#### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน soccersuck.com####

04 April 2015 02:10 PM by ลูกกลมกลม

ปืน VS หงส์ : โปรดระวังแฮททริค!

อาร์เซนอล ปะทะ ลิเวอร์พูล ถือเป็นบิ๊กแมตช์อีกคู่ที่เจอกันทีไรใส่กันไฟแล่บแทบทุกนัด เพียงแต่ครั้งนี้มีโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นเดิมพัน

จากที่บันทึกไว้พบว่าการดวลกันระหว่าง "ปืนใหญ่" VS "หงส์แดง" เป็นเกมที่มีคนทำแฮททริคเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีกมากกว่าเกมแดงเดือดหรือลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ด้วยซ้ำ โดยมีการจัดอันดับดังต่อไปนี้

ทำเนียบเกมพบกันระหว่างสองทีมที่มีการทำแฮททริคมากที่สุด
1.อาร์เซนอล VS ลิเวอร์พูล 5 ครั้ง
2.แมนฯยูไนเต็ด VS นิวคาสเซิล 4 ครั้ง
3.แมนฯยูไนเต็ด VS โบลตัน 3 ครั้ง
แมนฯ ยูไนเต็ด VS เซาแธมป์ตัน 3 ครั้ง
ลิเวอร์พูล VS เซาแธมป์ตัน 3 ครั้ง
ลิเวอร์พูล VS มิดเดิลสโบรห์ 3 ครั้ง
ลิเวอร์พูล VS นิวคาสเซิล 3 ครั้ง
ลิเวอร์พูล VS นอริช 3 ครั้ง
อาร์เซนอล VS อิปสวิช 3 ครั้ง
อาร์เซนอล VS เซาแธมป์ตัน 3 ครั้ง
แอสตัน วิลล่า VS ลิเวอร์พูล 3 ครั้ง
แอสตัน วิลล่า VS แมนฯซิตี้ 3 ครั้ง
แอสตัน วิลล่า VS นิวคาสเซิล 3 ครั้ง
โคเวนทรี VS ลีดส์ 3 ครั้ง
เอฟเวอร์ตัน VS ควีนสปาร์ค 3 ครั้ง

สำหรับ 5 ครั้งที่ว่านี้มีใครทำแฮททริคกันบ้างไปดูกันเลย

ลิเวอร์พูล 3-0 อาร์เซนอล(วันที่ 28 สิงหาคม 1994)

ถือเป็นนัดประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งที่ต้องจารึกโดยเฉพาะฝั่ง "หงส์แดง" ได้กำเนิดสุดยอดดาวยิงขวัญใจเดอะค็อปที่ต่างพากันขนามนามเขาว่า "God" ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กองหน้าพลาสเตอร์แปะจมูกผู้ใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาที 35 วินาทียิง 3 เม็ดรวดนับเป็นแฮททริคที่เร็วที่สุดของพรีเมียร์ลีกและสถิติดังกล่าวอยู่ยงคงกระพันจนถึงปัจจุบัน

เริ่มจากประตูปลดล็อคเกิดขึ้นในนาที 26 จากลูกเปิดฟรีคิกใกล้ริมเส้นฝั่งขวาโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ มาร์ติน คีโอว์น กองหลังทำพลาดบอลตกใส่เท้า ฟาวเลอร์ เอี้ยวตัววอลเล่ย์ด้วยซ้ายทันทีแบบไม่ต้องจับตามมาด้วยประตูที่สองนาที 29 และ 31 ตามลำดับ

ลิเวอร์พูล 3-1 อาร์เซนอล(23 ธันวาคม 1995)

ดูเหมือนฝันร้ายยังตามหลอกหลอน "ปืนใหญ่" ไม่เลิกราหลังโดน ฟาวเลอร์ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทียิง 3 ตุงจากนั้นอีก 16 เดือนต่อมาทั้งสองทีมกลับมาโคจรมาเจอกันอีกครั้ง เริ่มต้นทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทำท่าจะไปได้สวยเมื่อ เอียน ไรท์ อีกหนึ่งตำนานดาวยิงซัดจุดโทษขึ้นนำเร็วแค่ 8 นาทีแรก

ทว่ากองหน้าพลาสเตอร์แปะจมูกถูกโฉลกกับ "เดอะกันเนอร์ส" ซะเหลือเกินซัลโวแฮททริคได้อีกครั้งในนาที 40,59 และ 78 ดลชัย "หงส์แดง" พลิกกลับมาแซงถล่มขาด 3-1

อาร์เซนอล 4-2 ลิเวอร์พูล(9 เมษายน 2004)

หลังจากปล่อยให้ ฟาวเลอร์ ซัดแฮททริคถึงสองครั้งติดถึงเวลาที่ "ปืนใหญ่" ต้องสะสางแค้นเป็นฝ่ายเอาคืนบ้าง ซึ่งฤดูกาลนั้นเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สุดๆสำหรับทีมของกุนซือขงเบ้งเมืองน้ำหอม อาร์แซน เวนเกอร์ เล่นโคตรดีเป็นพิเศษทำสถิติไร้เทียนทานก็คือแชมป์ผู้ไร้พ่ายนั่นเอง

ไม่ต้องเดาให้ยากผู้รับหน้าที่ยิงแฮททริคให้ "เดอะกันเนอร์ส" ไม่ใช่ใครที่ไหน เธียร์รี อองรี ตำนานดาวยิงปากห้อยนั่นเอง ที่สำคัญ ณ ตอนนั้นเป็นการยิง 3 ประตูในสังเวียนเก่าคลาสสิคมากๆก็คือถิ่นไฮบิวรี่ แม้ "หงส์แดง" สร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อนถึง 2 ครั้ง 2 ครั้ง 1-0 กับ 2-1 แต่สุดท้ายต้านทางความร้อนแรงไม่ไหว

ลิเวอร์พูล 4-1 อาร์เซนอล(31 มีนาคม 2007)

แม้มีใครบางคนเหน็บแนมกล่าวหา ปีเตอร์ เคราช์ คือการซื้ออันล้มเหลวของ ราฟาเอล เบนิเตซ เอลบอสสมองเพชรแต่หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของหัวหอกร่างโย่งก็คือเกมดวลกับ "ปืนใหญ่" เขาแสดงให้เห็นถึงสัญชาติความเป็นสุดยอดดาวยิงและทำให้แฟนบอลเดอะค็อปสะใจกันถ้วนหน้า

แค่ 4 นาทีแรก เคราช์ เบิกร่องล้มตัวสไลด์ส่งบอลผ่านมือนายทวาร เยนส์ เลห์มันน์ ตุงตาข่ายตต่อด้วยลูกโขกในนาที 35 และประตูตอกฝาโลงย้ำชัย 4-1 ในช่วงเหลือเวลาไม่ถึง 10 นาทีท้าย ที่สำคัญก็คือนี่คือแฮททริคครั้งแรกในชีวิตค้าแข้งของดาวยิงร่างโย่งด้วยแถมถูกเรียกว่า "เพอร์เฟ็คท์ แฮททริค" จากการสังหารด้วยเท้าทั้งสองข้างขวา-ซ้ายกับการโหม่ง

ลิเวอร์พูล 4-4 อาร์เซนอล(21 เมษายน 2009)

แฮททริคครั้งที่ 5 ถือเป็นครั้งสุดท้ายแต่เชื่อว่ายังไม่ท้ายสุดเกิดขึ้นในยุคของซูเปอร์สตาร์ทีมชาติรัสเซียผู้มีนามว่า "อังเดร อาร์ชาวิน" โชว์ฟอร์มระดับโลกต้องตะลึงภายใต้ยี่ห้อ "ปืนใหญ่" แต่ยิ่งไปกว่านั้นยังรับเหมาคนเดียวเม็ดที่ 4 ต่อหน้าแฟนบอลเดอะค็อปซึ่งซูฮกในฝีเท้าพร้อมใจกันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติ

เกมดังกล่าวพลิกไปพลิกมาตลอด 90 นาทีเริ่มจาก อาร์ชาวิน ซัดให้ "ปืนใหญ่" นำไปก่อนแต่ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ ยอสซี่ เบนายูน ช่วยกันสังหารพลิกนำ 2-1 ทว่าเพลย์เมคเกอร์หมีขาวทำแสบใช้ความสามารถเฉพาะตัวยิงแฮททริคแซง 3-2 ถึงกระนั้น ตอร์เรส ไม่น้อยหน้าตามเสมอ 3-3 อย่างไรก็ตามนาทีสุดท้ายซุป'ตาร์รัสเซี่ยนทำแสบกระทุ้ง 4-3 ยังๆไม่จบเกิดดราม่าทดเจ็บ เบนายูน ช่วย "หงส์แดง" โกงความตาย 4-4