ฝันที่เป็นจริง รีวิวทริปไปดูแมนยู - นอริช ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ภาค 1
เมื่อวันที่ 22 - 28 เมษายน ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปดูฟุตบอลระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ นอริช ซิตี้ โดยผมไปในฐานะผู้โชคดีจากการเล่นเกมทาง FM 99 ไปสมทบกับคณะจากบัตรกรุงศรี รวมทั้งหมด 15 คน ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณบัตรกรุงศรี โดยเฉพาะพี่ออยกับพี่แซม ที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง
ต่อไปเป็นช่วงของการรีวิว ทริป
วันที่ 22 เมษา เวลา 20.30 เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งสู่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยสายการบิน Etihad
ถึงที่อาบูดาบี เวลา 00.05 จากนั้นนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จนถึงเวลา 02.30 ก็ขึ้นเครื่องต่อไปแมนเชสเตอร์ทันที บนเครื่องก็นั่งดูหนังฟังเพลงจนหลับ
หลังจากเดินทางอย่างสาหัส ในที่สุดก็ถึงแมนเชสเตอร์ วันที่ 23 เมษา เวลา 07.25 (ตามเวลาท้องถิ่น) ตอนนั้นสภาพอากาศอยู่ที่ 13 องศา หนาวกำลังดี
ต่อจากนั้นนั่งรถทัวร์เดินทางไปเที่ยวเมืองสแตรทฟอร์ด อัพพอน เอวอน ซึ่งอยู่ห่างจากแมนเชสเตอร์ ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งกรุ๊ปที่ผมไปค่อนข้างโชคดี เพราะได้พี่สุธน หรือนามปากกาปีศาจพันปี ดีกรีแชมป์แฟนพันธุ์แท้แมนยูจากรายการแฟนพันธุ์แท้ รับหน้าที่เป็นไกด์ตลอดทริป
บรรยากาศข้างทางส่วนใหญ่จะเจอแต่ทุ่งหญ้า ตามสไตล์นอกเมือง
เป้าหมายแรกของทริปคือเที่ยวเมืองข้างๆ แมนเชสเตอร์ คือ เมื่องสแตรทฟอร์ด อัพพอน เอวอน เมื่อถึงก็ตรงดิ่งไปที่บ้านของวิลเลี่ยม เชคสเปียร์ กวีผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ผมและคณะได้ไปเยี่ยมชมบ้านเกิดของเชคสเปียร์ ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเกิดปีที่ 450 ของท่านพอดี ทำให้มีคนเยอะกว่าปกติ
หลังเสร็จมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารจีนในย่านนั้น ผมและคณะก็ออกไปเดินเล่นแถวแม่น้ำภายในเมืองสแตรทฟอร์ด อัพพอน เอวอน มีทั้งท่าน้ำ และรูปปั้นตัวละครจากนิยายของวิลเลี่ยม เชคสเปียร์
จากนั้นในช่วงบ่ายๆ ก็นั่งรถกลับเข้าแมนเชสเตอร์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยพักที่โรงแรม Mercure ซึ่งเป็นโรงแรมมีชื่อเสียงของแมนเชสเตอร์ หลังจากจัดกระเป๋าเก็บที่โรงแรมแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นรอบๆ เมืองแมนเชสเตอร์ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
และแล้วก็มาถึงวันที่ 24 เมษายน ถือเป็นวันสำคัญเลย เพราะจะได้ไปทั้งสนามโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด และสนามซ้อมเอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ หรือชื่อเดิมว่าแคร์ริงตัน สถานที่ที่คนภายนอกอยากเข้า แต่น้อยคนนักจะได้เข้า
