Thoth เทพผู้ชาญฉลาดที่สุดในบรรดาเทพแห่งอียิปต์โบราณ
Thoth (โธธ,ธอท,ธอธ) หรือ Djhuty, Djehuty, Tehuty (เจฮูที,เทฮูที) เป็นเทพแห่งความรอบรู้และเวทมนตร์ของอียิปต์โบราณ บ้างก็ว่าเป็นเทพแห่งดวงจันทร์ด้วย ธอธได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งนักปราชญ์ นามเดิมคือ ดเจฮูติ (Djehuty) หรือ เซฮูติ สัญลักษณ์ของธอธเป็นนักกระสาปากยาว
ตำนานเทพเจ้าที่เกี่ยวกับธอธและคัมภีร์แห่งธอธ
เริ่มแรกนั้นรา (Ra) ราชาแห่งเทพมีภรรยานามว่านุต (Nut) แต่นางได้ตกหลุมรักกับเกป (Geb) เทพแห่งพื้นโลก เมื่อราทราบเรื่องเหล่านี้จึงทำให้ เทพเจ้าราโกรธมากจึงสาปไม่ให้นุตสามารถมีบุตรได้ตลอด 360 วันในหนึ่งปีซึ่งทำให้นางเศร้าโศกเป็นอย่างมาก นางจึงนำเรื่องไปปรึกษาเพื่อนของนางซึ่งก็คือเทพเจ้าธอธ (Thoth) ธอธรู้ว่าคำสาปของราเป็นจริงแต่ก็มีทางแก้ได้
บางตำนานกล่าวว่า
ธอธได้ให้คำทำนายว่า "หากนุตเทวีแห่งสรวงสวรรค์ทรงมีโอรส วันหนึ่งเด็กคนนั้นจะได้ครอบครองไอยคุปต์" เมื่อได้ยินเช่นนั้นเทพราทรงพิโรธจึงกล่าวสาปแช่งเทวีนุต
"นุต จะไม่มีลูกชาย จะไม่มีลูกสักคนเดียว!!" เทพราตรัส "ไม่มีวันที่ลูกชายของนุตจะมาชิงบัลลังค์จากข้า! ข้าขอสาปแช่งนางว่า นางจะไม่สามารถให้กำเนิดทารกได้เลยไม่ว่าจะวันใดปีใดไม่เว้นแม้แต่ในยามกลาง คืน นี่คือคำบัญชาของข้าและไม่มีสิ่งใดสามารถจะบิดเบือนไปจากคำของข้าได้"
เทวีนุตหัวใจแทบสลายเพราะเทพธอธเคยกล่าวไว้ว่า บุตรของนางควรจะครองดินแดนไอยุปต์และเทพ ธอธผู้เปล่งคำพยากรณ์ก็เป็นเทพผู้ทรงภูมิปัญญามากที่สุดในหมู่มวลเทพและ เพราะธอธก็รักนาง ดังนั้นนางจึงเดินทางไปพบธอธเพื่อขอให้ช่วยนาง
"จงมอบความรักแก่ข้า แล้วข้าจะแสดงให้เห็นว่าความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร โดยที่ไม่ขัดต่อคำสาปแช่งของเทพรา"
นุตยอมรับเงื่อนไข เทพธอธจึงบอกแผนอันชาญฉลาดแก่นางแล้วพระองค์ก็ไปพบเทพคอนสู ( Khonsu )
ในเวลานั้นแสงของพระจันทร์ยังเปล่งประกายสว่างเหมือนแสงพระอาทิตย์ ธอธได้นัดกับคอนซู (Konsu) เทพแห่งพระจันทร์ท้าพนันโดยการเล่นเกมหมากกระดาน ธอธได้รับชัยชนะและได้รางวัลเป็นแสงของพระจันทร์ 1 ใน 7 ส่วน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพระจันทร์ข้างแรมในทุกเดือน
ธอธนำแสงจากวันจันทร์นั้นไปเพิ่มวันลงไปอีก 5 วันในรอบปีจึงทำให้ปฏิทินมีจำนวนวัน 365 วันใน 1 ปี
