ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 812
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 8:50 am
4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก


1. เรื่องจริงคดีลักพาตัว 3096 วัน!

คดีลักพาตัวที่สะเทือนขวัญไปทั่วทั้งยุโรป “นาตาชา แคมพุช” เด็กหญิงชาวออสเตรีย วัย 10 ขวบ ถูกโจรโรคจิตจับตัวไปเป็นเวลากว่า 3096 วันหรือประมาณ 8 ปี โจรขังเธอไว้ใต้ถุนบ้านของมันและถูกเลี้ยงดูอย่างทาสผู้ซื่อสัตย์ ถูกซ้อมถูกทำร้ายข่มขืนและปล่อยให้อดอาหาร ช่วงเวลาเกือบทศวรรษที่เธอถูกขังและถูกกดขี่ข่มเหงสารพัดจากชายแปลกหน้าโรคจิต จนในที่สุดเธอก็หาโอกาสหลบหนีออกมาได้

ในเช้าวันหนึ่งก่อนออกจากบ้านไปโรงเรียน นาตาชาและแม่ของเธอเกิดทะเลาะกัน ทำให้เธอต้องเดินไปโรงเรียนเพียงลำพัง สิ่งที่ตามมาก็คือนาตาชาถูกลักพาตัวหายไป โดยชายหนุ่มโรคจิตคนหนึ่งที่มีอาการประสาทและเก็บกด มันขังนาตาชาไว้ที่ห้องเล็กๆแคบๆ ใต้ถุนของโรงรถและบังคับให้เธอทำตามคำสั่ง ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกทำร้าย ทรมานและถูกฆ่าในที่สุด ภายในห่องแคบๆ นั้นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงก็อกน้ำปะปาที่เธอเอาไว้ใช้ดื่มประทังชีวิตในคราวที่มันลงโทษให้เธอต้องอดอาหาร

หลายปีผ่านไปร่างกายเธอเริ่มซูบผอมเหลือแต่โครงกระดูกไร้เรี่ยวแรง สิ่งเดียวที่ทำให้นาตาชามีชีวิตรอดได้มาจนถึงวันนี้ ก็คงเป็นเพราะเธอพยายามทำตัวเป็นเด็กดีและเชื่อฟังที่มันบอกทุกอย่าง พอเธอเริ่มโตเธอก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือบำเรอความใคร่อยู่เสมอๆ จนเวลาผ่านไปนานถึง 3096 วัน กว่าที่นาตาชาจะหาช่องทางหลุดพ้นมาจากเงื้อมือของมันมาได้และกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกครั้ง

คดีนี้ได้มีการเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเรื่อง 3096 days (2013)(บอกโลก..ว่าต้องรอด)






2. คดีลักพาตัวหญิงสาวชาวอเมริกัน 3 คน หายตัวนานนับ 10 ปี!

คดีลักพาตัวนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งของอเมริกาเลยทีเดียว หญิงสาววัยรุ่นชาวอเมริกัน 3 คนถูกลักพาตัวไปขังไว้ในบ้านหลังหนึ่งนานนับ 10 ปี สถานที่ที่ทั้ง 3 คนถูกลักพาตัวนั้นอยู่ละแวกใกล้เคียงกันแต่ต่างปี! โดยหนึ่งในหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวนั้นมีลูกวัย 2 ขวบติดออกมาด้วย ทำให้หลายคนสงสัยว่าใครกันคือพ่อ?

มิเชล ไนท์ อายุ 18-20 ปี หายตัวไป วันที่ 23 ส.ค. ปี 2002, น.ส.อแมนดา เบอร์รี อายุ 16 ปี หายตัวไป วันที่ 21 เม.ย. 2003, จอร์จินา ‘จีนา’ เดจีซัส อายุ 14 ปี หายตัวไป วันที่ 2 เม.ย. 2004



ชายผิวดำผู้ช่วย อแมนด้า และเด็กน้อยอีก 1 คน ออกมาได้สำเร็จ

เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ มีชายผิวดำเดินออกจากร้านแมคโดนัลด์กำลังจะกลับบ้าน ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากชั้นใต้ถุนของบ้านหลังหนึ่ง จิตสำนึกของความเป็นพลเมืองดีก็ทำให้เขาใช้เท้าถีบช่องไม้ให้เป็นรูกว้างจนทำให้เขาเห็นหญิงสาวสภาพผอมแห้ง กับเด็กน้อยอีกหนึ่งคน เขาได้ช่วยทั้ง 2 คนออกมาจากรูแคบๆ นี้ได้สำเร็จ
และทันทีที่โทรหาตำรวจ สาวน้อยคนนั้นรีบบอกตำรวจว่า “ฉันคือ อแมนด้า เบอร์รี่” ผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน!!! ที่ชื่อของ อแมนด้า เบอร์รี่ เป็นที่กล่าวขานไปทั่วอเมริกาก็เพราะ พ่อแม่ของเธอไม่เคยหยุดที่จะตามหาเธอ ทำให้สื่อก็ต่างระดมพลังตามหา แต่เวลาหลายปีความหวังก็เหลืออยู่น้อยเต็มที



แอเรียล คาสโตร (Ariel Castro)

ภายในเวลาเพียง 2 วัน ตำรวจก็จับตัว “แอเรียล คาสโตร (Ariel Castro)” ชายกลางคนอายุ 52 ปี มนุษย์โรคจิตที่ขัง 3 สาวนี้ไว้นานกว่าทศวรรษ! ภายในบ้านของเขาก็ถูกเปิดเผย ภายในมีโซ่สนิมเขรอะ เชือก และแส้!

จุดที่สะพรึงขวัญก็คือ เมื่อตรวจดีเอ็นเอแล้ว แอเรียลคือ พ่อของเด็กน้อยคนนั้นที่เกิดจากท้องของ อแมนด้า เบอร์รี่ (คนที่ทำคลอดให้ก็คือ 2 สาวที่อยู่ด้วยกัน โดยที่แอเรียลใช้ปืนขู่ฆ่าว่าหากทำให้ลูกของเขาตาย ทั้งสองคนก็จะต้องตายตามไปด้วย วิธีคลอดคือ ใช้คลอดในอ่างเล็กๆ)

จุดสะเทือนขวัญประเด็นต่อมาคือ ไม่ใช่แค่อแมนด้าที่มีลูก แต่มิเชลเคยมีลูกกับแอเรียลมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีเด็กคนไหนได้ลืมตามาดูโลก เพราะถูกแอเรียลต่อยที่หน้าท้อง และทรมานจนแท้งลูกมาแล้วอย่างน้อยถึง 5 ครั้ง ซ้พร้ายไปกว่านั้น มิเชล คือเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันกับลูกสาวแท้ๆ ของแอเรียล



มิเชล

วันที่พิพากษาโทษ มิเชลคือคนเดียวในผู้หญิงสามคนที่กล้าเผชิญหน้าขึ้นศาลกล่าวหาแอเรียล ทำให้ แอเรียล ชายโหดคนนี้โดนตราโทษอย่างสาสมถึง 1,000 ปี ก็เพราะต้องคดีข่มขืน ลักพาตัว ฆาตกรรม (ลูกตัวเอง) รวมๆ แล้ว 937 กระทง! และตอนนี้มิเชลเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง

หลังจากแอเรียลโดนจับได้ไม่นาน ทางการก็มีการพังทลายบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อย หลายคนอาจจะสงสัยถึงที่มาของความวิตถารและอำมหิตของเขา คำตอบก็คือ พ่อของเขานั่นเอง เขาบอกว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะตอนเด็กชีวิตในบ้านเหมือนถูกลักพาตัวและถูกทรมานอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดโรคเสพติดเซ็กส์



บ้านที่เกิดเหตุการณ์จริง! (ซ้าย), ตัวโครงสร้างบ้าน ห้องต่างๆแบบจำลอง (ขวา)

หลายครั้งหลังจากตรวจสอบพบว่าบ้านของแอเรียลถูกร้องเรียนเรื่องแปลกๆ มากมาย เช่น ผนังบ้านสั่นผิดปกติ มีเสียงกรีดร้อง และที่น่าขนลุกที่สุดก็คือ มีเด็กหญิงเห็นว่า มีผู้หญิงเปลือยกายคลานอยู่ในบ้าน (ซึ่งภายหลังทราบว่าเป็นเรื่องจริง นั่นคือมิเชล ที่ถูกปล่อยออกจากห้องครั้งแรกในรอบทศวรรษ)

หลังจาแอเรียลติดอยู่ในคุก เขาทำอัตวิบากกรรมแบบวิตถารครั้งสุดท้ายของชีวิตนั่นคือ เอาผ้าห่มผูกกับที่สูงแล้วรัดคอตัวเองให้ไม่มีอากาศหายใจขณะบำบัดความใคร่ด้วยตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเขาเดินหน้าเข้าคุกเพียง 1 เดือนเท่านั้น

คดีนี้ได้มีการเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Cleveland Abduction 2015






3. คดีลินด์เบิร์ก คดีลักพาตัวที่ครึกโครมที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
(เท่าที่มีการเกิดกรณีลักพาตัวเกิดขึ้น)


ค.ศ.1932 ช่วงนั้นเป็นช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดของอเมริกา ผู้คนตกงาน อาชญากรรมล้นเมือง จึงไม่น่าแปลกที่จะมีการลักพาตัวคนดังเรียกค่าไถ่

วันที่ 1 มีนาคม ในปีนั้น เด็กน้อยวัยขวบเศษ “ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก จูเนียร์” ลูกชายของ ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ถูกชายนิรนามบุกเข้าคฤหาสน์ ลักพาตัวเด็กน้อยจากห้องนอน หลังจากนั้นไม่นานพี่เลี้ยงก็ขึ้นมาดูความเรียบร้อยในห้อง และปรากฏว่าเธอไม่เห็นเด็กน้อยบนที่นอน จึงไปบอกเจ้านาย และช่วยกันออกตามหารอบบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ



รูปของชาร์ลส์ ลินด์เบิร์กที่ถ่ายคู่กับเครื่องบินคู่ใจก็ได้ขึ้นไปประทับอยู่บนสแตมป์ สื่อมวลชนต่างขนานนามเขาว่า “ลินดี้ผู้โชคดีกับอินทรีย์บินเดี่ยว”

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องลักพาตัวเด็กคนนี้ นั่นก็เพราะพ่อของเขา “ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก” เป็นที่รู้จักในอเมริกาในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงมีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะนักขับเครื่องบินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก บินไปกลับรวดเดียวเป็นครั้งแรกของโลก! ได้รับรางวัลและตำแหน่งมากมาย, ชาร์ลส์ แต่งงานกับ แอนน์ สปอนเซอร์ มอร์โรว์ บุตรสาวเศรษฐีและท่านทูตประจำละตินอเมริกันให้กำเนิดบุตรชายคือ ชาร์ลส์ เอ. ลินด์เบิร์ก จูเนียร์

เมื่อได้รับแจ้งเหตุเด็กหาย นอร์แมน ชวาร์ซคอป์ฟ หัวหน้าตำรวจ และลูกน้องก็ได้เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุทีนที พร้อมตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบสวนพยาบาลพี่เลี้ยงชื่อ เบตตี้ กาวน์ เธอให้การว่าเด็กหายไปในช่วงเวลา 20.00-22.00 น. เพราะก่อนหน้านั้นเธออยู่กับเด็กตลอด แต่ช่วงเวลานั้นเธอไปทำธุระส่วนตัวตามปกติ

เจ้าหน้าที่แยกย้ายกันค้นหาร่องรอยตามจุดต่างๆ แต่คืนนั้นฝนตกหนักทำให้การหาเด็กน้อยเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ตำรวจก็พบหลักฐานหลายอย่าง คือรอยเท้าลึกลับอยู่นอกหน้าต่าง,รอยกดลึกของบันไดที่คนร้ายยกมาพาด และเมื่อส่งคนไปสำรวจทั่วๆ ก็พบบันไดไม้ที่หักเป็นสามส่วนมันถูกทิ้งอยู่บนถนนเล็กๆ พร้อมรอยยางรถยนต์บนถนน



จดหมายจากคนร้าย

จากนั้นตำรวจก็พบซองจดหมายซองหนึ่งเสียบอยู่ระหว่างที่หน้าต่าง จดหมายเขียนไว้ว่าต้องการเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 50,000 ดอลล่าร์ หลังจากเมื่อข่าวการลักพาตัวหนูน้อยลินด์เบิร์กแพร่ออกสู่สาธารณะ มันก็กลายเป็นคดี ครึกโครมที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาเท่าที่มีการเกิดกรณีลักพาตัวเกิดขึ้นทันที ตำรวจถูกส่งมารักษาความปลอดภัย สำนักข่าวก็คอยมาทำข่าวอยู่เรื่อยๆ ประชาชนหลายคนต่างเขียนจดหมายให้กำลังใจ คนมีชื่อเสียงก็ช่วยกันประกาศตามจับตัวผู้ร้ายพร้อมเงินรางวัล

ระหว่างที่ทุกคนรอคอยการติดต่อของคนร้ายอย่างใจจดใจจ่อ จอห์น เอฟ. คอนดอน (อดีตอาจารย์มหาลัยและนักเขียนที่มีบุคลิกภาพแปลกๆ) เสนอตัวเข้ามาเป็นคนทำหน้าที่เป็นคนกลางสื่อสารระหว่างครอบครัวลินด์เบิร์กกับคนร้าย เขาเริ่มลงประกาศลงนสพ. “New York American” เพื่อติดต่อกับคนร้ายและใช้สื่ออื่นๆ ติดต่อทั้งหน้าโฆษณาและใบปลิวทั่วนิวเจอร์ซี จนสามารถติดต่อคนร้ายได้



จอห์น เอฟ. คอนดอน

หลายครั้งที่ คอนดอน ได้รับจดหมายจากคนร้ายจนนัดเจอกัน ต่างคนต่างถามถึงเงินและตัวเด็ก คนร้ายไม่พอใจที่ไม่เห็นเงินเพราะคอนดอนบอกต้องเห็นตัวเด็กก่อนถึงจะให้เงิน ทำให้คนร้ายพูดถึงบุคคลที่ 3 ขึ้นมานั่นแสดงว่าต้องมีอีกหลายคนที่ร่วมมือกับเขา จนครั้งต่อมาคนร้ายส่งจดหมายมาว่าขอเพิ่มจำนวนเงินเป็น 100,000 ดอลลาร์ ให้เขาเตรียมเงินให้พร้อม

เมษายน ปี ค.ศ. 1932 จดหมายฉบับที่ 11 ถูกส่งมาอีกครั้งเพื่อมาแลกเงินค่าไถ่กับตัวเด็กน้อย ในคืนนั้นคอนดอนและคนร้ายเจอกันอีกครั้งที่สุสาน (ลินด์เบิร์ก พ่อของเด็กก็ไปด้วยแต่รออยู่ในรถ) คอนดอนของลดเงินค่าไถ่เหลือ 50,000 ดอลลาร์ ซึ่งคนร้ายก็ตกลง เมื่อคอนดอนยื่นเงินให้ คนร้ายก็ยื่นซองจดหมายมาให้อีกเช่นเคย โดนคนร้าย กำชับว่าห้ามเปิดอ่านก่อนหกชั่วโมงหลังจากนี้ หลังจากนั้นก็แยกตัวกันไป

เมื่อคอนดอนและลินด์เบิร์กออกเดินทางจากสุสาน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเปิดซองทันที ข้างในเขียนไว้ว่า “เด็กอยู่บนเรือเล็กชื่อเนลลี่ เรือจะอยู่ระหว่างชายหาดฮอร์สเน็คกับเกย์เฮด ใกล้เกาะเอลิซาเบธ” ครอบครัวลินด์เบิร์ก คอนดอน และตำรวจรีบไปยังจุดนั้น แต่ทุกคนกลับพบว่าไม่มีเรือเนลลี่ที่นั่น ไม่มีเงาของเด็กน้อย ทุกคนถูกหลอก และคนร้ายก็เชิดเงินไปได้อย่างลอยนวล แล้วชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก จูเนียร์ อยู่ที่ไหน?



หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็พยายามสืบหาตัวหนูน้อยลินด์เบิร์กต่อไป จนวันที่ 12 พฤษภาคม เกือบเดือนครึ่งหลังจากคนร้ายได้เงินไป คนขับรถบรรทุกและผู้ช่วยพบศพเด็กน้อยคนหนึ่งในป่าโดยบังเอิญ ซึ่งห่างจากบ้านของลินด์เบิร์กไปราวๆสี่ไมล์ เมื่อได้รับแจ้งทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็ไปยังจุดนั้นทันที

ผู้พบศพทั้งสองคนเล่าว่า สภาพศพนั้นน่าเวทนามาก เน่าเปื่อยจนมองไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไร ศพถูกฝังในดินอย่างลวกๆ จนถูกสัตว์และแมลงกัดแทะกินเนื้อไปจนเกือบเหลือแต่กระดูก นอกจากศพของเด็กคนหนึ่งแล้ว พบสิ่งของช่างไม้ บันไดไม้ และกระดาษโน้ตอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบรอยเท้าและรอยนิ้วมือเลย

จากการชันสูตรศพ เจ้าหน้าที่รายงานว่าเป็นศพเด็กอายุราว 1-2 ขวบ พบรูเล็กๆ ที่ส่วนล่างของกะโหลกซึ่งไม่ใช่รูของกระสุนปืน จึงสันนิษฐานว่า เกิดขึ้นหลังจากเด็กเสียชีวิตไปแล้ว แพทย์พบรอยร้าวที่กะโหลกสี่รอยกับเลือดที่แข็งตัวติดอยู่ตามรอยเหล่านั้น จึงได้ข้อสรุปว่าเด็กคนนี้เสียชีวิตจากการที่ศีรษะกระทบของแข็งจนกะโหลกร้าว และเมื่อดูจากสภาพศพที่เน่าเปื่อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เด็กถูกลักพาตัวไปจนถึงวันที่พบศพแล้วจะใกล้เคียงกัน ซึ่งหมายความว่าเด็กเสียชีวิตไปตั้งแต่คืนที่ถูกลักพาตัวไปครั้งแรกแล้ว!

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ มั่นใจว่าเป็นศพของชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก จูเนียร์ จริง คือบนตัวศพมีเสื้อตัวเล็ก ๆ ที่ศพนั้นสวมอยู่ และผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่าใช่เสื้อชั้นในที่เด็กสวมในคืนสุดท้ายก่อนที่จะถูกลักพาตัวไป



เมื่อเกิดคดีลักพาตัวนี้ขึ้น เอฟบีไอก็เข้ามาช่วยสืบคดี (กลายเป็นคดีระดับชาติ) สอบถามธนาคารเพื่อตรวจสอบหมายเลขธนบัตรเงินค่าไถ่ วิเคราะห์บันไดไม้ที่คนร้ายใช้ก่อคดี ลายมือในจดหมาย รวมถึงภาพสเก็ตที่คอนดอนบอกลักษณะคนร้ายที่เขานัดเจอ

จนวันที่ 1 พฤษภาคม มีการใช้เงินจ่ายค่าน้ำมันรถ ผู้จัดการปั๊มสงสัยเพราะเงินค่าไถ่นั้นมีลักษณะพิเศษคือมีแถบสีทอง จึงส่งข้อมูลให้ตำรวจ และตรวจสอบประวัติพบว่ารถคนนั้นเปนของ นายริชาร์ด ฮอมป์ตแมนน์ อายุ 35 ปี ที่สำคัญเขาเป็นช่างไม้! เป็นคนเยอรมันที่พยายามลักลอบเข้าอเมริกา เป็นทหารสมัย WW1 มีคดีปล้น ติดคุกนับไม่ถ้วน เมื่อก่อนเป็นช่างไม้ แต่พักหลังเพื่อนบ้าน สังเกตุว่าเขารวยผิดหูผิดตาแม้ไม่ทำงาน



นายริชาร์ด ฮอมป์ตแมนน์

การตัดสินใช้เวลาต่อเนื่องถึงหกสัปดาห์ เมื่อถูกจับเขาก็ยังไม่รับสารภาพว่าเป็นคนลักพาตัวและฆ่าเด็กน้อย ทั้งๆที่มีพยานกว่า 162 คน กับหลักฐานวัตถุกว่า 381 ชิ้น 13 กุมภาพันธ์ 1935 สำนวนทั้งหมดถูกส่งไปยังคณะลูกขุนเพื่อตัดสิน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จำเลยมีความผิดจริง ต้องโทษประหารชีวิต และจำเลยยังคงไม่รับสารภาพ ศาลจึงไม่มีความปรานี

ฮอมป์ตแมนน์ยังคงขอร้องต่อศาลให้ศาลอภัยโทษโดยมีข้อเสนอคือยอมรับสารภาพ แต่ศาลไม่รับฟังเพราะการกระทำของฮอมป์ตแมนน์นั้นเป็นการจำนนต่อหลักฐานไม่ใช่สำนึกผิดแต่อย่างใด

3 เมษายน 1936 ฮอมป์ตแมนน์ถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า เขาถูกนำไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเมื่อเวลา 8 โมงเช้า 45 นาที หลังจากยื่นอุทธรณ์หนึ่งปีเศษหลังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการปิดคดีดัง “การลักพาตัวแห่งศตวรรษ” ทันที หลังจบคดี หน่วยงาน FBI ได้รับคำชมอย่างล้นหลามเต็มๆ ที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพ สามารถหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้ ทั้ง ๆ ที่คดีนี้มือแปดด้านแท้ ๆ

4.ที่สุดญี่ปุ่นฆาตกรรม จุนโกะ ฟูรุตะ

เรื่องจริงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ จุนโกะ ฟูรุตะ (junko furuta)?เด็กผู้หญิงอาย 17 ปีที่อีกไม่กี่วันข้างหน้าเธอจะจบการศึกษา งานดีๆ กำลังรอเธออยู่ แต่เธอกับถูกเด็กวายร้าย 4 คน อายุประมาณ 16-18 ปี จับตัว แล้วเธอไปกักขังบ้านของหนึ่งเด็กชายวายร้าย และนั้นคือจุดเริ่มต้นของนรกบนดิน

จุนโกะ ฟูรุตะ เกิดในปี 1972 ในเมืองมิซาโตะ จังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น เธอเป็นลูกสาวคนญี่ปุ่นที่ค่อนข้างยากจน และเธอก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่กระนั้นเธอก็น่ารักและอัธยาศัยดีเป็นที่รักของเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนบ้าน ชีวิตของเธอเป็นก็เหมือนเด็กนักเรียนหญิงทั่วๆ ไป มีชีวิตสนุกสนามตามประสาวัยรุ่น เธอไม่เคยมีประสบการณ์การมีเพศสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น เธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดหรือไปสถานที่ล่อแหลม อย่างมากก็ไปสวนสนุกตามประสาหญิงสาวทั่วไป



แต่ช่างโชคร้ายที่เธอดันมีเพื่อนชายที่ชื่อมิยาโนะ ฮิโรชิ (ภาพแรก) ในเวลานั้นเขามีอายุ 18 ปี เขาแอบหลงรักจุนโกะ แต่ฮิโรชินั้นเป็นเด็กไม่เอาไหน แถมยังเป็นสมาชิกชั้นต่ำของยากูซ่า เขาขาดเรียนบ่อยครั้ง และมีชื่อเสียงเป็นนักเรียนนักเลงที่รักความรุนแรง

วันที่ 22 พฤศจิกายน 1988 ฮิโรชิและเพื่อนสามคนของเขา ซึ่งเพื่อนของฮิโรชิประกอบไปด้วยมินาโตะ โนบุฮารุ อายุ 16 ปี (ภาพที่สอง) , โจ คามิเซคุ อายุ 17 ปี (เพื่อนจากโตเกียวและมีคดีติดตัวเพิ่งออกจากคุก ภาพที่ 3) และ ยาสุชิน วาตานาเบ้ (ไม่ทราบอายุ แต่คาดว่ายังเป็นเยาวชน)

ฮิโรชิ บอกจุนโกะว่า อยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว และเมื่อเธอไปพบว่าเขาพาเพื่อนมาด้วย เพื่อนของฮิโรชิหน้าตาอย่างกับโจรยากูซ่าทำให้ เธอรู้สึกกลัวและพยายามหนี แต่เธอกลับโดนสี่คนนั้นจับและลักพาเธอไปกักตัวที่บ้านมินาโตะ โนบุฮารุ ที่อาดาจิ โตเกียว(ตอนแรกหนังสือพิมพ์ใช้ชื่อเรียกมินาโตะว่า เด็กชาย C) จากนั้นฮิโรชิก็บอกติดต่อไปที่บ้านว่าเขาหนีออกจากบ้านไม่ต้องตามหา ซึ่งด้วยความเป็นลูกน้องของยากูซ่า ทำให้พ่อแม่ของฮิโรชิกลัวจนไม่แจ้งกับตำรวจว่าลูกชายของตัวเองหายไป ส่วนผู้ปกครองที่บ้านโนบุฮารุก็พวกเขาหลอกไปว่าเธอเป็นแฟนของเขา



สิ่งแรกที่เด็กวายร้ายสี่คนทำกับหญิงสาว คือบังคับให้ เด็กหญิงโทรไปบอกที่บ้านว่าอยู่บ้านเพื่อน จากนั้นมหกรรมนรกจึงเริ่มขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดมีการถ่ายภาพเอาไว้ด้วย(ซึ่งกลายเป็นหลักฐานในเวลาต่อมา)
จากนั้นหญิงสาวก็ถูกรุมข่มขื่น ว่ากันว่าฮิโรชิได้พาคนอื่นๆ มาร่วมวงด้วย ในช่วงแรกๆ ที่เธอโดนลักพาตัวมานั้นเธอโดนข่มขื่นมากกว่าห้าร้อยครั้งโดยผู้ชายกว่าร้อยคน!! หลังจากนั้นจุนโกะก็กลายเป็นของเล่นสำหรับเด็กวายร้ายทั้งสี่คน และเรื่องราวทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ไดอารี่ 44 วันของจุนโกะ ต่อไปนี้

วันที่หนึ่ง : 22 พฤศจิกายน 1988 : ลักพาตัว เธอถูกลักพาตัวโดยหนึ่งในสี่คนร้าย(ต่อไปนี้ขอเรียกว่าสัตว์นรกนะครับ) เธอถูกกักขังไว้ในบ้าน จากนั้นเธอถูกเปลือกกายและโดนข่มขืน(ยาวนานประมาณ 400 นาที ผมยังสงสัยเลยว่าเจ้าพวกนั้นมันจับเวลาด้วยเหรอนี้) เธอถูกบังคับให้โทรไปบอกที่บ้านว่าเธออยู่ที่บ้านเพื่อนไม่ต้องออกตามหา เธออดอยากและภาวะทุพโภชนาการ(สถาวะร่างกายอ่อนแอเพราะรับอาหารน้อยเกินไป) จนเป็นเหตุทำให้เธอต้องกินแมลงสาปและปัสสาวะ เธอถูกบังคับให้สำเร็จความใคร่ บังคับเธอช่วยตนเองต่อหน้าคนอื่น(สัตว์นรก) เผาด้วยไฟแช็คบุหรี่ และวัตถุต่างๆ ยัดใส่ในช่องคลอดและทวารหนักของเธอ



ผ่านไปสิบเอ็ดวัน : 1 ธันวาคม 1988 : ถูกซ้อมอย่างรุนแรงนับไม่ถ้วน ใบหน้าของเธอแนบลงกับพื้นซีเมนต์เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด เนื่องจากเธอโดนต่อยไปหน้านับไม่ถ้วน จากนั้นมือของเธอผูกติดกับกระดานและร่างกายของเธอกลายเป็นกระสอบทรายสำหรับแตะต่อย จมูกเต็มไปด้วยเลือดจนเธอหายใจแทบไม่ออกจนต้องใช้ปากหายใจแทน ดับเบิลที่ใช้สำหรับออกกำลังกายถูกหย่อนลงท้องของเธอ เธอสำรองอาเจียนทุกครั้งเมื่อพยายามดื่มน้ำ(ท้องของเธอไม่สามารถยอมรับได้) เธอพยายามหลบหนีแต่จับได้เลยถูกซ้อม โดนลงโทษด้วยการเอาบุหรี่จี้ที่แขน เอาของเหลวไวไฟเทบนเท้าและขาของเธอและจุดไฟเผา และเอาขวดสอดใส่ถวารหนักของเธอจนบาดเจ็บ

ผ่านไปยี่สิบวัน : 10 ธันวาคม 1988 : เธอไม่สามารถเดินได้เพราะขาถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง เธอถูกตีด้วยไม้ไผ่ ถูกเอาดอกไม้ไฟยัดใส่ในทวารหนักและจุดไฟ เธอถูกทุบที่มือและเล็กจนแตกยับ ถูกตีด้วยไม้กอล์ฟ และเอาบุหรี่ยัดลงในช่องคลอด ถูกตีด้วยเหล็กซ้ำ เธอถูกบังคับให้นอนนอกระเบียงทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาว และถูกยัดโดยไม้เหล็กเสียบไก่ย่างลงในช่องคลอดและถวารหนักจนเลือดออกอย่างรุนแรง

ผ่านไปสามสิบวัน : เทียนร้อนๆ หยดใส่หน้า เปลือกตาของเธอถูกเผาด้วยไฟแช็ก แทงด้วยเข็มเย็บผ้าที่บริเวณหน้าอก หัวนมซ้ายถูกตัดและถูกย่ำยีด้วยคีม สัตว์นรกเอาหลอดไฟยัดที่ช่องคลอดของเธอ เลือดออกจากช่องคลอดอย่างหนักเพราะสัตว์นรกเอากรรไกรยัด จนเธอไม่สามารถปัสสาวะแบบปกติได้ เธอต้องใช้เวลากว่าชั่วโมงเพื่อลงข้างล่างและใช้ห้องน้ำ เยื่อแก้วหูเสียหายอย่างรุนแรง สมองไ ด้รับกระทบกระเทือนอย่างหนัก

ผ่านไปสี่สิบวัน : เธอทรมานและขอร้องให้ฆ่าฉัน 1 มกราคม 1989 สภาพร่างกายของเธอเละอย่างน่าสงสาร เธอแทบไม่สามารถขยับตัวได้

ผ่านไปสี่สิบสี่วัน : 4 มกราคม 1989: สัตว์นรก(ที่มีคำนำหน้าว่าเด็กชาย)บังคับเธอให้เล่นเกมส์ mah jong(เกมส์ไพ่บนกระดานญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง) และรางวัลที่ได้จากเกมส์นึ้คือการทำให้ร่างกายเธอพิการด้วยดับเบิ้ลออกกำลังกายรุมตีเธออย่างทารุณ ตอนนั้นเธอเลือดออกมากทั้งจมูกและปาก แต่พวกสัตว์นรกนี้ไม่วายเอาน้ำตาเทียนหยดใส่ตาและใบหน้าของเธอ เธอขอร้องให้ฆ่าเธอดีกว่า และพวกสัตว์นรกนั้นก็เอาน้ำมันเทลงใบหน้าแขนขาและท้องแล้วจุดไฟเผา ไฟลุกไหม้ เธอตายอย่างทรมาน สิ้นสุด 44 วันนรกบนดิน

เมื่อเธอตายแล้วทั้งสี่ก็เอาถังน้ำมันแบบ 55 แกลลอน ยัดศพลงในถังและเทปูนซีเมนต์ แล้วเอาไปทิ้งที่ก่อสร้างที่โคโตะ, โตเกียว

เมื่อตำรวจพบศพของเธอ สภาพศพบ่บอกถึงความโหดร้ายทารุณอย่างสุดจะพรรณนาที่จะเขียนเป็นภาษาลงในกระดาษได้สภาพศพถูกไฟเผาไหม้ หน้าเละจนจำหน้าแทบไม่ได้ จากการชันสูตรพบว่ามีร่องรอยของน้ำอสุจิกว่าร้อยคน!! ที่ทวารหนักและช่องคลอดของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอได้รับความทุกข์ทรมานสุดจะพรรณนาก่อนสิ้นลม

เมื่อแม่ของเธอได้ยินข่าวและรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาว เธอแทบจะเป็นลม จนเธอต้องเข้า รักษาตนเป็นผู้ป่วยจิตเวช จนบัดนี้เธอยังไม่สามารถลืมได้กับความทรมานที่ลูกสาวของเธอได้รับ…

สุดท้ายสี่คนนั้นก็ถูกจับและตัดสิน แต่กฎหมายญี่ปุ่นเยาวชนที่มีความผิดนั้นโทษเบามาก สี่คนที่ว่าจำคุกเพียง 7-20 ปี เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่พร้อมกลับเข้าสู่สังคมอีกครั้ง มันไม่สาสมกับสิ่งที่มันได้กระทำกับสาวน้อยคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความหวังและอนาคตเลย ทำให้สื่อต่างๆ พยายามเรียกร้องหาความธรรมแก่ครอบครัวเหยื่อ บางสื่อเปิดเผยชื่อจริงของสัตว์นรกสี่คน โดยพวกเขาบอกว่า พวกนั้นไม่จำเป็นต้องมีสิทธิมนุษยชนหรอก และแล้วครอบครัวของสี่สัตว์นรกต้องขายบ้านได้เงินรวม 50 ล้านเยน และนำเงินนี้มอบให้ครอบครัวจุนโกะ

R.I.P
Spoil
Cr.Mthai.com  




เข้าร่วม: 16 May 2010
ตอบ: 3787
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 8:55 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
ขอบคุณนะครับ อ่านไม่จบอ่ะมันเจ็บไงไม่รู้ปกติผมอ่านได้นะสงสัยวันนี้ฟีลไม่ให้ คือหลายๆคนนี่พ่อแม่แทบขาดใจตายเลยนะ บางทีคือรอดมาหลังจากหลายปีนี่ก็คือสุดๆแล้วแบบจะผ่านอะไรมาแค่ไหนขอแค่ลูกยังอยู่ทั้งๆที่บางคนแม่งแบบตายทั้งเป็นอ่ะ พูดแล้วแบบ ไม่ควรมีใครต้องเจออะไรแบบนี้เลย
เข้าร่วม: 01 Nov 2010
ตอบ: 2492
ที่อยู่: MI6
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:03 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
ทำไมเลวเยี่ยงนี้
0
0
Always United ..
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 13966
ที่อยู่: ท้ายครัว จอห์น เฮนรี่
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:08 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
2เรื่องแรกมันทำเป็นหนังด้วยนี่คุ้นๆ
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 812
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:13 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
ggmm พิมพ์ว่า:
2เรื่องแรกมันทำเป็นหนังด้วยนี่คุ้นๆ  


