Register
Login
Username
Password
จำรหัสผ่าน
ลืมรหัสผ่าน?
BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า
X
ไว้คราวหน้า
X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
หน้าแรกบอร์ด
>>
บอร์ดวาไรตี้
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
ซิฟเฟอร์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: Rossoneri
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Oct 2010
ตอบ: 12424
ที่อยู่: San Siro
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 01:30
แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III
ระหว่างเดือนมีนาคม ค.ศ.1943 ถึงเดือนเมษายนปีถัดไป เชลยจำนวนกว่า 600 ชีวิต ร่วมมือกันวางแผนเพื่อหลบหนีจากค่ายดังกล่าว ตามแผนนั้นพวกเขาต้องขุดอุโมงค์ถึง 4 อุโมงค์ เพื่อเป็นเส้นทางหลบหนี
ความคิดในการหลบหนีเริ่มต้นที่ นาวาอากาศตรี โรเจอร์ บูเชล นายทหารจากกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร ผู้ที่ถูกจับได้หลายครั้งจากการพยายามหลบหนีจากค่ายกักกันอื่นๆก่อนหน้านี้ เขานำความคิดดังกล่าวไปหารือกับเพื่อนเชลยด้วยกัน ตอนแรกไม่มีใครเห็นด้วย แต่ต่อมาทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้แผนการนั้นเดินหน้าไปจนถึงที่สุด จึงจัดตั้งคณะทำงานเพื่อการหลบหนีขึ้นมา
แผนการที่ว่านั้นประกอบไปด้วยการขุดอุโมงค์ 4 อุโมงค์ นอกจากนั้นก็แบ่งคณะทำงานอีกกลุ่มหนึ่ง มีหน้าที่ทำเอกสารปลอมกับตัดเสื้อผ้าแบบพลเรือนที่จะใส่เมื่อหลบหนีออกจากค่ายไปได้
ในส่วนของอุโมงค์นั้น เดิมตั้งเป้าไว้ว่าจะให้เชลยจำนวนสิบกว่าถึงยี่สิบคนเท่านั้นหลบหนีออกไป แต่ตัวบูเชลเองต้องการมากถึง 200 อุโมงค์ ทั้ง 4 มีรหัสว่า ทอม, ดิ๊ก, แฮรี่ (Tom, Dick, Harry, George) แต่ทั้งหมดนั้นมีเพียงแฮรี่ที่ขุดไว้ใต้เตาไฟเท่านั้นที่ขุดสำเร็จ
ปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการมี 2 ข้อคือ จะเอาดินจากการขุดไปทิ้งที่ไหน อย่างไร และจะป้องกันไม่ให้อุโมงค์ถล่มลงมาได้อย่างไร
อุโมงค์ นั้นลึกถึง 9 เมตร กว้างแค่ 60x60 ซม. เท่านั้น ดินและทรายที่เกิดจากการขุดจะถูกนำไปทิ้งโดยหลายวิธี เช่น การทิ้งแบบ เพนกวิน คือเอาดินใส่ในถุงเท้าเก่าแล้วผูกไว้ข้างขาที่สวมกางเกงขายาวทับอยู่ บ้างก็เอาซ่อนไว้ในเสื้อโดยห้อยไว้ที่คอ เมื่อคนนั้นเดินไปกลางลานในค่ายก็จะดึงเชือกที่ผูกปากถุงเท้านั้นให้ดินไหลออกไปบนลานแล้วใช้เท้าเกลี่ยให้กลืนไปกับดินที่ลาน อีกวิธีเรียกว่า กาชาด คือการเอาดินใส่ในกระป๋องนมเปล่าที่มีเครื่องหมายกาชาด ผู้ที่ีถือกระป๋องนี้จะเดินเข้าไปในกลุ่มเชลยด้วยกันที่คอยทำหน้าที่บังสายตาพวกเยอรมัน เมื่อได้โอกาสก็จะเทดินทิ้ง อีกวิธีหนึ่งคือ ในเวลาทำสวนก็แอบเอาดินไปทิ้งตามแปลงดอกไม้ในค่าย ปริมาณดินที่พวกเขาขุดออกมานั้นมีน้ำหนักรวมแล้วไม่น้อยกว่า 100 ตันเลยทีเดียว
อีกปัญหาหนึ่งที่ยากไม่แพ้กันคือ ทำอย่างไรไม่ให้อุโมงค์ถล่ม พวกเขาแก้ปัญหานี้โดยการหาแผ่นไม้มาค้ำ ซึ่งไม้ส่วนใหญ่ได้มาจากเตียงนอนของพวกเขานั่นเอง เตียงปกติจะมีแผ่นไม้จำนวน 20 แผ่นรองอยู่ แต่หลังจากอุโมงค์ขุดไปได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่ละเตียงจะเหลือแผ่นไม้เพียงห้าหกแผ่นเท่านั้น นอกจากนั้น เพื่อให้คนขุดมีอากาศหายใจ พวกเชลยก็สร้างปั๊มลมขึ้นมาจากกระป๋องนม ไม้จากเตียง ไม้ฮอกกี้ และกระสอบ
เพื่อให้การลำเลียงดินที่ขุดออกมานำไปทิ้งได้เร็ว พวกเชลยก็สร้างล้อเลื่อนเล็กๆ ไว้ในนั้นเพื่อขนถ่ายดินด้วย ส่วนไฟฟ้านั้นแอบต่อเข้ากับสายเมนของค่ายที่พวกเยอรมันตรวจไม่พบ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าฝ่ายเยอรมันจะซื่อบื้อถึงขนาดไม่รู้อะไรเลย พวกเขาก็สงสัย แต่ตรวจไม่พบหลักฐานใดๆ เชลยซึ่งเป็นที่สงสัยจำนวน 19 คน ถูกย้ายไปที่ค่ายอื่น ในจำนวนนั้นมี 6 คน ที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของแผนการหลบหนี
ต่อ มาอุโมงค์ Dick ต้องถูกยกเลิกการขุด เพราะฝ่ายเยอรมันขยายพื้นที่ของค่ายออกไปถึงจุดที่กะไว้ว่าจะเป็นปลายอุโมงค์ อุโมงค์นี้จึงใช้เป็นที่ทิ้งดินจากหลุมอื่นกับใช้เป็นที่ซ่อนเครื่องมือและข้าวของเครื่องใช้ที่เตรียมไว้ยามหลบหนีออกไป
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1943 อุโมงค์ Tom ก็ถูกเยอรมันตรวจพบ เนื่องจากพวกเขาแอบมองจากในป่านอกค่าย เห็นพวกเพนกวินนำดินออกจากเรือนพักหลังหนึ่งออกไปทิ้ง การพบอุโมงค์ครั้งนั้นทำให้การขุด Harry ต้องหยุดไปด้วยเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งเดือนมกราคมปีต่อมา การขุดจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งและไปแล้วเสร็จเอาในอีก 2 เดือนต่อมา
ตามแผนการหลบหนีที่วางกันไว้ พวกเชลยจะหนีออกจากค่ายเมื่อเข้าฤดูร้อน แต่กำหนดการก็เร่งขึ้นมา เมื่อเกสตาโปสั่งให้ผู้บัญชาการค่ายกักกันตรวจตราอย่างหนักเพื่อป้องกันการหลบหนีของเชลย นาวาอากาศตรีบูเชลในฐานะหัวหน้าจึงตัดสินใจว่าจะหลบหนีทันทีเมื่อ Harry ขุดสำเร็จ ซึ่งในจำนวนเชลยที่ร่วมมือกันทั้งหมดราว 600 คนนั้น มีเพียง 200 คนที่จะได้หนีไปในครั้งนี้ พวกเขาแบ่งผู้จะหนีเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่มีโอกาสรอดสูง คือพูดภาษาเยอรมันได้ และมีที่ไปที่ชัดเจน กับอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการถูกจับสูง เพราะพูดเยอรมันได้น้อยมากหรือไม่ได้เลย
การหลบหนีเลือกเอาคืนวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม ค.ศ.1944 เป็นคืนเดือนมืด ผู้ที่เตรียมตัวจะหนีก็ทยอยไปที่เรือนนอนหมายเลข 104 ซึ่งทางเข้าอุโมงค์อยู่ในนั้น แต่โชคก็ไม่เข้าข้างนัก เมื่อพบว่าปลายอุโมงค์โผล่ขึ้นท่ามกลางต้นไม้ในป่าก็จริง แต่ป่าบริเวณนั้นมีต้นไม้ค่อนข้างห่าง แถมยังห่างจากหอคอยของค่ายไปแค่สิบกว่าเมตร จึงทำให้ถูกตรวจพบได้ง่ายมาก และปากทางออกอุโมงค์ซึ่งทำบานปิดเปิดไว้นั้น ถูกน้ำแข็งจับตัวแน่นจนเปิดไม่ได้ ต้องเสียเวลาไปอีกกว่าชั่วโมงครึ่ง พื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะทำให้เกิดร่องรอยชัดเจน ดังนั้นจากเดิมที่กะกันไว้ว่าเชลย 1 คน ใช้เวลา 1 นาทีในการออกจากอุโมงค์ กลายเป็นได้แค่สิบกว่าคนต่อ 1 ชั่วโมง พวกเขาจึงบอกกันว่าคงไปกันได้ไม่เกิน 100 คน ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น พวกที่รู้ตัวว่าหมดโอกาสในคืนนั้นแน่นอนก็เปลี่ยนชุดกลับไปเป็นชุดเดิมแล้วกลับไปนอนตามที่ของตน
เหตุการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นเมื่อราวเที่ยงคืน ทำให้ค่ายต้องปิดไฟจนมืดสนิท ทหารยามก็ส่องไฟกันมากขึ้นในช่วงนั้น ทำให้ต้องหยุดการหลบหนีไว้ช่วงหนึ่ง แต่แล้วเมื่อเวลาตีหนึ่ง อุโมงค์เกิดถล่มลงมาจุดหนึ่ง ทำให้ต้องเสียเวลาซ่อมแซมกันอีก
ท้ายสุดเมื่อเวลาก่อนตีห้าเล็กน้อย เชลยจำนวน 76 คน หลบหนีออกไปได้ แต่คนที่ 77 ซึ่งเป็นนาย ทหารอากาศของนิวซีแลนด์ ถูกยามคนหนึ่งมองเห็น เขาจึงยกมือขึ้นเพื่อยอมให้จับ และเปิดโอกาสให้คนอื่นๆหนีเข้าป่าไป พวกทหารเยอรมันยังไม่ทราบว่าพวกเชลยออกมาทางไหนจึงไม่ได้พยายามจะหาทางออก แต่ส่งทหารเข้าไปตรวจตามเรือนนอนต่างๆ เรือนนอนหมายเลข 104 เป็นหลังท้ายๆที่ทหารเข้าไปตรวจพร้อมกับสุนัข ซึ่งอุโมงค์ก็ถูกพบในเวลานั้น