ในช่วง 5 วันนี้เป็นช่วงที่คำสาปของเทพเจ้าราไม่เป็นผล เทพีนุตจึงใช้ช่วงเวลา 5 วันที่เพิ่มขึ้นมาคลอดบุตรของนาง วันแรกนางให้กำเนิดโอซิริส (Osiris) วันที่สองเป็นฮาร์มาซิส (Harmchis หรือ Horus the Elder ซึ่งได้รับการบูชาในวิหาร Kom-ombo คู่กับเทพจระเข้ Sobek) วันที่สามเป็นเซต (Seth) วันที่สี่เป็นไอซิส (Isis) และ วันสุดท้ายเป็นเนฟธิส (Nephthys)
ในวันที่ Osiris กำเนิดขึ้นได้ปรากฏ เสียงก้องไปทั่งทั้งปฐพีว่า เจ้าแห่งโลกมนุษย์ทั้งปวงได้ถือกำเนิดแล้ว
ทันใดนั้นหญิงที่กำลังตักน้ำในบ่อก็ถูกครอบจำด้วยวิญญาณของศาสดาพยากรณ์ นางได้ร้องออกมาว่า "ราชาโอซิริสประสูติแล้ว"
ส่วนในเมืองธีบส์ (Thebes) ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ปามีเลส (Pamyles) ก็ได้ยินเสียงบัญชาจากวิหารแห่งรา "บัดนี้ถึงประสูติกาลของกษัตริย์ไอยคุปต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โอซิริสเทพผู้มาโปรดชาวมนุษย์"
นุตมอบโอซิริสให้ปามีเลสเลี้ยงดูตามคำแนะนำของธอธ เทพธอธทรงถ่ายทอดความรู้ในศาสตร์และวิทยาการของทวยเทพและคติธรรมที่ซ่อนอยู่ รวมทั้งกลวิธีต่างๆ ให้แก่โอซิริสและไอซิส และคาถาเวทมนตร์ที่ธอธถ่ายทอดให้ไอซิสจึงทำให้เทวีไอซิสกลายเป็นจอมเวทที่มี ชื่อเสียงมากที่สุดของอียิปต์
ธอธได้เขียนคัมภีร์เวทมนตร์ขึ้นมาเป็นคัมภีร์ที่ใครก็ตามที่ได้อ่านเพียง หน้าแรกก็ทำให้ใช้เวทมนตร์ได้ทั้งบนสวรรค์และในโลกมนุษย์ และยังทำให้เข้าใจภาษาสัตว์ป่าภาษานกทั้งหลายได้ ถ้าได้อ่านหน้าที่สองก็จะรู้ความลับต่างๆ ของเทพเจ้าและความเร้นลับทั้งมวลของดวงดาวในท้องฟ้า
คัมภีร์แห่งธอธอยู่วางอยู่กลางแม่น้ำไนล์ คัมภีร์อยู่ในหีบเหล็กใบหนา ภายในหีบเหล็กจะมีมีหีบสำริด ในหีบสำริดมีหีบไม้มะเดื่อ ในหีบไม้มะเดื่อมีหีบงาช้าง ในหีบงาช้างมีไม้มะเกลือ ในหีบไม้มะเกลือมีหีบเงิน ในหีบเงินมีหีบทองคำ และในหีบทองคำจึงจะมีคัมภีร์แห่งธอธ รอบๆ หีบแต่ละชั้นมีแมงป่องและงูพิษซึ่งไม่มีวันตายคุ้มกันอยู่
มีเรื่องเล่าว่าเจ้าชายองค์หนึ่งของอียิปต์นามว่าเนเฟรเกปตาฮ์ (Nefrekeptah) สามารถไปชิงเอาคัมภีร์มาได้และได้อ่านคัมภีร์แห่งธอธ แต่ท้ายสุดมันก็ทำให้เจ้าชายสิ้นพระชนม์ คัมภีร์แห่งธอธจึงถูกฝังไปพร้อมกับร่างของพระองค์พร้อมกับคำสาป
