ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 04 Dec 2014
ตอบ: 4200
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:37 pm
พระราชวังต้องห้าม

พระราชวังต้องห้ามหรือพระราชวังกู้กง the Imperial Palace หรือ The Palace Museum หรือ The Forbidden City ชื่อเก่าชื่อ “จื่อจิ้นเฉิง” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ทางทิศเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน
พระราชวังต้องห้าม เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1406 (ปีที่ 4 รัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อของ
ราชวงศ์หมิง) สร้างเสร็จเมื่อปี 1420 ใช้เวลาประมาณ 14 ปี ทั้งสี่ด้านของพระราชวังต้องห้ามมีกำแพงที่มีความสูงสิบกว่าเมตรและยาวโดยรอบ จึงเป็นเมืองที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม นอกวังมีคูวังที่มีความกว้างราวห้าสิบเมตรล้อมรอบ พระราชวังต้องห้ามมีทั้งหมดสี่ประตู ประตูทิศใต้…อู่เหมิน ประตูทิศตะวันออก…ตงหวาเหมิน ประตูทิศตะวันตก…ซีหวาเหมิน ส่วนทิศเหนือ…เสินอู่เหมิน โดยทิศนี้ติดกับมีภูเขาจิ่งซานซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยดินและหิน และครอบคลุมไว้ด้วยป่าต้นสนและต้นไป่ มองโดยรวม ภูเขาจิ่งซานนับว่าตามหลักฮวงจุ้ย ด้านหน้ามีแม่น้ำเล็กๆ ชื่อว่า The Golden river

พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 720,000 ตารางเมตร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีอาคารทั้งหมดกว่าแปดร้อยหลัง ห้องทั้งหมดกว่าเก้าพันห้อง พระที่นั่งหลายสิบองค์ ในอดีตจักรพรรดิจะประทับอยู่ที่นี่ โดยมีสนมนางใน ขันที ข้าหลวงรับใช้ซึ่งอาศัยอยู่นับหมื่นชีวิต

การก่อสร้างนั้นใช้เวลาสิบกว่าปีใช้ช่างและแรงงานมากมาย ใช้วัตถุดิบจำนวนมากทั้งไม้เนื้อดีจากเมืองต่างๆ หินและอิฐปูพื้น ซึ่งใช้ระยะเวลาและแรงงานอีกทั้งยุ่งยากในการขนส่งเป็นอย่างมาก สิ่งก่อสร้างส่วนมากสร้างด้วยไม้ในระหว่างการก่อสร้างจึงเกิดไฟไหม้ไปหลายครั้งจนต้องสร้างใหม่ ส่วนหลังคานั้นมุงกระเบื้องเคลือบสี และยังมีภาพวาดใต้ชายคาอย่างงดงามบรรจงอีกด้วย

พระราชวังต้องห้ามจะเข้าทางจตุรัสเทียนอันเหมิน ผ่านประตูต่วนเหมิน มาจนถึงประตูอู่เหมิน ส่วนต่างๆ ในพระราชวังนั้น ด้านภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือวังนอกและวังใน โดยทั้งสองส่วนนั้นจะมีประตูเฉียนชิงเหมิน เป็นเส้นแบ่ง ทางใต้คือวังนอก ทางเหนือคือวังใน

วังนอกนั้นเป็นส่วนของพระที่นั่งต่างๆ เมื่อผ่านเข้าไปจะพบแม่น้ำทองคำ จุดเด่นประกอบด้วยอาคารตำหนักสามหลัง พระตำหนักไท่เหอ ซึ่งเป็นตำหนักที่ใหญ่สุดหรูหราที่สุดในราชวัง ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาว ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาวแกะสลักสวยงาม หลังคาสองชั้นมุงกระเบื้องสีทองสวยงาม ด้านในมีบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการ ต้อนรับแขกเมืองและพิธีการสำคัญ ถัดไปนั้นเป็นพระตำหนักจงเหอ เป็นพระตำหนักทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลม ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนก่อนออกว่าราชการตรวจเอกสารฎีกา และงานพิธีการสำคัญภายใน และตำหนักสุดท้ายคือพระตำหนักเป่าเหอ ขนาดประมาณพระตำหนักจงเหอ มีบัลลังก์ที่งดงาม ตำหนักนี้ใช้สำหรับงานพิธีสำคัญรองลงมา เช่นเลี้ยงรับรองขุนนางหัวหน้าเผ่า พิธีเสกสมรสโอรสธิดา และใช้เป็นสถานที่สอบจอหงวน

ส่วนวังในนั้นถือเป็นเขตหวงห้ามสำหรับบุรุษ ซึ่งบุรุษที่เข้าได้นั้นจะมีเฉพาะขันทีเท่านั้น ภายในนี้มีพระตำหนักสำคัญคือ พระตำหนักเฉียนชิง เป็นที่ประทับของจักรพรรดิ อีกทั้งเป็นส่วนประทับส่วนประองค์ ทั้งห้องทรงพระอักษร ด้านตะวันตกเฉียงใต้มีพระที่นั่งหยางซินเตี้ยน เป็นพระที่นั่งรับรองขุนนางส่วนพระองค์ของจักรพรรดิ พระนางซูสีไทเฮาเคยใช้ตำหนักนี้เป็นสถานที่ว่าราชการด้วย

ส่วนของพระอัครมเหสี จะมีพระที่นั่งเจียวไท่ ซึ่งเป็นพระที่นั่งรับรองของพระอัครมเหสี พระตำหนักคุนหนิงซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระอัครมเหสี ส่วนที่เหลือจะเป็นอุทยานที่ประทับพักผ่อน ซึ่งมีภูเขาหิน ต้นสน หอชมวิว เก๋ง ศาลา และอาคารตำหนักเล็กๆ ที่ประทับของพระราชวงค์และพระโอรสธิดา

พระราชวังต้องห้ามถือเป็นสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่กว้างและใหญ่โตที่สุด สมบูรณ์ที่สุดในโลก แม้ว่าปัจจุบันประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วแต่…สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสัญษลักษณ์บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในยุคอดีตของแผ่นดินแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นมรดกโลกในนาม ‘พระราชวังหลวงแห่งราชวงค์หมิงและราชวงค์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง’
CR:http://smmpublishing.com/
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 3409
ที่อยู่: ในใจคุณ
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:39 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ยาวไปไม่อ่าน

เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2672
ที่อยู่: ในม๊อบ
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:39 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ชอบ + เหลือเยอะ

เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 3125
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:40 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ทำไม ถึงชื่อว่า พระราชวังต้องห้ามอะครับ ห้ามอะไร?
1
0



เข้าร่วม: 06 Apr 2014
ตอบ: 5228
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:42 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ยาวจัง แต่ขอบคุนคับบ
1
0
Liverpool Till I Die #gerrard #captain #no.8 #1998-2015 #thank you






เข้าร่วม: 15 Oct 2013
ตอบ: 19960
ที่อยู่: Barcelona
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:46 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ยาวไป ก้อ่านนะ
1
0

เข้าร่วม: 04 Dec 2014
ตอบ: 4200
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:46 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
gongon27151 พิมพ์ว่า:
ทำไม ถึงชื่อว่า พระราชวังต้องห้ามอะครับ ห้ามอะไร?  

สมัยก่อนเป็นเขตหวงห้าม ประชาชนห้ามเข้าครับราชกาลชั้นสูงก็ต้องขออนุญาตก่อน นี้คือที่มา
เข้าร่วม: 04 Dec 2014
ตอบ: 4200
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:47 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
Plz พิมพ์ว่า:
ยาวไป ก้อ่านนะ  

ดีมากคนอ่านอย่างน้อยๆก็ได้ฟามรู้ใหม่ๆ
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 27746
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:48 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
สั้นไปไม่อ่าน
1
0

เข้าร่วม: 04 Jan 2007
ตอบ: 16630
ที่อยู่: ร้านขายยาร้านหนึ่ง
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:49 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]

กว้างไป ไม่อ่าน
0
0



เข้าร่วม: 22 Oct 2013
ตอบ: 7179
ที่อยู่: อยากรู้ไปทำไม?
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 4:52 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ชินจัง ไม่อ่าน
1
0
เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 3125
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 5:15 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ไต้เฮียบ พิมพ์ว่า:
gongon27151 พิมพ์ว่า:
ทำไม ถึงชื่อว่า พระราชวังต้องห้ามอะครับ ห้ามอะไร?  

