[RE: ต่อยอดกรณีบุหรี่ไฟฟ้าเด็ก 14 - หมอแทนนี่]
worrapat พิมพ์ว่า:
วลาดิเมียร์ เกาเส็ง พิมพ์ว่า:
อันนี้อยากถามหมอหน่อยครับ
คือที่บุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดพังขนาดนี้ ส่วนนึงคือมันเพราะปริมาณการสูบรึเปล่าครับ
ด้วยความที่มันสูบง่าย ไม่ได้มีผลแบบบุหรี่มวนที่เวลาสูบไปเยอะๆแล้วมันมีมึน มึขมปาก มีลิ้นฝาด รวมถึงกฏหมายมันเลยทำให้คนสูบมันสูบได้ไม่บ่อยเมื่อเทียบกับบุหรี่ไฟฟ้าที่เอะอะๆยกมาสูบสองสามปื้ดแล้วเลิก แต่เดี๋ยวซักพักก็ยกมาสูบอีกสองสามปื๊ด แบบนี้
ถ้าเทียบปริมาณการสูบเอาแบบคนปกติ(ที่ไม่นับตอนกินเหล้าละกัน) ก็น่าจะซักวันละ 5 มวน(ซองนึงอยู่ได้สี่วัน) สมมติว่าซัก 10 ปื๊ดต่อมวนละกัน เบ็ดเสร็จตกวันนึง 50 ปื๊ด
ถ้าสูบบุหรี่ไฟฟ้าแค่วันละ 50 ปื้ดเท่ากันมันยังคงไม่ทำร้ายสุขภาพเท่าบุหรี่มวนตามที่เคยโฆษณาอยู่มั้ยครับ ที่ว่าไม่มีเขม่า ทาร์ น้ำมันดิน อะไรพวกนี้
และถ้าใช้ในปริมาณเท่ากันมันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนสูบบุหรี่อยู่มั้ย ไม่นับเลิกไปเลยนะอันนั้นดีกว่าอยู่แล้วแหละ
อาจจะตอบเหมือนกวน แต่ผมไม่รู้ และก็ไม่สนใจด้วยครับ ว่ามันลดเพิ่มอัตราต่างกันมากน้อยเท่าไหร่
แนวคิดเหมือนเราไม่ต้องไปเสียเวลาพิสูจน์ว่า เสพยาบ้ากับเสพยาไอซ์ อันไหนผลกระทบต่อสุขภาพน้อยกว่า
ในเมื่อสุดท้ายก็จบที่เรื่องเดียวกันครับ เลิกมันทั้งคู่นั่นแหละ
เรื่องปริมาณ มันก็ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว สูบมาก สูบบ่อย สูบนาน ยังไงก็เกิดผลกระทบมากกว่า ตามสไตล์สารเสพติดทุกประเภท
แต่ถ้าให้คิดง่ายๆว่า ถ้าจะเลิกบุหรี่มวน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลดมาไฟฟ้าก่อนอยู่ดี จะเลิกก็เลิกไปเลย นิโคตินแปะ หมากฝรั่ง มีหมด อยู่ที่ใจจะเอาด้วยรึเปล่า ดังนั้นใครที่อ้างเหตุผลว่า อยากลดแบบมวนเลยมาขอลองไฟฟ้าก่อน ผมไม่เชื่อ คุณแค่แพ้ใจตัวเองอยู่และหาทางออกให้ตัวเองที่จะเสพต่อไปมากกว่า
ส่วนที่หมอออกมาพูดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเยอะ เพราะมันเรื่องใหม่เหมือนที่หลายคนถามนั่นแหละ
บุหรี่มวน ยาเส้นมวน นี่มีเป็นร้อยๆปีแล้ว คนรู้หมดแล้วว่าบุหรี่มีโทษแบบไหน
แต่ไฟฟ้าเพิ่งออกมาใหม่ คนยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ เลยมีองค์ความรู้ทยอยออกมาเรื่อยๆ
หมอก็เรียนรู้ไปพร้อมกับคนไข้นั่นแหละครับ
เรื่องเลิกไปเลยน่ะผมเห็นด้วย
แต่ประเด็นที่สงสัยน่ะคือตอนเนี๊ยะมนุษย์มันใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ากันผิดรึเปล่า
ผมอาจจะไม่ได้อัพเดทนะ แต่จำได้ว่าซักยี่สิบปีก่อนตอนที่บุหรี่ไฟฟ้ามันออกมาใหม่ๆ มันมาในฐานะตัวเลือกในการเลิกบุหรี่ แบบเดียวกะไอ้แผ่นแปะ กะหมากฝรั่งนิโคติน แต่ไม่รู้ไปทำการตลาดอีท่าไหนเข้า ช่วงปีหลังนี่แหละที่มันดันกลายเป็นคู่แข่งบุหรี่แทน แล้วก็กลายเป็นระบาดไปเด็ก จนกลายมาเป็นแบบนี้
คำถามของผมมันเลยไม่ได้มองไปเรื่องดีหรือไม่ดี เพราะมันไม่ดีอยู่แล้ว เอาของแปลกๆเข้าร่างกายน่ะ
แต่มันคือที่ว่าไม่ดีน่ะเพราะมัน มากเกินไป รึเปล่า ถ้าควบคุมปริมาณใช้งานให้เหมาะสม มันสามารถใช้สูบสำหรับคนที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้จริงๆมั้ย มันจะมีคนบางประเภทที่รู้แหละว่าอันตราย แต่ยังสูบ แต่ก็จะขอสูบอะไรที่มันทำลายสุขภาพน้อยลงอยู่ดี ดูย้อนแย้งแต่มันมีคนแบบนี้จริงๆ
ท่านไม่รู้คำตอบไม่เป็นไร ผมถามไปรวมๆ เผื่อหมอคนอื่นในบอร์ดหรือมีใครที่มีความรู้เริ่งนี้จะตอบได้ครับ