ่ายทั้งทัพหน้าและทัพหลวงจนถึงค่ายที่ตั้งทัพของพระเจ้าเชียงใหม่ที่บ้านสระเกษ ทัพของพระเจ้าเชียงใหม่จึงแตกกระจัดกระจายไป


^^ ค่ายพระเจ้าเชียงใหม่ ณ.บ้านสระเกศ ในภาพยนตร์


^^ วัดสระเกศ ตั้งอยู่ที่ตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทิศตะวันออก ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา ตำบลชัยภูมินี้เดิมชื่อ บ้านสระเกศ ขึ้นอยู่กับแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ มีกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อ พ.ศ. 2128 พระเจ้าเชียงใหม่ ยกทัพมาตั้งค่ายอยู่ที่บ้านสระเกศ ( ใกล้ๆ วัดสระเกศ )

สถานที่ยุทธหัตถี จริงๆ แล้วอยู่ที่ไหนกันแน่

ตอบ ยังไม่แน่ชัด ระหว่าง ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี กับ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี


ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่า พม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย จ.สุพรรณบุรี
เช้าของวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้าง นามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ ส่วนพระสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่านสงครามชน ช้าง ชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบจึงวิ่งไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์และจาตุรงค์บาทเท่านั้นที่ติดตามไปทัน สมเด็จ พระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าว พระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า

"พระเจ้า พี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว"

พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง


^^ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี สถานที่ทำการยุทธหัตถีของ สมเด็จพระนเรศวร ในปัจจุบัน


^^ รูปการทำยุทธหัตถี ในโปสเตอร์ภาพยนย์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร


แต่ต่อมา ในปีพ.ศ. 2515 ได้มีกระแสโต้จากกลุ่มผู้นำท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี นำเสนอที่ตั้งเจดีย์ยุทธหัตถีแห่งใหม่ที่ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี การโต้แย้งกันในเรื่องนี้ใช้เวลายาวนาน จนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีนักประวัติศาสตร์บางคนเชื่ออย่างนั้น

จุดเริ่มเรื่อง มีเรื่องเล่าขานสืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่า 100 ปีในหมู่ชาวบ้านในตำบลดอนเจดีย์ จ.กาญจนบุรี ว่าเจดีย์ที่อยู่ในตำบลดอนเจดีย์นี้เป็นเจดีย์ชนช้างของบุคคลสำคัญ แต่ไม่มีคนรับรู้จากวงนอกเนื่องจาก เมื่อครั้งขุนกัลยาวุฒิรับราชการเป็นรองผู้กำกับลูกเสือในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 พระยากาญจนบุรี (นุช) เมื่อครั้งได้รับคำสั่งสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพให้ค้นหาเจดีย์ยุทธหัตถีที่ตระพังตรุ
Spoil
หลังจากสมเด็จพระนเรศวรทรงชนะศึกยุทธหัตถี พระองค์ทรงมีพระราชโองการให้ สร้างสถูปเจดีย์ ไว้เป็นอนุสรณ์ในแผ่นดินสืบไป สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงสอบข้อความในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ กับพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ จึงได้วินิจฉัยว่าสถานที่ชนช้างเรียกว่า หนองสาหร่าย สถานที่ตั้งค่ายของพระมหาอุปราชเรียกว่า ตระพังตรุ สถานที่ทั้งสองแห่งอยู่ในเมืองสุพรรณบุรี จากนั้นทรงมอบหมายให้พระยาสุพรรณ (อี๋ กรรณสูตร) เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้น ออกสืบหาจนพบเจดีย์โบราณตรงที่ชาวบ้านเรียกว่า ดอนพระเจดีย์ ที่ตำบลหนองสาหร่าย และผู้ใหญ่บ้านก็เล่าว่า เป็นเจดีย์ที่พระนเรศวรทรงชนช้างกับพระมหาอุปราช ขณะที่พบเจดีย์หักพังหมดแล้วไม่เหลือรูปพรรณสัณฐาน คงมีแต่ฐานทักษิณสี่เหลี่ยมสามชั้นเท่านั้น  
พระยากาญจนบุรีได้รายงานกลับไปว่าไม่พบ เพราะไม่ต้องการจัดการรับเสด็จเพราะกลัวเหนื่อย

และมีการบอกเล่าต่อว่า ขุนกัลยาวุฒิเองเป็นคนแรกที่วิจารณ์ความน่าเชื่อถือของพระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ว่าเป็นสิ่งที่ทำขึ้นเพื่อให้มีเรื่องชนช้างที่หนองสาหร่าย และการค้นพบเจดีย์ยุทธหัตถีที่สุพรรณบุรีจึงเป็นการเอาใจเจ้านายส่วนกลางของพระยาสุพรรณเท่านั้นหาใช้ของจริงแต่อย่างใด และยังบอกต่อว่า ชาวบ้านในอดีตจะเรียกสถานที่นี้ ( ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ) ว่า " เจดีย์ชนช้าง " เมื่อดูโดยรวมๆ แล้ว สถานที่ยุทธหัตถี น่าจะเป็น จังหวัด กาญจนบุรี มากกว่า สุพรรณบุรี

สมเด็จพระนเรศวร สวรรคตที่ใด

ตอบ เมืองหาง ( หางหลวง )

สมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จยกกองทัพออกจากพระนคร เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2148 เสด็จโดยกระบวนเรือจากพระตำหนักป่าโมก แล้วเสด็จขึ้นบนที่ตำบล เอกราชไปตั้งทัพชัย ณ ตำบลพระหล่อ แล้วยกกองทัพบกไปทางเมืองกำแพงเพชรสู่เมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็หยุดพักจัดกระบวนทัพอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้กองทัพสมเด็จพระเอกาทศรถยกไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ครั้นเสด็จถึงเมืองหางแล้วก็ให้ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก จึงโปรดให้ข้าหลวงรีบไปเชิญเสด็จสมเด็จพระเอกาทศรถมาเฝ้า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จฯ มาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษาเศษรวมสิริดำรงราชสมบัติ 14 ปีเศษสมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรกลับกรุงศรีอยุธยา

เมืองหาง อยู่ในฝั่งพม่า เลยด่านพรมแดน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ไปเล็กน้อย ซึ่ง ณ.เมืองแห่งนี้ได้สร้าง เจดีย์ในจุดที่สมเด็จพระนเรศวร สวรรคต ซึ่งมีชื่อว่า " สถูปกองมูขุนหอคำไต " ซึ่งปัจจุปันสถูปหอเจดีย์ดังกล่าวถูกรัฐบาลทหารพม่า ทำลายไปหมดสิ้นแล้ว


^^ ภาพสถูปในอดีต ก่อนโดนทำลาย


^^ แผนที่เมืองหาง

ขอขอบคุณ ข้อมูล แหล่งที่มา และรูปภาพทั้งหมด มาจาก

www.wikipedia.com
www.google.com
หนังสือประวัติศาสตร์ไทย
หนังสือไทยรบพม่า
และ ขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับ ข้อมูลและรูปภาพ ของบุคคลทุกคนที่นำมาลง เป็นข้อมูลเพิ่อเป็นประโยชน์ แก่เพื่อนสมาชิกทุกท่าน ครับ
162
0
หากโดน 276 เรื้อน จะถูกแบน
KNoSKULL , $noopDog , Pororo , underhilles , yokeeplayboy , jommie34 , Praej , sickiller , tipoo , Allez Les Bleus , gattuso- , songiggs , MOB! , FongNom , RateRko , ManU_UnaM , METRONOME , prozorla , NINE_FINGER , System_Cm , pungcheer , Balotelli , MiSaKi_Returns , สุขาอยู่หนใด , SpermZaa , AE Crazy , LXcutionaire , oleangzaa , อู๊ดจู๊ด , A m o r n p oD , ryotsukae , satada , IDLPMS-Y , bank_lacto , hiisokaanonny , Hoden , minyoyoza , mrT , 011010 , patoza , _น้ำแข็งใส_ , Runwood , krittakorn19 , AMC 10 , lolonear , Swordpig , takhope , mantorres , Donat_CiTT , vi haa , เบน ฟรีคิก , Minky , Aphorism , Payuthedog , aey7724 , 30 ยังแจ๋ว , นายฮั๊วว! , TheSam , novice002 , sodedtaa , Jamesbuff , Anan007 , utum_13 , Ake the Blue , ttongg2 , ชินโน๊ะ , Nemanja Vidic , keng_ideal , ChampStamford , ท่าน ชาย , Wit_striker , FastAndFurious_Takumi , Anti_ViruS , nemeziz , dewde2530 , franshesjoe , psychomancer , aeki , giggscii , birdhogen080 , Resolve , nutmomqq , little[M]onkey , Lanoline , aiba , Onimusha2 , fOrwh4tz , GAPZ , TaJaonee , primo , Jakko , Pazalika_Hamez_Jamekus , NaxchakhunPH4 , Camahlahahe , @PHAROH@ , paperjam , JarNZeeD , bank345 , Butter Salmon , ridiculous , Umeshu , PitBullz , Entsanova , Tomtum , fxckin6 , fabregas125 , I'm magpies , Tackeyz , HIMHIM , snowblow , Kittichai_pha , armkungza333 , mickey99 , dae , Angelicsocx , solonayooo1 , moonai , zerotom1 , Uriel , คุณกินโทกิ , Parivat888 , Prince_RV34 , เจ้าชาย แห่งแอนฟิลด์ , accylopez , supermoohfc_phitsanulokfc , Isco-23. , Mazans , jadellcom , Middle-Earth , Dark_hell , CoMMINDO , แหยมยะโส , Kanna_James , rods , Miss_im_sim , Backstreet Boy , Master_of_No.7 , อึดเวียก , AwakeAlive , Akashi1 , Starz , judaspriest03 , s4320165 , cadet_Bosingwa , GuRoCk18 , ็iDnOuSe4 , Cal2ibZo , ZUPALE , SK@ , bankbaboon , หนูถั่วงอก , laws , Pat_Devil , silverfire , monease , Ninjizamuri , TankA , -CiseRo- , S-SHINE,* , Orgazm , ★ GameRedDevil ★ , Fx-Goo tlE
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ


ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: Arsenal & Biker
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3767
ที่อยู่: On Earth
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 16:38
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
ดูโรงมา 4 ภาคแล้วรอภาคสุดท้ายนานมาก
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ลูกผู้ชายตัวจริงไม่ทิ้งสองล้อ Arsenal & Biker
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: การที่เห็นผมอยู่เฉย ไม่ได้แสดงว่าผมรักชาติน้อยกว่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1478
ที่อยู่: ทำงานอยู่ที่Chonburi
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 16:43
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
KNoSKULL พิมพ์ว่า:
ดูโรงมา 4 ภาคแล้วรอภาคสุดท้ายนานมาก  

อีก3วันครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status: ....
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 555
ที่อยู่: Stamford bridge.
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 16:48
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
เราชอบเรื่องนี้มากกก
ขอบคุณ จขกท. อ่านเพลินมากกก

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 499
ที่อยู่: สนามหญ้าเทียม
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 16:55
ถูกแบนแล้ว
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
สุดยอดจริงๆคนสมัยนั้น ยกทัพเดินเท้าไปตีกันข้ามประเทศ ใช้เวลากี่วันนั่น แค่นั่งรถจากเชียงใหม่ไป กรุงเทพ 10 ช่วโมง เพลียสุดๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: การที่เห็นผมอยู่เฉย ไม่ได้แสดงว่าผมรักชาติน้อยกว่า
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1478
ที่อยู่: ทำงานอยู่ที่Chonburi
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:04
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
Praej พิมพ์ว่า:
เราชอบเรื่องนี้มากกก
ขอบคุณ จขกท. อ่านเพลินมากกก

 
ผมก็อ่านเพลินเหมือนกัน แถมได้รู้ดอนเจดีย์ยุทธหัตถีเพิ่มมาอีก

mang gang พิมพ์ว่า:
สุดยอดจริงๆคนสมัยนั้น ยกทัพเดินเท้าไปตีกันข้ามประเทศ ใช้เวลากี่วันนั่น แค่นั่งรถจากเชียงใหม่ไป กรุงเทพ 10 ช่วโมง เพลียสุดๆ  
คงเป็นเดือนครับ ยิ่งคนเยอะ เสบียงก็เยอะ ยิ่งทำให้ช้าครับ แต่ช้ามากก็ไม่ได้เสบียงอาจไม่พอ คนสมัยก่อนความอดทนสูงจริงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 29 Mar 2010
ตอบ: 2447
ที่อยู่: ที่ใดก็ได้อยู่ที่ใจนั้นสุขไหม
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:13
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
สาระมากเลย ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status: 2T forever
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Apr 2010
ตอบ: 11497
ที่อยู่: Old Trafford [91475]
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:42
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status: ♥ LFC
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Dec 2009
ตอบ: 921
ที่อยู่: ♥ Rosé ♥ ~*
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:46
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
อ่านเพลินเลยครับ สนุกดี ได้ความรู้ด้วย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

                                       ♥ ROSÉ ♥   ––BLACKPIИK––
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 608
ที่อยู่: epididymis
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:50
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
เตรียมความพร้อนก่อนดูภาค5สาระล้วนๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Oct 2010
ตอบ: 2925
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 17:55
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
ขอบคุณสำหรับสาระครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ลายเซ็นไม่มี แจกเยอะแล้ว



ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status: Hendo Hoegarden
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 8247
ที่อยู่: Anfield Road
โพสเมื่อ: Mon May 26, 2014 19:56
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
ภาพสวยดีครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 27, 2014 00:15
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]

2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status: ยูโรไม่มีทีมเชียร์ 5555
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 1297
ที่อยู่: Soccersuck
โพสเมื่อ: Tue May 27, 2014 07:40
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
อยากดูไวๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status: Keep the blue flag flying high.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 7991
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Tue May 27, 2014 10:27
[RE: สถานที่ ใน " ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช "]
ขอบคุณมากครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel