สื่ออะไร? 'หนูน' โพสต์ก่อนลบ 'ไม่แปลกใจได้ลงน้อย'
anupontatc พิมพ์ว่า:
มันมีบทความเกี่ยวกับเจ้าตัวอยู่นะครับ หนึ่งในประโยคในบทความนั้นคือ เอ็ดเวิร์ด กับ ฮิวจ์ ไม่เห็นด้วยกับดีลหนูน คือการซื้อตัวของเอ็ดเวิร์ดจะเห็นว่ามันมีการเอาค่าส่วนร่วมกับเกมส์ของนักเตะคนนั้นๆ มาร่วมในการตัดสินใจซื้อซะเป็นส่วนใหญ่ ที่นี้สองคนนั้นเค้าเลยบอกว่าดีลหนูนเนี่ยเป็นดีลนอกกรอบ (คล้ายๆนอกคอก) ซื้อมาได้ไง เลยถามโหน่งว่าจะเอาไงขายเลยมั้ย แต่โหน่งเค้าก็ตั้งใจเก็บเอง เพราะเจ้าตัวอยากจะปั้นให้เก่งขึ้นให้ได้ คือผมลองมาคิดแล้วถึงหนูนจะฝืด แต่มันก็มีแมตช์ที่ลงมาเป็นฮีโร่ อารมณ์แบบ match phenomenal แกยังดีมากๆ อยู่อ่ะครับ ถ้าปล่อยไปก่อนหน้านี้แล้วกองหน้าเจ็บหมดเราจะซวยเอา เชื่อเถอะว่ามีหนูนไว้ยังไงก็ดีกว่า ส่วนเรื่องฟอร์มการเล่นเขาก็วิเคราะห์กันมาว่าหนูนที่ไปช่วยทีมชาติ มันมีช่วงที่กลับมารายงานตัวช้า จำต้องใช้ตัวอื่นไปก่อน เช่น กัคโป หรือ โจต้า แล้วพวกนั้นดันฟอร์มดี หนูนก็เลยได้เป็นสำรอง แต่ทีเนี้ยพอได้โอกาส แกก็จะฝืดเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็วนมาเรื่องจิตใจ ซึ่งพอมันหลายรอบเข้าสุดท้ายมันก็ต้องแยกทางกันน่ะครับ ดีต่อทั้งสองฝ่าย ผมว่าหมดฤดูกาลนี้ยังไงแกก็ไป ในบทความนี้ผมชอบคำไหนที่สุดคงไม่พ้น คำว่าอยากลองใช้งานหนูนดู อยากให้เก่งขึ้น จากปากโหน่งหรอกครับ หนึ่งในคำพูดที่ดีจากปากคนๆนึงสู่ตัวเรา คือคำว่าโอกาส ครับ ในความคิดผมนะ ผมก็ไม่อยากทำให้คนที่ให้โอกาสเราผิดหวังหรอก แต่พอเห็นการตอบโต้ของเจ้าตัวแล้วเนี่ย ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าตัวรู้ป่าวว่าโหน่งตั้งใจเก็บตัวเองไว้
อันนี้บทความครับ
https://www.facebook.com/share/p/193HPiN7z4/
Spoil
ติ่งหนูนขอเล่า ทำไมนูนเญซถึง (ใกล้) จะจบกับลิเวอร์พูลแบบไม่สวย
...
ถ้าติดตามเพจ ไดอารี่คนบ้าบอล มานานพอจะรู้ว่าแอดมินประกาศตัวเองว่าเป็น "ติ่งหนูน" มาตั้งแต่แรก และเจ็บปวดทุกครั้งที่หนูนมันล้มเหลว แต่ก็รู้สึกไม่ต่างกันเวลาเห็นแฟนบอลชี้ว่า ชล็อตผิดที่หนูนต้องเป็นแบบนี้
ก็เลยจะขอเล่าให้ฟังจากมุมของคนที่ตามข่าวหนูนมาตลอดครับ
.
