25 สุดยอดแข้งไทยตลอดกาล โดย FourFourTwo TH Part4
อันดับที่ 9 ตำนานดาราเอเชียคนแรกผู้ล่วงลับในสนาม
อัศวิน ธงอินเนตร ผู้รักษาประตูในตำนานทีมชาติไทย ผู้ที่เป็นดาราเอเชียคนแรกของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย…
เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 8 ปี เขามีพรสวรรค์ด้านสปริงข้อเท้า และเคยเป็นนักกระโดดสูง แต่เพราะความรัก และอยากจะเล่นฟุตบอลทำให้เขากลายเป็นตำนาน…ปี พ.ศ. 2504 หรือ เมื่ออายุได้ 24 ปี เขาได้ลงเล่นให้กับทีมธรรมศาสตร์ ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณี ก่อนจะได้ร่วมทีมธนาคารกรุงเทพ และติดทีมชาติในปี พ.ศ. 2505 และได้เดินทางไปแข่งขันนัดฉลองเอกราชกับเวียดนามใต้เป็นรายการแรก ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเขาติดธงไตรรงค์มาโดยตลอด จนคว้าตำแหน่งผู้เล่นดาราเอเชียเป็นคนแรกประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ในปี พ.ศ. 2508 จากการประกาศของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี อีกทั้งยังเคยได้รับข้อเสนอเป็นเงินเดือน 8,000 บาท จากทีมในยุโรปด้วย
อัศวิน เป็นผู้รักษาประตูที่มีความกล้าตัดสินใจ และไม่กลัวการเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ แถมยังบัญชาการเกมรับ และมีจิตวิทยาที่ดีกับเพื่อนร่วมทีม… แต่ปีเดียวกับที่เขาได้รับข่าวดีว่าเป็นนักเตะดาราเอเชีย วงการลูกหนังไทยก็ต้องสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ อัศวิน ธงอินเนตร เข้าปะทะกับกองหน้าคู่แข่งในการแข่งขันอุ่นเครื่องกับธนาคารกรุงเทพ จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508
“วงการฟุตบอลสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่มีดาราเอเชีย อีกต่อไปแล้ว” นั่น คือ พาดหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 28 พฤศจิกายน
อันดับที่ 8 สุดยอดเพลเมคเกอร์
ธชตวัน ศรีปาน หรือ ที่รู้จักสมัยเป็นนักเตะว่า ตะวัน ศรีปาน คือหนึ่งในกองกลางจอมคลาสสิคตลอดกาลของไทยคนหนึ่ง… ในวัย 43 ปี ปัจจุบันเขาเป็นโค้ชให้กับเพื่อนตำรวจ จ่าฝูงดิิวิชั่น 1
...ชีวิตในวัยเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลของเขาไม่ได้พุ่งขึ้นมาเหมือนดาวรุ่งพุ่งแรงทั่วไป เขาเริ่มเล่นให้กับ สโมสรราชวิถี เมื่อปี พ.ศ. 2532 ก่อนย้ายไปเล่นให้กับธนาคารกรุงเทพ และทำผลงานได้ดีจนติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ “น้าชัช” ชัชชัย พหลแพทย์ ในปี พ.ศ. 2536
ปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ.2000) “แบน” ย้ายไปสร้างชื่อกับ เซมบาวัง ในเอสลีก สิงคโปร์ ค้าแข้งอยู่ 2 ปี ก่อนจะย้ายไปคว้าแชมป์วีลีกของเวียดนามกับ ฮองอันห์ยาลาย ในปี ค.ศ. 2004 และกลับมาอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน ในปี 2008 ก่อนแขวนสตั๊ดในปี และก้าวเข้ามามีบทบาทด้านผู้ฝึกสอนแทน
ทักษะ ลีลา การสัมผัสบอล การยิงประตูจากแถวสอง และความอัจฉริยะในฐานะมิดฟิลด์ของ “เดอะแบน” ทำให้เขาโด่งดังสุดๆ สมัยเล่นทีมชาติไทยยุคดรีมทีม เขายังเป็นเพื่อนสนิทของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง… ธชตวัน คว้ารางวัลกับทีมชาติไทยมากมาย ทั้งแชมป์คิงส์คัพ ปี 1994, เหรียญทอง ซีเกมส์ 3 สมัย 1995, 1997 , และ 1999, อันดับ 4 เอเชี่ยน เกมส์ 1998 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ, และ อาเซียน คัพ ปี 2000 ลงเล่นทีมชาติรวม 109 นัด ยิงไป 19 ประตูตามบันทึกของฟีฟ่า
และนักเตะที่ยิ่งใหญ่อย่างเขาก็ได้รับการจากลาที่งดงาม เมื่อสมาคมฯ จัดเทสติโมเนี่ยล แมตช์ ให้กับเขา ในเกมที่พบกับ นิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2552 ซึ่งเขายิงได้ 1 ประตูในนัดจากลา…
ผลงานทีมชาติไทยกว่า 100 นัด... ที่ฝากไว้จนตราตรึงหัวใจคนไทย ทำให้เขาเข้ามาอยู่ในโผนั่นเอง
อันดับที่ 7 ต้นตำหรับจอมโขกเอเชีย “หลอเรดาห์”
