นักบอลลีกภูมิภาค
Status: อุตส่าห์ตามไลค์ให้เกือบปี ขอเลียหทีก็ไม่ได้
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2009
ตอบ: 1426
ที่อยู่: ทุ่งหญ้าสเต็บ ปลายฝนต้นหนาว เข้าสู่ฤดูเหงา~
โพสเมื่อ: Mon Apr 28, 2014 00:49
มินาโมโตะ โยชิสึเนะซามูไรผู้เป็นตำนาน
มินาโมโตะ โยชิสึเนะ (Minamoto Yoshitsune ค.ศ. 1159 - 15 มิถุนายน ค.ศ. 1189) หรือโยชิสึเนะแห่งมินาโมโตะมีชิวิตในช่วงระหว่างปลายยุคเฮย์อันถึงต้นยุคคามากุระเป็นหนึ่งในตำนานซามูไรของญี่ปุ่นมักจะมีการกล่าวถึงในทางวรรณกรรมและทางภาพยนตร์
มินาโมโตะ โยชิสึเนะเกิดเมื่อค.ศ. 1159 ที่นครเฮอังเกียว (เมืองเกียวโตะในปัจจุบัน) เกิดในตระกูลมินาโมโตะหรือชื่อเรียกอีกอย่างของตระกูลคือเซวะเง็นจิสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิ์เซวะ เป็นบุตรชายคนที่เก้าของ มินาโมโตะ โยชิโตโมะซึ่งเป็นโทเรียวหรือประมุขตระกูลเซวะเง็นจิ เกิดกับนางโทกิวะโกเซ็นซึ่งเป็นภรรยาน้อยของโยชิโตโมะ เมื่อแรกเกิดโยชิสึเนะมีชื่อว่าอุชิวากะมารุมีพี่ชายมารดาเดียวกันอยู่สองคนคือ อิมาวากะมารุต่อมาได้บวชเป็นภิกษุเอโนะ เซ็นโจและโอสึวากะมารุต่อมาบวชเป็นภิกษุกิเอ็น
ค.ศ. 1160 เมื่ออุชิวากะอายุยังไม่ทันถึงขวบปีได้เกิดกบฏเฮย์จิขึ้นระหว่างตระกูลมินาโมโตะ นำโดยมินาโมโตะ โยชิโตโมะผู้เป็นบิดา กับตระกูลไทระนำโดย ไทระ คิโยโมริ ผลปรากฏว่าตระกูลมิมินาโมโตะพ่ายแพ้ มินาโมโตะ โยชิโตโมะถูกสังหารในป่าขณะหลบหนี พี่ชายต่างมารดาและสมาชิกตระกูลมินาโมโตะที่เหลือต่างถูกกวาดล้างและประหารชีวิตด้วยการตัดหัวไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงมินาโมโตะ โยริโตโมะซึ่งถูกเนรเทศไปยังแคว้นอิซุทางตะวันออก นางโทกิวะได้พาบุตรชายทั้งสามที่ยังเล็กหลบหนีซ่อนตัวในป่าจนกระทั่งคิโยโมริได้จับมารดาของโทกิวะเป็นตัวประกัน โทกิวะจึงยอมจำนน จากการร้องขอจากมารดาของไทระ คิโยโมริจึงได้ไว้ชีวิตบุตรชายทั้งสามของนาง โดยมีเงื่อนไขว่านางโทกิวะจะต้องเข้ามาเป็นภรรยาน้อยของคิโยโมริและบุตรชายทั้งสามจะต้องไปอยู่วัดบวชไปตลอดชีพเพื่อไม่ให้กลับมาแก้แค้นภายหลัง
ค.ศ. 1169 เมื่ออายุสิบเอ็ดปีอุชิวากะต้องพรากจากมารดาไปอยู่ที่วัดคุรามะทางเหนือของนครเฮอังเกียวเพื่อเตรียมตัวบวชเป็นพระภิกษุตามที่ตกลงไว้ ได้รับชื่อใหม่ว่า ชานาโอะอาศัยอยู่ที่วัดคุรามะ