ดาร์วิน นูนเญซมีฤดูกาลที่เรียกได้ว่า "ปรากฏการณ์" ในปีสุดท้ายกับเบนฟิก้า ไม่ต่างกับอเล็กซานเดอร์ อิซาคในปีนี้ 34 ประตูจาก 41 เกม ทำให้เขาเป็นที่ต้องการของทีมทั่วยุโรป
ปี 2022 ลิเวอร์พูลเจอกับเบนฟิก้าใน UCL รอบควอเตอร์ไฟนัล แม้เอาชนะลิเวอร์พูลไม่ได้ แต่กองหน้าของเขา ดาร์วิน นูนเญซ หาญกล้ามายิง 2 ประตู หนึ่งในนั้นคือลูกชิปสุดสวยใส่อลิสซอน เบคเกอร์ ฤดูกาลนั้นหนูนยิงในถ้วยหูโตไป 6 ประตู สร้างประวัติศาสตร์กองหน้าเบนฟิก้าที่ทำประตูมากสุดในศึก UCL
ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคนจดจำชื่อดาร์วิน นูนเญซที่ทั้งหล่อ เท่ และเฉียบคมไว้ในใจ ไม่ใช่แค่นั้น นักเตะลิเวอร์พูลและโค้ชยังไปคุยกันต่อว่าหมอนี่ของจริง เยอร์เก้น คล็อปป์หมายตา ดาร์วิน นูนเญซจะต้องมาล่าตาข่ายในสีเสื้อลิเวอร์พูล
ฟอร์มที่ร้อนแรงของผู้เล่นแห่งปีลีกสูงสุดโปรตุเกส ทำให้เบนฟิก้าโขกราคาดาร์วินไว้สูงเหยียบ 100 ล้านยูโร
ในซัมเมอร์นั้นไมเคิล เอ็ดเวิร์ดลาออก ซึ่งเอ็ดเวิร์ดเนี่ยใช้ดาต้าเหนือความรู้สึก จะมีหลายดีลที่เขาเสนอผู้เล่นที่ไม่ตรงกับความชอบของคล็อปป์ พอเอ็ดเวิร์ดไม่อยู่ คล็อปป์ขอลองเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ซื้อดาร์วินแม้ว่าทีมวิเคราะห์จะบอกว่าแพงเกินมูลค่า
ปีนั้นลิเวอร์พูลเตรียมงบไว้ทุ่มซื้อชูอาเมนี่ แต่หลังจากวืดกลางรับ คล็อปป์ก็เปลี่ยนทิศทันที เอาเงินไปทุ่มซื้อกองหน้าดาร์วินแทน
แต่จะไปว่าคล็อปป์ก็ไม่ได้ ปีนั้นแฟนบอลล้วนตื่นเต้นกับกองหน้าธรรมชาติคนแรกในรอบหลายปี บวกด้วยข่าวว่ายูไนเต็ดก็อยากได้ ยิ่งกระตุ้นให้ ดาร์วิน นูนเญซ กลายเป็นกองหน้าที่ลิเวอร์พูลต้องคว้ามาให้ได้
ดาร์วินเดินทางมาพรีซีซั่นที่ประเทศไทย (เฮียวินิจคัพ) แฟนบอลชาวไทยบอกว่าหล่อมาก วิ่งเร็วมาก และในพรีซีซั่นหนูนก็เริ่มต้นได้ค่อนข้างดี ปรับตัวกับทีมได้เร็ว และคล็อปป์ก็ใช้เวลาตลอดซัมเมอร์ในการปรับสไตล์ทีมให้เข้ากับศูนย์หน้า Real 9
จนกระทั่งเปิดฤดูกาลหนูนดันอารมณ์ขึ้นจนโดนใบแดงแบน 3 นัด แผนที่เตรียมมาราวสองเดือนสะดุด ต้องกลับไปใช้สไตล์เดิมและทีมก็เริ่มต้นได้ไม่ดี ชนะแค่ 2 จาก 10 เกม ดาร์วินทำได้ประตูเดียวในเกมที่แพ้อาร์เซนอล
หลังจากนั้นคล็อปป์ก็พยายามอย่างมากที่จะปรับทีมให้ซัพพอร์ตดาร์วิน ส่งผลให้โกดี้ กักโปต้องหมุนตำแหน่งอื่น ทั้งกองกลาง False-9 และปีกซ้าย (สำรอง)
หลังคล็อปป์ไป ดาร์วิน นูนเญซกลายเป็นตัวรุกที่สถิติดีที่สุดเป็นรองเพียงโมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ 11 ประตูในลีกปี 2034/24 (18 ประตูทุกรายการ) ก็ยังไม่เพียงพอต่อความคาดหวังที่ผอ.กีฬาคนใหม่อยากได้จากกองหน้า
ริชาร์ด ฮิวจ์ และ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดมองว่าดาร์วิน นูนเญซเป็นดีลที่นอกกรอบ (ไม่สุภาพคือนอกคอก) ก็ประมาณว่าซื้อมาได้ยังไง มีการคุยกับอาร์เน่อ ชล็อตว่าเอาไง ขายเลยมั้ย
แต่พอคุยกันแล้ว ชล็อตก็โอเคจะขอลองชุบชีวิตอดีตดาวยิงเบนฟิก้าดู เพราะงานปั้นกองหน้าคือความสำเร็จของเขาตลอดระยะเวลาที่คุมทีมในเนเธอร์แลนด์
แต่ด้วยความที่ดาร์วินอยู่ในกลุ่มผู้เล่นที่ไปรับใช้ทีมชาติกลับมารายตัวช้า ทำให้ชล็อตได้ใช้เวลากับดิโอโก โชต้ามากกว่า ในเกมแรกของฤดูกาลจึงเป็นโชต้าที่ได้ออกสตาร์ท และทำประตูได้ด้วย
ชล็อตเพิ่งเริ่มต้นกับทีมใหม่ แถมยังมีเวลาน้อยนิดในการประเมินผู้เล่น ดาร์วินจึงต้องนั่งสำรองจนกระทั่งเข้าสู่เบรกทีมชาติรอบแรก ชล็อตปรับดาร์วินเป็นตัวจริงในเกมกับบอร์นมัธ และหนูนก็สามารถยิงปิดท้ายให้ทีมชนะ 3-0
แต่เจ้าเวรเจ้ากรรม เกมต่อมาหนูนดันมีอาการป่วยก่อนเกม ทำให้ไม่มีแม้แต่ชื่อสำรอง โชต้ากลับมายึดตัวจริง แล้วเมื่อทีมผลงานดีต่อเนื่อง ชล็อตจึงแทบไม่เปลี่ยนไลน์อัพ 11 ตัวจริง หนูนจึงหลุดสำรองมากกว่าออกสตาร์ท
ทีนี้ สไตล์การเล่นที่ค่อย ๆ ออกห่างจากคล็อปป์ทำให้กองหน้าจะได้สับไกน้อยลง เพราะชล็อตใช้ slow build up แล้วกดเกียร์ fast attack เมื่อเจอช่อง กองหน้าของชล็อตต้องเป็นพวกคมจัดตัดสินใจดีไม่ใช้โอกาสเปลือง คือส่วนใหญ่จะต้องลงมาพักบอลเชื่อมบอลให้ปีกขึ้นเกมแล้ววางบอลหรือคัทแบ็กมาให้ เพราะงั้นต้องเป็นคนที่ First touch ดีมพลิกบอลได้ และมีสกิลแท็ปอิน มี awareness สูง และเช็คตำแหน่งแม่น
ซึ่งเจ้าหนูนเข้ากับชล็อตบอลเพียงเรื่องเดียวคือ ขยันเพรสซิ่ง แต่เรื่องความคม ความนิ่งในการจับบอลและผ่านบอล การตัดสินใจ คือต้องเริ่มติวใหม่หมดเลย ในขณะที่เหลือเวลาให้พิสูจน์ตัวเองเพียง 1 ซีซั่น
ทีนี้ หนูนมันเป็นนักเตะที่แฟนบอลรักมาก ด้วยแพสชั่นที่มีให้ทีม ความเร็ว ร่างกาย และความ Phenomenal match winner มันชอบยิงประตูมหัศจรรย์ให้ทีมชนะ ทำให้แฟน ๆ จดจำว่า ถ้าไม่มีหนูนเกมนั้นเกมนี้คงหมดลุ้นแชมป์ไปแล้ว แล้วท่าดีใจมันได้ใจได้อารมณ์โคตร ๆ คือรักมันไปแล้ว ไม่ต้องมีเหตุผล
ผมเองก็เช่นกัน หลายครั้งที่เขียนบทความวิเคราะห์เกมจะยกช็อตของหนูนมาเล่า บางครั้งมันพักบอลเทพแบบบ๊อบบี้ จ่ายบอลแม่นแบบเพลย์เมกเกอร์ โหม่งสกัดบอลแบบฟานไดก์ ปั่นตุงตาข่ายแบบซาลาห์ คือมันทำให้เรารู้สึกมีความหวัง หนูนทำได้แล้วเว้ย เดี๋ยวมันจะดีขึ้นแล้ว แต่สุดท้ายเกมหน้าก็วนกลับไปจุดเดิม ขาดนิดขาดหน่อยตลอด
สำหรับโค้ชแล้ว ความสม่ำเสมอสำคัญมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่อยู่กับทีมกับเพื่อนร่วมทีมเดิม ๆ มา 3 ปีแล้ว มันจึงไม่เหลือเวลาให้ปรับตัวมากนัก
ผมเคยคิดว่า ถ้าลิเวอร์พูลมีกลางที่จ่ายทะลุช่องให้คม ๆ จะเป็นยังไง จนกระทั่งมีเกมหนึ่งที่โมเปิดข้ามไปให้กักโปโขกตั้งไปให้เน้น ๆ แค่วิ่งเข้าจุดให้ถูกจังหวะแล้วแหย่เท้าไปก็ได้แล้ว ผลคือหนูนออกตัวช้าเกิน ทั้ง ๆ ที่ปกติชอบออกตัวเร็วจนล้ำหน้า ก็เลยไม่รู้ว่ามันจะยังไงกันแน่ แล้วเพื่อนต้องชงโอกาสให้ไปเททิ้งอีกกี่แก้ว
...
ทีนี้ มาดูว่าทีมแบบไหนจะใช้ดาร์วินได้ประโยชน์สูงสุด
แน่นอนว่าต้องเป็นทีมที่ซัพพอร์ตมันสุดหัวใจ คือไม่ว่าจะยังไงต้องฝากสกอร์ไว้ที่ดาร์วิน ดาร์วินคือหัวหอกของทีม แบบนี้จะส่งให้มันรับใช้นายแบบถวายหัว ซึ่งก็คือแบบที่เยอร์เก้น คล็อปป์ และ มาร์เซโล ปิเอซ่าทำ
เหตุเพราะว่าดาร์วินเป็นคนประเภท Emotional สูงมาก ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าไม่สบายใจคือไม่เอาเลย ถ้ามีคนเชื่อใจก็พร้อมจะไปต่อ ยังไม่พอต้องเชื่อมั่นด้วย หมายถึงต้องทำผลงานได้ติด ๆ กันถึงจะดี ต้องการแรงซัพพอร์ตทั้งจากภายนอกและภายใน
จะว่าไปหนูนก็คล้าย ๆ นาบี เกอิต้า มีศักยภาพแต่ดิบและขี้งอน จะดีกว่าก็ตรงสภาพร่างกาย (เกอิต้าเป็นการผลงานที่ผิดพลาดของเอ็ดเวิร์ด)
ทว่า ชล็อตเข้ามาทำลิเวอร์พูลแบบมีค้อนรอทุบตลอดเวลา โดนทายว่าจะหลุดท็อปโฟร์บ้าง โดนไล่ออกบ้าง เขาไม่ได้มีเครดิตมากพอจะโอบอุ้มใคร อะไรที่ทำให้ทีมไปถึงเป้าหมายก็ต้องทำไปก่อน (ขนาดมือข้างหนึ่งจับถ้วยแชมป์ลีกแล้วยังโดนด่าอยู่เลย มีที่ไหนอีก)