พิชัย คงศรี อดีตหัวหอกจอมโหม่งพังประตูคู่แข่งของทีมชาติไทย… เขา คือ เจ้าของตำแหน่งดาราเอเชีย และอดีตเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของทีม “บัวหลวง” ธนาคารกรุงเทพ
วัยเด็กของ “หลอเรดาร์” …เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน ย่านสลัมแถวราชวัตร…คุณพ่อ ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกรมสรรพสามิตร รับเงินเดือนละ 800 บาท และต้องดูแลทุกคนในครอบครัว
พิชัย คงศรี พยายามใช้ฟุตบอลดึงตัวเองออกจากคำว่ายากจน และแรงจูงใจที่ทำให้เขาเดินไปได้ สุดทาง คือ การได้เห็นเสื้อฟุตบอลของ “น้าชัช” ชัชชัย พหลแพทย์ ที่พี่สาวนำมาซัก-ตากอยู่ตรงหน้า
“หลอเรดาร์” เริ่มเข้าสู่รั้วโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ก่อนที่จะถูกธนาคารกรุงเทพ ดึงตัวไปร่วมทีมเยาวชนของสโมสร และได้มีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในวัย 17 ปีเศษเท่านั้น... เขาพา ธ.กรุงเทพ ประสบความสำเร็จฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ก. ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง เขาก็เริ่มศึกษาวิธีการใช้ศีรษะพังประตูจากนักเตะระดับโลกอย่าง เคล๊าส์ ฟิชเฟอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติเยอรมัน...
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พิชัย คงศรี ติดทีมชาติไทยเกือบทุกชุด ไล่ตั้งแต่ นักเรียนไทยชุดแรก จนถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่ สร้างผลงานในระดับชาติได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเล่นได้อย่างเข้าขากับ เฉลิมวุฒิ สง่าพล จนทั้งคู่มีชื่อติดทีมดาราเอเชีย ก่อนที่ “หลอเรดาร์” จะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้ไปค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลเทยิน ในประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบัน พิชัย คงศรี วัยย่าง 60 ปี ใช้เวลาในการทำงานที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมกับการสอนฟุตบอลเด็กๆและเยาวชน…แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมายาวนานเท่าไหร่ “หลอเรดาร์” คนนี้ ยังเป็นผู้เล่นที่ใช้ศีรษะในการโหม่งทำประตูได้ดีที่สุดตลอดกาล ของวงการลูกหนังไทยอย่างไร้ข้อกังขา
อันดับที่ 6 “เกล็นฮ็อดเดิ้ลเมืองไทย”
เฉลิมวุฒิ สง่าพล...มิดฟิลด์เท้าชั่งทอง อดีตกองกลางทีมชาติไทย เกิดขึ้นเพราะความแม่นยำในการเปิดบอลราวจับวาง ตลอด 10 ปีบนถนนสายลูกหนังของเขา (พ.ศ. 2522-2533) ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางไปทั่วทวีปเอเชีย
เฉลิมวุฒิ สง่าพล เป็นคนกรุงเทพฯ เริ่มเล่นฟุตบอลตอนอายุ 10 ปี เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรธนาคารกรุงเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2519 และได้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2522 ด้วยวัยเพียง 21 ปี ไปร่วมแข่งขันรายการ ปัค จุง ฮี (เพรสซิเด้นท์ คัพ) ระหว่างปี พ.ศ. 2524 - 2529 เขายึดตัวจริงในตำแหน่งกองกลางมาโดยตลอด การเล่นฟุตบอลด้วยมันสมองล้วนๆ และการเปิดบอลที่แม่นยำทำให้เขาได้รับฉายาจาก “ย.โย่ง” เอกชัย นพจินดา อดีตคัมภีร์ฟุตบอลไทยผู้ล่วงลับว่า “เกล็นฮ็อดเดิ้ลเมืองไทย” (ในยุคนั้น เกล็น ฮ็อดเดิ้ล อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษโด่งดังมาก และทั้งคู่มีสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน)
หนุ่ย-เฉลิมวุฒิ คว้าแชมป์คิงส์คัพถึง 4 สมัย คือ ปี พ.ศ. 2524, 2525, 2526,2532 และเหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย คือ ปี 2524, 2526, 2528 นอกจากนี้ยังเคยได้รับเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ให้เป็นดาราเอเชีย แต่เขายุติบทบาทของตัวเองลงในปี พ.ศ. 2533 เพราะอาการบาดเจ็บ พร้อมทิ้งสถิติลงเล่นให้กับทีมชาติร่วม 180 นัด ยิงได้ 18 ประตู
ปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ ศรีสะเกษ เอฟซี ในไทยพรีเมียร์ลีก
เดี่ยวพบกับอันดับ 5-1 ครับ