ใช่แล้วครับ เอาไปสร้าง 2 เรื่อง
0
0




เข้าร่วม: 17 Jul 2007
ตอบ: 562
ที่อยู่: ใต้สุดแดนสยาม
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:15 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
อ่านแล้ว คิดถึงตัวเองเลย ถ้าโดนลักพาตัวไปด้วย ไม่รู้จะเป็นยังไง
0
0

เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 964
ที่อยู่: ในใจเสมอ
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:19 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
เรื่องที่ 3 นี้ไม่ไหวจริง ๆ เด็กขวบเศษมันยังทำได้ลง ผมมีลูกสาวนี้น้ำตาไหลเลยครับ
0
0
drogba-football-boots.png
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 2086
ที่อยู่: Hold your hand 4ever
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:20 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
คดีสุดท้ายนี่หดหู่มากจริงๆครับ
0
0
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 7577
ที่อยู่: soccersuck.com
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 9:33 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
จุนโกะ อ่านทีไรก็จิตตก
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 3320
ที่อยู่: MTC. & OTF.
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 10:01 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
คดีที่ 4 เหมือนก็มีเป็นหนังใช่มั้ยครับ อ่านแล้วหดหู่จัด
0
0
เข้าร่วม: 17 Feb 2015
ตอบ: 4761
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 10:11 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
3 เรื่องแรกรวมกัน คูณด้วย 10 ยกกำลังด้วย 2

ก็ยังไม่เท่าเรื่อง จุนโกะ
0
0
เข้าร่วม: 16 Sep 2013
ตอบ: 583
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 10:40 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
เหี้ยมทุกคดีจริงๆ

จุนโกะ ผมอ่านรอบแรกจบแล้วไม่เคยคิดจะอ่านซ้ำอีกเลย หดหู่ไป

0
0
เข้าร่วม: 28 Oct 2010
ตอบ: 1340
ที่อยู่: CAMP NOU , BARCELONA
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 10:56 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
RIP ให้กับจุนโกะครับ หวังว่าเธอจะหมดเวรหมดกรรม ได้เกิดและอยู่ในภพภูมิที่ดีนะครับ
0
0
BARCELONA & NEWCASTLE Supporter
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 32322
ที่อยู่: O_o
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 11:20 am
4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก
เรื่องช่างไม้ลักพาตัวคุ้นๆเหมือนเคยเห็นเป็นหนังนะ อ่านแล้วคุ้นมาก
0
0

เข้าร่วม: 13 Mar 2010
ตอบ: 485
ที่อยู่: เฮ๊อะเหอ
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 11:45 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
Megalomania พิมพ์ว่า:
เรื่องช่างไม้ลักพาตัวคุ้นๆเหมือนเคยเห็นเป็นหนังนะ อ่านแล้วคุ้นมาก  


เรื่อง J. Edgar ครับ เรื่องราวของต้นกำเนิด FBI


เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 32322
ที่อยู่: O_o
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 11:51 am
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
comewongsa พิมพ์ว่า:
Megalomania พิมพ์ว่า:
เรื่องช่างไม้ลักพาตัวคุ้นๆเหมือนเคยเห็นเป็นหนังนะ อ่านแล้วคุ้นมาก  


เรื่อง J. Edgar ครับ เรื่องราวของต้นกำเนิด FBI

 


อ้อเรื่องนี้นี่เอง เคยดูผ่านๆจาก TV
0
0

เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 8954
ที่อยู่: แอนฟิลด์
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 12:16 pm
4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก
อ่านจบทุกเรื่องนะ 3 เรื่องแรกอ่านไปในหัวนึกถึงพล็อตหนังต่างๆ ผมไม่เคยดูที่เขาเอามาสร้างเป็นหนังนะ

เรื่องสุดท้ายนี่โคตรหดหู่เลย ใช้สัตว์นรกยังไม่พอสำหรับ 4 ตัวนั้น
0
0
เข้าร่วม: 04 Jul 2009
ตอบ: 24461
ที่อยู่: On The Top Of The World
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 1:11 pm
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
คดีจุนโกะนี่พวกฆาตกรชาติชั่วสุดในสามโลกแล้ว

กฎหมายคุ้มครองเยาวชนนี่เป็นอะไรจังไรที่สุดบนพื้นพิภพจริงๆ
0
0
Better to light one candle than to curse the darkness

เข้าร่วม: 10 Nov 2014
ตอบ: 2281
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Feb 21, 2017 2:49 pm
[RE: 4 เรื่องจริงคดีลักพาตัวสุดโด่งดังทั่วโลก]
เรื่องที่ 4 นี้ไม่อยากอ่านรายละเอียดอีกรอบเลยจริงๆ คือมันเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ว่าพวกแมร่งเป็นสัตว์นรกจริงๆ ที่ทำกับคนๆนึงได้ขนาดนี้

0
0