เมื่อมาถึงหน้าโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ฝั่งเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สแตนด์ บอกตรงๆ เห็นครั้งแรกน้ำตาแทบใหล ไม่คิดเลยว่าจะได้มาสถานที่ในฝันแห่งนี้
จากนั้นนั่งรถของสโมสรไปสนามซ้อม แต่เค้ามีกฏเหล็กว่าห้ามถ่ายรูปในสนามซ้อมแบบเด็ดขาด เลยอดถ่ายไป ซึ่งระหว่าง OT ไปสนามซ้อมใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที ทางเข้าสนามซ้อมจะเป็นทางเล็กๆ อยู่เขตนอกเมือง พอถึงหน้าประตูจะเห็นแฟนบอลรอยืนขอลายเซ็นนักเตะ ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ยกเว้นแต่ได้รับเชิญจากสโมสรเท่านั้น
ผมและคณะได้เข้าข้างใน พอลงรถปุ๊ปก็เห็นนักเตะแมนยูขับรถมาในสนามทีละคน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เชิญเข้าไปในอาคาร ให้ดูวีดีโอแนะนำสนามซ้อม โดยมีป๋าอัลเบิร์ต มอร์แกน หนึ่งในสตาฟฟ์ของเซอร์อเล็กซื เฟอร์กูสัน และพิธีกรของช่อง MUTV มาเป็นแขกพิเศษด้วย
จากนั้นก็ถึงเวลามีต แอนด์ กรีต โดยจะมีคนพาไปห้องที่นักเตะแมนยูกำลังซ้อม ไปถึงก็เห็นนักเตะในทีมกำลังปั่นจักรยาน โดยเอฟร่า และชิชาริโต้ กำลังถูกแยกซ้อมเดี่ยว เพื่อรอเช็คความฟิต ดูได้สักพักก็ได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับนักเตะ (ยกเว้นเอฟร่า, ชิชาริโต้, วิดิช , ราฟาเอล)
แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เวลาขอลายเซ็นนักเตะแค่ 5 นาที คนแรกที่ผมไปขอ คือ แอชลี่ย์ ยัง แล้วก็ขอคนอื่นๆ ตาลำดับ แต่มีบางคน เช่น คาร์ริก นานี่ ที่ออกจากห้องก่อน แต่โชคดีที่ได้จับมือกับเฟลไลนี่ คากาวะ รูนี่ย์ และมาต้า พร้อมกับได้พูดกับเฟลไลนี่ และคากาวะ ว่า Good Luck For world Cup เจ้าตัวก็ขอบคุณผมด้วย หลังมีตติ้งเสร็จ นักเตะก็ทะยอยกันไปซ้อมลิงชิงบอล แต่พอถึงช่วงซ้อมแท๊กติก เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ดู
สรุปผมได้ลายเซ็นนักเตะ 9 คน ได้แก่ รูนีย์ คากาวะ มาต้า โจนส์ เฟลไลนี่ ยัง เฟอร์ดินานด์ สมอลลิ่ง วาเลนเซีย
จากสนามซ้อมก็กลับมากินข้าวเที่ยงที่ Red Cafe' ในโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด ซึ่งทางกรุ๊ปผมได้จองเมนูไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนั้นผมจัดเมนูนาโช่ อาหารเม็กซิโกที่ขอบอกเลยว่าอร่อยสุดๆ ไปเลย
กินเสร็จก็ทัวร์มิวเซียมในสนาม พร้อมทั้งทัวร์รอบสนาม
จบวันนี้ด้วยการตะลุยราตรีในย่านแมนเชสเตอร์ เป้าหมายอยู่ที่ร้าน Yates บาร์เล็กๆ แต่อุดมไปด้วยเครื่องดื่มหลายยี่ห้อ
จบภาค 1 เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมาต่อภาคจบที่ไปทั้งแอนฟิลด์, กูดิสัน พาร์ค , อีทีฮัด สเตเดี้ยม และวันไปดูเกมแมนยูยำนอริช 4 - 0
แก้ไขล่าสุดโดย System of Valentine เมื่อ Fri Jul 05, 2024 10:09, ทั้งหมด 23 ครั้ง