ซึ่งนั่นเป็นการเดินทางที่สวนทางกันระหว่างชล็อตและดาร์วิน เพราะถ้าจะดันดาร์วิน ก็อาจไม่ได้แชมป์ลีกเหมือนเบนฟิก้าปี 2022 และลิเวอร์พูลปีที่แล้ว
สิ่งที่มันดันเหมือนกันโดยไม่ได้ตั้งใจคือ เบนฟิก้าคว้าแชมป์ลีกหลังจากดาร์วินย้ายออก และลิเวอร์พูลก็กำลังจะคว้าแชมป์ลีกในปีที่ดาร์วินไม่ได้เป็นตัวหลัก
ไม่ได้บอกว่าหนูนคือคนผิด แต่นั่นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริง และเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องเลือก
และสุดท้ายแล้ว การแสดงออกซึ่งความหมดใจของดาร์วินมันกำลังทำให้คุณค่าของเขาลดลงหรือเปล่า คิดดูว่าโกดี้ กักโปเคยผ่านสถานการณ์สำรองมาตลอด โดนด่าแต่ตั้งใจซ้อมจนเพื่อนต้องออกมาปกป้อง เอนโด คิเอซ่า เอลเลียตทำให้แฟนบอลรักทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้เป็นตัวจริง เพราะทุกคนกำลังมุ่งสู่เป้าของทีม แชมป์เพื่อแฟนบอล และทุกคนคือมืออาชีพ
...
ในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้ข้อเสนอที่ทำให้ให้คืนทุนดาร์วิน นูนเญซได้เลย และชล็อตคือคนที่ขอฮิวจ์ไว้ว่าเขายังต้องการดาร์วินอยู่
เมื่อนักข่าวถามชล็อตว่าที่ไม่มีชื่อเจอเวสต์แฮมเพราะ feeling unwell หมายความว่าไง ชล็อตจึงต้องอธิบายไปตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชล็อตยังปิดท้ายว่าเกมต่อไปก็จะมีชื่อ
ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าใครมาเดินออกสนามซ้อมใส่คล็อปป์ในปีแรก 2015 แกโดนดองแล้วขายทิ้งชัวร์ แต่นี่ชล็อตยังให้เกียรติอยู่
นี่แหละครับ เรารักหนูนเพราะแพสชั่นของมัน ซึ่งถ้ามันจะจากทีมไปก็ยังรักมันอยู่ดี แต่ดันมา "ขึ้นภาพเทา" ในช่วงท้ายแบบนี้
ผมยังไม่เห็นนักเตะที่คุมสติไม่ได้แบบนี้ ประสบความสำเร็จในทีมต่อไปสักราย
#JB #ไดอารี่คนบ้าบอล
ขอเห็นต่างครับ
คือหนูนเนี่ย ผมคิดว่าอยู่ด้วยคำว่าแมตซ์ฮีโร่ล้วนๆเลย แต่ละซีซั่น จะมีแมตซ์ฮีโร่ อยู่ 1-2 นัด (แต่คิดว่าแค่ 1) แล้วคนก็จะเฮจะพยายามให้โอกาสมันยาวๆ
ผมก็เคยเป็น 1 ในนั้น
แต่พอมันได้โอกาส มันกลับทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง มา 3-4 นัดติด ผมว่า แบบนี้ทีมเสียประโยชน์มากกว่าอีกครับ