ต่อมาหลายร้อยปี มีเจ้าชายอีกองค์หนึ่งพระนามว่าเจ้าชายเสตนา (Setna) โอรสของรามเสสที่ 2 เนื่องจากเจ้าชายเสตนาเป็นอาลักษณ์ผู้สามารถอ่านคัมภีร์โบราณได้ เขาอ่านพบที่มาของคัมภีร์ดังกล่าวและพยายามค้นหามัน จนกระทั่งได้เบาะแสและได้เข้ากับไปถึงสุสานของเนเฟรเกปตาฮ์โดยไม่สนใจคำสาป ที่ว่าใครก็ตามที่ขโมยคัมภีร์นี้ไปจะต้องประสบกับความโศกเศร้าเช่นเดียวกับ เนเฟรเกตาฮ์
แต่เจ้าชายเสตนาต้องมนตร์แห่งการอยากรู้จนสุดท้ายก็ได้ครอบครองคัมภีร์แห่ง ธอธสมใจ และได้มีพลังเวทที่ยิ่งใหญ่สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากคำสาปของคัมภีร์แห่งธอธจึงต้องนำคัมภีร์นั้นกลับคืนสู่ที่มัน ควรอยู่ตามเดิม
เรื่องราวของธอธเคยถูกนำมาอ้างอิงถึงบ้างในภาพยนตร์และหนังสือรุ่นใหม่หลายเล่ม
นอกจากรูปร่างของนกกระสาปากยาวแล้ว เทพเจ้าธอธยังถูกปั้นในรูปร่างของลิงบาบูนหลายแห่ง เช่น ที่ฐานโอเบลิกส์ หรือ รูปปั้นของอาลักษณ์กำลังเขียนหนังสือเเล้วมีบาบูนเกาะอยู่ หลักฐานมีการกล่าวถึงเทพเจ้าธอธในรูปของลิงบาบูนตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 1 คาดว่าเป็นพบที่สุสานหลวงของราชวงศ์ที่ 1 ใน Abydos
ตำนานเทพเจ้าธอธเกี่ยวกับลิงบาบูน
เนื่องจากคำสาปแช่งของราที่มีต่อเทวีเทฟนุต Tefnut (ใช่องค์เดียวกับ Nut หรือเปล่าหว่า? - -) ทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในอาณาจักรนูเบีย (Nubia) ที่เทวีเทฟนุตอยู่ เทวีเทฟนุตหนีไปถึงเมือง Dakka (เมืองดัคก้าซึ่งอยู่ใต้ Aswan ลงไปประมาณ 100km ที่นั่นได้มีการสร้างวิหารแห่ง Thoth ขึ้น ซึ่งสร้างครั้งแรกประมาณปี 220BC (ซึ่งอยู่ในยุค Ptolemy) และได้ขยับขยายต่อโดยฟาโรห์ Ptolemy ที่ 4 และ 8 รวมทั้งกษัตริย์ของโรมันด้วย) ดังนั้นราจึงได้ มอบหมายให้เทพชู (Shu) และเทพธอธ (บางว่าเป็นสวามีของเทพีเทฟนุตเอง)ไปยังนูเบียเพื่อรับเทวีเทฟนุตกลับมายัง อียิปต์อีกครั้ง ก่อนที่ เทพชุและเทพธอธจะออกเดินทาง ทั้งคู่ได้ปลอมตัวเป็นลิงบาบูน (Baboons)ขนาดใหญ่ ซึ่งภายหลังลิงบาบูนได้กลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของธอธอีกด้วย
ลิงบาบูนเป็นสัตว์กลางคืนที่จะยืนชูมือต้อนรับพระอาทิตย์ยามเช้าทุกครั้ง นั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ของเทพ Thoth แต่จะเรียกว่า Solar Apes ซึ่งจะถูกแสดงด้วยภาพลิง "ยืน" และยกมือ 2 ข้างขึ้นทำความเคารพพระอาทิตย์ พฤติกรรมนี้ชาวอียิปต์ผู้ช่างสังเกตก็เอามาโยงกับเทพธอธเทพเเห่งพระจันทร์ ที่จะต้อนรับเทพราทุกๆ เช้า (ส่วนเทพคอนชูจะเป็นเทพเเห่งพระจันทร์ประจำนครธีบส์)