ชานาโอะมีความสามารถในการใช้ดาบตั้งแต่อายุยังน้อยสามารถเอาชนะมุซาชิโบ เบ็งเคย์พระนักรบได้ที่สะพานโกโจในนครเฮอังเกียว ไซโตะ มุซาชิโบ เบงเคย์ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อกับแม่นำมาทิ้งไว้ โดยบางตำนานกล่าวไว้ว่าเบงเคย์เป็นเด็กปีศาจมีผมรุงรังและฟันยาว แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ถูกชุบเลี้ยงจากพระในวัดและบวชเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งได้เดินทางไปยังวัดหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ทำให้เบงเคย์ได้รับการฝึกสอนวิชาการรบ เมื่ออายุได้ 17ปีกล่าวกันว่าเค้าสูงถึง 2เมตร ชาวบ้านละแวกนั้นจึงหวาดกลัวปนรังเกียจและมักเรียกเขาว่า “โอนิวากะ” แปลว่าเจ้าลูกยักษ์ ด้วยเหตุนี้เบงเคย์จึงออกจากวัดไปบำเพ็ญตนพร้อมกับฝึกวิชาการต่อสู้ไปด้วยกับพระนักรบบนภูเขาที่เรียกว่ายามาบูชิ (Yamabushi)
และเติบโตขึ้นมาเป็นพระนักรบที่เก่งกาจแข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้น
ครั้งหนึ่งเบงเคย์ได้อยู่ที่สะพานโกโจในเพื่อรวบรวมดาบจากพวกซามูไรที่ข้ามสะพานนี้ให้ได้ 1000เล่ม
แต่เมื่อเขารวบรวมดาบได้ถึงเล่มที่ 999 เบงเคย์ก็ไปท้าโยชิสึเนะต่อสู้เพื่อที่จะยึดดาบของโยชิสึเนะเป็นเล่มที่1000 แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้แก่โยชิสึเนะ หลังจากนั้นเบงเคย์ขอเป็นผู้ติดตามโยชิสึเนแต่บัดนั้น เขาได้ร่วมต่อสู้กับโยชิสึเนะในหลายๆสมรภูมิ
ค.ศ. 1174 ชานาโอะปฏิเสธที่จะบวชเป็นพระ และได้ทำพิธีเง็มปุกุให้แก่ตนเองแล้วหลบหนีพร้อมกับเบ็งเคย์ไปยังเมืองฮิราอิซุมิแคว้นโอชู ในภูมิภาคโทโฮกุทางเหนือซึ่งคือจังหวัดอิวาเตะในปัจจุบัน ได้รับการดูแลโดย ฟุจิวาระ ฮิเดฮิระผู้ปกครองแคว้นโอชูซึ่งอำนาจของตระกูลไทระเข้าไปไม่ถึง และได้รับนามจากฟุจิวาระ ฮิเดฮิระว่า มินาโมโตะ โยชิสึเนะ
สงครามเก็นเปเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองตระกูลที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องของการครอบครองอำนาจ มีความสืบเนื่องมาจากกบฏโฮเก็นและกบฏเฮย์จิ ซึ่งในครั้งนั้นตระกูลมินาโมโตะพยายามจะยึดอำนาจจากตระกูลไทระ แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกกำจัดไปในที่สุด
หลังจากนั้นปีค.ศ.1177 ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไทระและจักรพรรดิโกชิรากาวะที่ทรงเคยเป็นผู้สนับสนุนตระกูลไทระจนได้รับชัยชนะได้เริ่มสั่นคลอนและกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ เมื่อจักรพรรดิโกชิรากาวะได้พยายามปลดไทระ คิโยโมริออกจากตำแหน่งไดโจไดจิน
ค.ศ.1180 คิโยโมริจึงได้ผลักดันให้ฮิราโดะหลานชายวัยสองปีขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิ์อันโตกุ ทำให้เจ้าชายโมชิฮิโตะบุตรอีกพระองค์ของจักรพรรดิโกชิรากาวะทรงรู้สึกไม่พอพระทัยอย่างมาก เนื่องจากบัลลังก์จักรพรรดินั้นถือเป็นสิทธิ์ชอบธรรมของพระองค์
จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากมินาโมโตะ โยริมาสะ โยริมาสะจึงได้ส่งอาวุธต่าง ๆ ให้ซามูไรและพระนักรบในวัดต่างๆ หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ไทระ คิโยโมริได้ย้ายฐานอำนาจไปยังพระราชวังเมืองฟุคุฮาระเพื่อติดต่อทำการค้าขายกับราชวงศ์จีน
หลังจากนั้นศึกครั้งแรกในสงครามเก็นเปย์จึงปะทุขึ้นที่ริมแม่น้ำอุจิ ผลที่ออกมาคือมินาโมโตะ โยริมาสะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และได้กระทำการเซ็ปปุคุคว้านท้องที่วัดเบียวโดอิน กรุงเฮย์อัน ส่วนเจ้าชายโมชิฮิโตะที่เสด็จหนีออกมาได้ถูกจับและโดนประหารชีวิตในที่สุด
เมื่อสิ้นสุดศึกอุจิตระกูลไทระได้ทำการเผาวัดมิอิเดระก่อนจะเคลื่อนกำลังสู่เมืองนาระ แต่กลับถูกพระนักรบจากวัดอื่นขัดขวาง ไทระ ชิเกฮิระและไทระ โทโมโมริลูกชายทั้งสองของคิโยโมริได้สั่งให้ทำการล้อมพระนักรบเหล่านั้นและได้เผาวัดทุกวัดที่อยู่ในเมือง เหลือเพียงวัดเอ็นเรียวคุจิเท่านั้นที่สามารถต้านกองกำลังตระกูลไทระและรอดพ้นจากการถูกเผาได้
ค.ศ. 1180 มินาโมโตะ โยชิสึเนะได้ทราบข่าวว่าพี่ชายต่างมารดาของตนคือมินาโมโตะ โยริโตโมะได้ทำการลุกฮือต่อต้านตระกูลไทระโดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองคามากุระ โยชิซึเนะจึงเดินทางจากเมืองฮิราอิซุมิพร้อมกับเบ็งเคย์มาพบกับโยริโตโมะที่แม่น้ำคิเซะ ใกล้กับเมืองชิซุโอกะในปัจจุบัน โยริโตโมะจึงรับโยชิสึเนะเข้ามาเป็นหนึ่งในขุนพลตระกูลมินาโมโตะในการทำสงครามกับตระกูลไทระ
ค.ศ. 1181ไทระ คิโยโมริได้เสียชีวิตด้วยอายุ 63 ปี เนื่องจากไทระ ชิเงโมริบุตรชายคนโตได้เสียชีวิตไปก่อนเมื่อค.ศ. 1179 และไทระ โมโตโมริบุตรชายคนที่สองเสียชีวิตเมื่อค.ศ. 1162 ไทระ มุเนโมริบุตรคนที่3ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลไทระแทนที่บิดา
ในขณะเดียวกันทางฝั่งตะวันตก มินาโมโตะ โยชินากะผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของมินาโมโตะ โยริโตโมะไม่ยอมรับอำนาจของโยริโตโมะและต้องการที่จะสร้างเกียรติยศโดยการโค่นล้มตระกูลไทระด้วยตนเอง
ค.ศ. 1183 โยชินากะสามารถเข้ายึดนครเฮอังเกียวได้ มุเนโมรินำสมาชิกตระกูลไทระอพยพไปยังเมืองยาชิมะบนเกาะชิโกกุ
ค.ศ. 1184 โยริโตโมะส่งโยชิสึเนะ ร่วมกับมินาโมโตะ โนริโยริพี่ชายต่างมารดา ยกทัพไปทางตะวันตกโจมตีทัพของมินาโมโตะ โยชินากะและสามารถยึดนครเฮอังเกียวจากโยชินากะได้ โยชินากะหลบหนีแต่ถูกโยชิสึเนะและโนริโยริตามจนต่อสู้กันที่เมืองโอสึ โยชินากะถูกสังหารในที่สุด
ค.ศ. 1184 โยชิสึเนะและโนริโยริยกทัพมาเอาชนะทัพของตระกูลไทระได้ในยุทธการอิชิโนะทานิ ขุนศึกไทระ ทาดาโนริถูกสังหารในที่รบ และไทระ ชิเงฮิระถูกจับกุมตัวได้