การหลบหนีของเชลย แม้ว่าจะหลุดออกมาจากค่ายกักกันแล้ว แต่ปัญหาใหม่ที่แทบทุกคนเจอคือ หาทางไปสถานีรถไฟไม่ถูก ต้องรอจนกระทั่งฟ้าสาง ประจวบกับขณะนั้นเป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักและหนามาก
ในจำนวนที่หนีออกจากค่ายไปได้ 76 คน หนีรอดไปอังกฤษได้เพียง 3 คน ถูกจับกลับไปถึง 73 คน แต่ในจำนวนนั้นมีเพียง 23 คนเท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ อีก 50 คน (รวมทั้งนาวาอากาศตรีโรเจอร์ บูเชล) ถูกสั่งให้สังหารโดยฮิตเลอร์เอง ไม่เพียงแต่เชลยเท่านั้นที่ถูกฆ่า สถาปนิกผู้ออกแบบค่าย ทหารยามในคืนนั้น อีกทั้งคนงานเยอรมันที่ปล่อยให้เชลยแอบต่อไฟฟ้าใช้ ก็ถูกประหารชีวิตด้วย
ไทยรัฐออนไลน์
http://writer.dek-d.com/AngelTVXQ/story/viewlongc.php?id=555780&chapter=222
ป.ล.แก้ไขข้อมูลเล็กน้อย
26
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ฉันเหนื่อย
,
ท่าuผู้นำ
,
Luis Toomrez
,
RYONAJA
,
not aston villa
,
HelloOurWorld
,
Sumet_tik
,
MoMoStepT
,
YoungGunner123
,
Son Of Darkness
,
dunarmy
,
JM-000
,
kwansrn
,
phoenix_milan
,
kookkookkoo
,
jakapongo
,
Lowlite
,
ปืนใหญ่ไร้เทียมดอง
,
Sheva 07 Legend
,
โคตรคูล
,
Hull City
,
TheBlue8
,
_TOnZ-
,
SEAFARER
,
เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ
,
เมทัล
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
Tweet
My Locker
ออฟไลน์
RYONAJA
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 723
ที่อยู่:
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 01:51
[RE: แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III]
พยายามจริงๆ สุดยอดมาก
อยู่ก็ตายอยู่ดี ไปเสี่ยงเอาดีกว่า
ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Locker
ออฟไลน์
Del_PieroZ
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 278
ที่อยู่: Chiangrai`
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 01:53
[RE: แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III]
เยี่ยมเลยครับ อ่านเพลินดี
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Locker
ออฟไลน์
อยู่อย่างสิงห์ว่ะ
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 1149
ที่อยู่: เมืองบาดาล
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 02:18
[RE: แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III]
เป็นผมก็ยอมเสี่ยงน่ะ ตายเอาดาบหน้าดีฝ่า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Locker
ออฟไลน์
YEDI
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 17677
ที่อยู่:
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 02:31
[RE: แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III]
แล้วพวกเยอรมันตามจับกลับมาได้ไงตั้ง73คนอ่ะ พื้นที่ตั้งกว้างหรือใช้สุนัขดมกลิ่น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Locker
ห้องจ่ายแผล่บ
ออฟไลน์
JM-000
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 144
ที่อยู่:
โพสเมื่อ:
Fri Sep 20, 2013 08:11
[RE: แหกคุกบันลือโลก (สงครามโลกครั้งที่ 2) : Stalag Luft III]
ขอบคุณครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
My Locker
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกบอร์ด
>>
บอร์ดวาไรตี้
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:
ประเภท:
Submit
Cancel