ถ้าพุทธนิกายเถรวาท แล้วดูแค่ตัวพระไตรปิฎกที่เป็นคัมภีร์ชั้นหลัก ไม่รวมอรรกถาที่พระเกจิอาจารย์อธิบายขยายความต่อกันมาทีหลัง
ต้องถามว่า คุณเชื่อมั่นในความจำและปัญญาของ พระอานนท์ พระมหากัสปปะ และพระอรหันต์อีก 500 รูป ที่ล้วนเป็นระดับ พระอริยะบุคคลหรือไม่

เพราะ พระไตรปิฎกเวอร์ชั่นแรก มาจากพระมหากัสสปะ พระอานนท์ และพระอรหันอีก 500 รูป มาช่วยกันบัญญัติคำสอน
ที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ดังที่ มักขึ้นต้นตามบทสวดว่า ”เอวัมเม สุตัง“ (ข้าพเจ้า (คือพระอานนท์) ได้สดับมาดังนี้)

สมัยพระพุทธเจ้าเผยแผ่ พุทธวัจนะ ไม่การบันทึกครับ เป็นการเผยแผ่จำคำสอนปากต่อปาก จนสุดท้ายแล้วหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ศาสนาก็แทบจะหายไปจากชมพูทวิป

จนพระเจ้าอโศกไปขุดคุ้ยหาหลักฐานต้นตอ สอบถามข้อมูลปากต่อปากจากชาวบ้าน รื้อศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่ สร้างโบราณวัตถุ รุ่งเรืองกว่าตอนพระพุทธเจ้าอยู่อีก

คิดดูว่าตอนนั้นจะเหลือแก่นแท้คำสอนสักเท่าไหร่ ยิ่งตอนหลังสังคยานากันยับ มีการเมืองแซกแซงอีก สอดไส้คำสอนกันมันส์เลย

ผมว่าสุดท้ายแล้ว เราได้คำสอนการเผยแพร่นับถือศาสนา แก่นมาจากพระเจ้าอโศกรวบรวมเป็นหลัก ไม่มีใครรู้แน่ชัด ว่าแก่นที่พระพุทธเจ้าแผยแผ่ถูกต้องคืออะไรด้วยซ้ำ

คำถามมันใช้คำว่าถ้า (และบอกว่าถ้าไม่จริง) มันทำให้โน้มเอียงไปในทางนั้น มันไบแอสอยู่นะ ผมว่าศึกษาดูว่า คำสอนของท่านที่พิสูจน์ได้เลยมีอะไรบ้างดีกว่าครับ

ปกติพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่สรรเสริญภิกษุที่อวดอุตริอยู่แล้วโดยเฉพาะการอวดกับคนทั่วไป ที่ท่านใช้อภินิหารบางครั้งในการแสดงธรรมก็เพราะว่าท่านใช้ญาณเพ่งดูแล้วว่าคนนี้โน้มเอียงมาทางนี้ ถ้าแสดงธรรมแบบนี้เค้าจะเลื่อมใสและบรรลุธรรมได้ง่าย

ส่วนเรื่องทำนายอนาคตถึงเพราะพุทธเจ้าองค์ที่5 ท่านบอกว่าเพื่อให้กำลังใจเพราะ ณ ปัจจุบันกว่าคนจะได้โสดาบันหรือบรรลุนิพพานไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคของท่าน แต่ถ้าคนยังศรัทธา ยังยึดมั่นปฏิบัติเพื่อต้องการหลุดพ้น ก็ยังมีโอกาสทำได้อยู่เพราะเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ที่5ก็มาช่วยโปรด แต่ก็อีกไกลโพ้น

เลือกรับฟังแต่อันที่มีประโยชน์ใช้ได้จริงดีกว่าครับ ผมนับถือคำสอน แต่แทบไม่เข้าวัดเลย จริงๆผมก็แอบไบแอสบ้างว่า เรื่องต่างๆที่ไม่ใช่คำสอนในพระไตรปิฎกคือเรื่องแต่งเติมบ้างหรือไม่ เพราะยิ่งบอกว่าพระพุทธเจ้า ไม่ได้เขียนเอง แต่สาวกสาชุมนุมกันแล้ว ออกความเห็น และก็บันทึกมาเรื่อยๆ ยิ่งต้องสงสัย

ปล.เฉพาะเรื่องราวชีวิต การทำนาย และที่เกินมนุษย์นะครับ แต่สำหรับ คำสอน ผมว่าของแท้แน่นอน

เคยเล่นเกมส์แบบบอกข้อความต่อคนหน้าๆถัดไปสักสิบคนไหมครับ คนแรกกับคนสุดท้ายมักจะพูดไม่เหมือนกัน
นี่ผ่านเรื่องราวมาพันกว่าปี เล่าต่อกันไม่รู้เท่าไหร่