ปีต่อมาค.ศ. 1185 โยชิสึเนะนำทัพเข้าล้อมเมืองยาชิมะจนสามารถตีเมืองยาชิมะแตก ไทระ มุเนโมริพาสมาชิกตระกูลไทระลงเรืออพยพไปทางตะวันตก โยชิสึเนะได้ยกทัพเรือออกติดตามจนปะทะกับทัพเรือของตระกูลไทระที่ช่องแคบคัมมง ในยุทธนาวีดันโนะอุระจนมีชัยชนะเหนือตระกูลไทระ สมาชิกตระกูลไทระเกือบทั้งหมดจึงกระโดดลงทะเลเสียชีวิตเพื่อหนีความพ่ายแพ้ นางนิอิโนอามะ ( หรือไทระ โทกิโกะ) แม่ของไทระ มุเนโมริได้อุ้มจักรพรรดิอันโตกุ อายุ7ขวบกระโดดลงทะเลสวรรคต ตระกูลไทระถึงกาลอวสาน
หลังจากชัยชนะของโยชิสึเนะที่ยุทธนาวีดันโนะอุระทำให้ความสำเร็จอันโดดเด่นและรวดเร็วของโยชิสึเนะเป็นที่อิจฉาของขุนพลคนอื่นๆ โดยเฉพาะคาจิวาระ คาเงะโทคิซึ่งได้ยุยงให้โยริโตโมะเชื่อว่าโยชิสึเนะไม่เชื่อฟังและต้องการที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองเพียงอย่างเดียว
ค.ศ. 1185เมื่อกลับถึงนครเฮอังเกียว อดีตจักรพรรดิโกชิราคาวะทรงแต่งตั้งให้โยชิสึเนะเป็นองครักษ์ สร้างความไม่พอใจแก่โยริโตโมะอย่างมากซึ่งประกาศห้ามขุนพลรับตำแหน่งใดๆทั้งสิ้นจากราชสำนัก
มินาโมโตะ โยริโตโมะมีคำสั่งให้โนริโยริยกทัพจากคามากุระไปสังหารโยชิสึเนะทางตะวันตก โนริโยริผู้เป็นพี่ชายร่วมศึกกับโยชิสึเนะมานานปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของ โยริโตโมะจึงส่งพระนักรบโทซาโนบะ โชชุนแอบเดินทางมายังนครเฮอังเกียวเพื่อทำการลอบสังหารโยชิสึเนะแต่ไม่สำเร็จและโชชุนถูกสังหารแทน อดีตจักรพรรดิโกชิรากาวะมีราชโองการให้โยชิสึเนะยกทัพไปตะวันออกเพื่อปราบกบฎโยริโตโมะ โยริโตโมะได้ยกทัพมายังนครเฮอังเกียวเพื่อกดดันองค์อดีตพระจักรพรรดิให้เปลี่ยนราชโองการให้โยริโตโมะไปปราบกบฎโยชิสึเนะแทน
ปีเดียวกันนั่นเอง มินาโมโตะ โยชิสึเนะจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเบ็งเคย์และชิซุกะโกเซ็นซึ่งเป็นชิระเบียวชิหรือนางรำศาลเจ้า หนีไปยังเมืองฮิราอิซุมิทางเหนือเพื่อขอความช่วยเหลือจากฟูจิวาระ ฮิเดฮิระ แต่ด้วยความลำบากในการเดินทางทำให้โยชิสึเนะตัดสินใจส่งตัวชิซุกะกลับไปยังเมืองหลวง ชิซุกะถูกจับกุมตัวได้ระหว่างทางและถูกส่งไปยังเมืองคามากุระแทน ได้พบว่าชิซุกะได้ตั้งท้องคลอดบุตรชายที่เมืองคามากุระ มารดาของชิซุกะได้ช่วยให้ชิซุกะและบุตรชายหลบหนีกลับไปยังนครเฮอังเกียว แต่ทั้งชิซุกะและบุตรชายก็ถูกสังหารในเวลาต่อมา
ฝ่ายโยชิสึเนะและเบ็งเคย์พักอยู่ที่เมืองฮิราอิซุมิภายใต้การปกป้องของฟูจิวาระ ฮิเดฮิระ จนกระทั่งฮิเดฮิระได้เสียชีวิตลงในค.ศ. 1187 ฟูจิวาระ ยาซุฮิระบุตรชายจึงขึ้นเป็นผู้ปกครองโอชูแทนที่บิดา ยาซุฮิระเห็นว่าหากให้ที่หลบหนีแก่โยชิสึเนะต่อไปโอชูจะมีภัยจาก มินาโมโตะ โยริโตโมะ
ค.ศ. 1189 ฟูจิวาระ ยาซุฮิระส่งกำลังพลมาลอบสังหารโยชิสึเนะที่แม่น้ำโคโมโระ โยชิสึเนะทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิต โดยมีเบ็งเคย์คอยยืนเฝ้าด้านนอกไม่ให้ทหารของ ฟูจิวาระ ยาซุฮิระเข้าไปทำลายพิธีอันทรงเกียรติของโยชิสึเนะ เบ็งเคย์ได้ต่อสู้และถูกธนูจำนวนมากยิงเข้าใส่ แต่ถึงอย่างนั้นเบ็งเคย์ก็ยังคงยืนเฝ้าจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะสิ้นใจไปในท่ายืนเฝ้าแบบนั้น จนเป็นที่กล่าวขานกันต่อมา
หลังจากโยชิสึเนะได้จบชีวิตไป มินาโมโต โยริโตโมะก็ยกทัพไปปราบปรามฟุจิวาระ ยาซุฮิระที่แคว้นโอชู
ค.ศ. 1192 มินาโมโต โยริโตโมะก็ได้ขึ้นเป็นเซย์อิไทโชกุนจัดตั้งรัฐบาลปกครองประเทศที่เรียกว่า บาคุฟุขึ้นที่คามาคุระ จากจุดนี้การบริหารประเทศญี่ปุ่นก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของทหารไปตลอดหลายร้อยปี จักรพรรดิ์จะมีอำนาจแค่ในนามเท่านั้น
credit หนังสือประวัติศาสตร์ยุ่น+wiki
อ้างอิงจาก:
เสริมอีกนิด
มีตำนานบอกว่าโยชิสึเนะไม่ตายและหนีไปมองโกลจนได้เป็นเจ็งกิสข่าน สาเหตุที่มาขอตำนานหลายเรื่องเกียวกับโยชิสึเนะมีเรื่องหนึ่งเชื่อว่าโยชิสึเนะไม่ตายและหนีไปมองโกลกลายเป็นผู้กล้าแห่งมองโกลชื่อเจ็งกีสข่าน
มีเหตุการณ์คล้องกันหลายอย่างเช่นโยชิสึเนะคว้านท้องในปี1189 เจ็งกีสข่านขึ้นครองอำนาจปี1206 เวลา17ปีอาจเพียงพอทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการหนีจากญี่ปุ่นไปมองโกล
ตราประจำตัวของเจ็งกีสข่านใช้เครื่องหมายเดียวกับตระกูลมินาโมโตะที่เรียกว่าซาซารินโด (Sazarindo)ซึ่งเป็นรูปคล้ายๆกับต้นไผ่
และเมื่อเจ็งกีสข่านขึ้นเป็นใหญ่ใช้ปักธงขาว 9อันและก็ยังชอบสีขาวและเลข 9เป็นพิเศษ ซึ่งธงประจำตระกูลมินาโมโตะเวลาออกรบใช้สีขาวและโยชิสึเนะเป็นลูกชายคนที่ 9
มีวิธีการรบที่ใกล้เคียงกันจึงทำให้คนญี่ปุ่นสันนิษฐานว่าตำนานอันนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ^^
ไม่ทราบแน่ชัดว่าโยชิสึเนะตายจริงหรือเปล่า แต่หลังจากที่ยาซุฮิระส่งสาสน์และศรีษะเพื่อไปมอบให้มินาโมโตะ โยริโตโมะ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็คือโยริโตโมะใช้เรื่อง
การฆ่าน้องชายของตัวมาเป็นเหตุที่จะยกทัพไปปราบตระกูลฟูจิวาระที่โอชู ซึ่งจริงๆแล้วโยริโตโมะต้องการปราบพวกฟูจิวาระอยู่แล้ว
และสงครามครั้งนี้ทำให้พวกฟูจิวาระที่โอชูก็จบสิ้นไปซึ่งตระกูลฟูจิวาระที่โอชูนี้มีเพียง 4รุ่นเท่านั้น
แก้ไขล่าสุดโดย live3z เมื่อ Sun May 11, 2014 23:03, ทั้งหมด 5 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