สมัยก่อนเป็นเขตหวงห้าม ประชาชนห้ามเข้าครับราชกาลชั้นสูงก็ต้องขออนุญาตก่อน นี้คือที่มา  


ขอบคุณครับ
0
0



เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 3006
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 5:17 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ย่อให้ทีครับ
0
0
เข้าร่วม: 06 Mar 2010
ตอบ: 7194
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 5:18 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
Little DraKe V.4 พิมพ์ว่า:
ย่อให้ทีครับ  


พระราชวังต้องห้ามหรือพระราชวังกู้กง the Imperial Palace หรือ The Palace Museum หรือ The Forbidden City ชื่อเก่าชื่อ “จื่อจิ้นเฉิง” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ทางทิศเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน
พระราชวังต้องห้าม เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1406 (ปีที่ 4 รัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อของ
ราชวงศ์หมิง) สร้างเสร็จเมื่อปี 1420 ใช้เวลาประมาณ 14 ปี ทั้งสี่ด้านของพระราชวังต้องห้ามมีกำแพงที่มีความสูงสิบกว่าเมตรและยาวโดยรอบ จึงเป็นเมืองที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม นอกวังมีคูวังที่มีความกว้างราวห้าสิบเมตรล้อมรอบ พระราชวังต้องห้ามมีทั้งหมดสี่ประตู ประตูทิศใต้…อู่เหมิน ประตูทิศตะวันออก…ตงหวาเหมิน ประตูทิศตะวันตก…ซีหวาเหมิน ส่วนทิศเหนือ…เสินอู่เหมิน โดยทิศนี้ติดกับมีภูเขาจิ่งซานซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยดินและหิน และครอบคลุมไว้ด้วยป่าต้นสนและต้นไป่ มองโดยรวม ภูเขาจิ่งซานนับว่าตามหลักฮวงจุ้ย ด้านหน้ามีแม่น้ำเล็กๆ ชื่อว่า The Golden river

พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 720,000 ตารางเมตร รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีอาคารทั้งหมดกว่าแปดร้อยหลัง ห้องทั้งหมดกว่าเก้าพันห้อง พระที่นั่งหลายสิบองค์ ในอดีตจักรพรรดิจะประทับอยู่ที่นี่ โดยมีสนมนางใน ขันที ข้าหลวงรับใช้ซึ่งอาศัยอยู่นับหมื่นชีวิต

การก่อสร้างนั้นใช้เวลาสิบกว่าปีใช้ช่างและแรงงานมากมาย ใช้วัตถุดิบจำนวนมากทั้งไม้เนื้อดีจากเมืองต่างๆ หินและอิฐปูพื้น ซึ่งใช้ระยะเวลาและแรงงานอีกทั้งยุ่งยากในการขนส่งเป็นอย่างมาก สิ่งก่อสร้างส่วนมากสร้างด้วยไม้ในระหว่างการก่อสร้างจึงเกิดไฟไหม้ไปหลายครั้งจนต้องสร้างใหม่ ส่วนหลังคานั้นมุงกระเบื้องเคลือบสี และยังมีภาพวาดใต้ชายคาอย่างงดงามบรรจงอีกด้วย

พระราชวังต้องห้ามจะเข้าทางจตุรัสเทียนอันเหมิน ผ่านประตูต่วนเหมิน มาจนถึงประตูอู่เหมิน ส่วนต่างๆ ในพระราชวังนั้น ด้านภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือวังนอกและวังใน โดยทั้งสองส่วนนั้นจะมีประตูเฉียนชิงเหมิน เป็นเส้นแบ่ง ทางใต้คือวังนอก ทางเหนือคือวังใน

วังนอกนั้นเป็นส่วนของพระที่นั่งต่างๆ เมื่อผ่านเข้าไปจะพบแม่น้ำทองคำ จุดเด่นประกอบด้วยอาคารตำหนักสามหลัง พระตำหนักไท่เหอ ซึ่งเป็นตำหนักที่ใหญ่สุดหรูหราที่สุดในราชวัง ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาว ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาวแกะสลักสวยงาม หลังคาสองชั้นมุงกระเบื้องสีทองสวยงาม ด้านในมีบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการ ต้อนรับแขกเมืองและพิธีการสำคัญ ถัดไปนั้นเป็นพระตำหนักจงเหอ เป็นพระตำหนักทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลม ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนก่อนออกว่าราชการตรวจเอกสารฎีกา และงานพิธีการสำคัญภายใน และตำหนักสุดท้ายคือพระตำหนักเป่าเหอ ขนาดประมาณพระตำหนักจงเหอ มีบัลลังก์ที่งดงาม ตำหนักนี้ใช้สำหรับงานพิธีสำคัญรองลงมา เช่นเลี้ยงรับรองขุนนางหัวหน้าเผ่า พิธีเสกสมรสโอรสธิดา และใช้เป็นสถานที่สอบจอหงวน

ส่วนวังในนั้นถือเป็นเขตหวงห้ามสำหรับบุรุษ ซึ่งบุรุษที่เข้าได้นั้นจะมีเฉพาะขันทีเท่านั้น ภายในนี้มีพระตำหนักสำคัญคือ พระตำหนักเฉียนชิง เป็นที่ประทับของจักรพรรดิ อีกทั้งเป็นส่วนประทับส่วนประองค์ ทั้งห้องทรงพระอักษร ด้านตะวันตกเฉียงใต้มีพระที่นั่งหยางซินเตี้ยน เป็นพระที่นั่งรับรองขุนนางส่วนพระองค์ของจักรพรรดิ พระนางซูสีไทเฮาเคยใช้ตำหนักนี้เป็นสถานที่ว่าราชการด้วย

ส่วนของพระอัครมเหสี จะมีพระที่นั่งเจียวไท่ ซึ่งเป็นพระที่นั่งรับรองของพระอัครมเหสี พระตำหนักคุนหนิงซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระอัครมเหสี ส่วนที่เหลือจะเป็นอุทยานที่ประทับพักผ่อน ซึ่งมีภูเขาหิน ต้นสน หอชมวิว เก๋ง ศาลา และอาคารตำหนักเล็กๆ ที่ประทับของพระราชวงค์และพระโอรสธิดา

พระราชวังต้องห้ามถือเป็นสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่กว้างและใหญ่โตที่สุด สมบูรณ์ที่สุดในโลก แม้ว่าปัจจุบันประเทศจีนจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วแต่…สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นสัญษลักษณ์บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในยุคอดีตของแผ่นดินแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นมรดกโลกในนาม ‘พระราชวังหลวงแห่งราชวงค์หมิงและราชวงค์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง’
CR:http://smmpublishing.com/
#Make Us Dream





เข้าร่วม: 18 Sep 2008
ตอบ: 361
ที่อยู่: Allianz-Arena
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 7:13 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ผมละเสียดายพระราชวังอาฝางกงของฉินซีฮ่องเต้เอามากๆ ถ้ายังอยู่มาจนถึงปัจจุบันคงอลังการงานสร้างมากแน่ๆ เพราะขนาดแค่กู้กงยังยิ่งใหญ่ขนาดนี้พระราชวังเว่ยหยางของฮั่นเกาจู่หลิวปังยังใหญ่กว่า 6 เท่าตัว แต่พระราชวังอาฝางกงยิ่งใหญ่กว่านั้นเข้าไปอีกเลยจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่ามันขนาดไหน
0
0
เข้าร่วม: 02 Nov 2008
ตอบ: 1148
ที่อยู่: โพรงข้างต้นสะแบง
โพสเมื่อ: Thu Apr 30, 2015 8:13 pm
[RE: พระราชวังต้องห้าม]
ประมาณปี 2527 มีการบูรณะพระราชวังต้องห้าม โดยการนำเข้าไม่พยุงจากประเทศแถบอินโดจีนครับเพราะคนจีนเชื่อว่าเป็นไม้มงคล หลังจากนั้นเศรษฐี ชนชั้นสูงก็นิยมเฟอร์นิเจอร์ ของไช้ไม่พยุง จนเศรษฐกิจจีนรุ่งเรือง เกิดเศรษฐีจีนมากมาย ความนิยมของไม้พยุงก็ไม่ลดลง จึงเป็นที่มาของออร์เดอร์ไม่พยุง จนเกลี้ยงกัมพูชา ลาว ลามมาที่ที่ไทยก็จวนเหี้ยน ขนาดไม่พยุงหน้าที่ว่าการจังหวัด ยังไม่วายตัดเอาไป งงไปทั้งประเทศ

แต่รูปแบบความเชื่อตามทัศนคติขงจื๊อ ได้แสดงออกมาให้เห็นในสถาปัตยกรรมในพระราชวังแห่งนี้เลยครับ เฉกเดียวกับพระบรมมหาราชวังของไทย

0
0