ศาสนาพุทธ นี่วิทยาศาสตร์ที่สุดแล้วนะ

อวดอุตริตามนิยามหมายถึง การกล่าวถึงฌาน อ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่มีในตน มีผลทำให้พระที่ทำสิ่งเหล่านี้ปาราชิกทันที (ขาดจากความเป็นพระ)
ส่วนปาราชิก ไม่ได้หมายความว่าผิดกฏหมายหรืออะไร แต่เป็นแนวทางในการบรรลุของพระพุทธเจ้า
ถ้าทำสิ่งที่เข้าข่ายปาราชิกไปแล้ว พระพุทธเจ้าคิดว่าคนคนนั้นก็ไม่อาจจะบรรลุธรรมได้อีก

หรืออาบัติสังฆาทิเสส เราชุกวู้วก็ไม่ได้มีใครมาตามจับผิดเราหรอก แต่เรารู้อยู่กับตัว และเราก็ยังแอบชุกวู้วเรื่อยๆ
ยังติดอยู่กับความฟินจากเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีทางบรรลุธรรมได้
ทางแก้ก็คือต้องไปนั่งสวดมนต์สำนึกผิดไม่รู้ตั้งกี่วัน เหมือนเป็นหมุดหมายว่าจะเริ่มต้นเส้นทางของการบรรลุธรรมใหม่

ห่ะ เรื่องที่พุทธศาสนา เกือบหายไป มันจริงเหรอครับ เพราะจากที่บุดด้าปรินิพพาน จนถึงยุคพระเจ้าอโศก มันประมาณ 200-250 ปี เองนะครับ เวลาแค่นี้ถึงขั้นทำให้พุทธศาสนาไม่เป็นที่นิยมแบบนั้นเลยเหรอครับ

ส่วนตัวคิดว่าไม่อวด แต่ที่บอกว่ามีหรือไม่เพราะมี เพราะมีคนถามท่านถึงแสดง

ตามที่ผมอ่านมา ฟังมา ศาสดานิพพาน ยุคนั้นมีการเมืองที่ไม่ชอบศาสนาพุทธอยู่(คืออคอนโทลไม่ได้) ก็สนับสนุนฮินดู พราหมณ์ ให้ประชาชนนับถือแทน(ซึ่งพุทธก็ไม่ใช่ศาสนาหลักอยู่แล้ว แต่เป็นกลุ่มใหญ่ที่ทำให้ชั้นปกครองกังวล) ผมคิดว่าเพราะถ้าเป็นที่นิยม พระเจ้าอโศกคงไม่ต้องทำงานหาหลักฐานมาบูรณะและสร้างใหม่ขนาดนั้น ศาสนาพุทธมาดังและเป็นที่นิยมก็ตอนพระเจ้าอโศก และตอนพระถังซัมจั๋งนำกลับไปจีนนี่แหละครับ ที่ทำให้เกิดความนิยมในวงกว้าง

ยึดส่วนที่เป็นแกนหลักไปใช้ดีกว่าครับ พวกแต่งเติมเสริมน้ำปลาไม่ต้องไปใส่ใจมาก

อันนี้ขอเสริมหน่อยครับท่าน บูเช็คเทียน นี้เกิดมาในยุคที่ สังคม ผู้หญิงจะถูกกดขี่ ผู้ชายเป็นใหญ่
มันทำให้เป็นปมของนาง เมื่อนาง มีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ สิ่งที่นางพยายามทำคือ ทำให้ศักศรี ผู้หญิง เท่าเทียมผู้ชาย และเรื่องศาสนา คือเรื่อง ที่นางพยายาม สอดแทรก หรือแต่งเติมให้เห็นว่า ผุ้หญิง นี้ ยิ่งใหญ่หรือสำคัญแค่ไหน ถ้าผมจำไม่ผิด เรื่องเล่า เจ้าแม่กวนอิมก็เกิดขึ้นในยุคนี้แหละครับ

เพราะงั้น เรื่องศาสนาพึทธในยุคของบูเช็คเทียน ใช้อ้างอิงอะไรไม่ได้เลย

ศาสนาพุทธในอินเดียมีคนนับถืออยู่แค่ 0.7% ซึ่งน้อยมาก เพราะศาสนาพุทธมีคำสอนที่ขัดแย้งกับขนบดั้งเดิมของคนอินเดียในเรื่องชนชั้นวรรณะ คนที่นับถือส่วนใหญ่ก็เป็นคนระดับวรรณะข้างล่างๆ ที่ถูกเอาเปรียบจากระบบวรรณะ

พระพุทธเจ้ามีเทวดามาล้อมรอบ เยซูตายแล้วลุกขึ้นมา และเกิดจากผู้หญิงซิง โมเสสแหวกทะเล แล้วไปเดินกลางวง สิ่งพวกนี้ท่านเชื่อไหมละว่าคือเรื่องจริง 555+ ศึกษา "แก่น" ของแต่ละศาสนาเถอะครับแล้วจะรู้ว่า แก่น จริงๆ มันทำให้โลกจรรโลง อย่าลืมนะครับ "ความเชื่อ" มันก็คืออำนาจอย่างหนึ่งบางครั้งศาสนาก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของอำนาจ