พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ในเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต แล้วถ้าอนาคตไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 จริงถือว่าพระพุทธเจ้าโกหกไหม

ถ้าไม่มีก็ถือว่าโกหก อวดสิ่งที่ตนไม่มีให้คนอื่นเชื่อ
แต่ในช่วงชีวิตเราตอนนี้คงไม่ได้รู้ความจริงข้อนี้
ท่านจะรอพิสูจน์ไหมล่ะ
สุดท้ายมันก็เป็นแค่ทฤษฎีดีหรืออะไรก็ตามที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
เพราะแบบนั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องนั้นเลย
พิสูจน์สิ่งที่เป็นธรรมชาติ ที่ท่านสอนไว้ดีกว่า มีหลายเรื่องเลยครับ

ถ้าไม่มีก็ถือว่าโกหก อวดสิ่งที่ตนไม่มีให้คนอื่นเชื่อ
แต่ในช่วงชีวิตเราตอนนี้คงไม่ได้รู้ความจริงข้อนี้
ท่านจะรอพิสูจน์ไหมล่ะ
สุดท้ายมันก็เป็นแค่ทฤษฎีดีหรืออะไรก็ตามที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
เพราะแบบนั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องนั้นเลย
พิสูจน์สิ่งที่เป็นธรรมชาติ ที่ท่านสอนไว้ดีกว่า มีหลายเรื่องเลยครับ

ก็ท่านคือสรรพยู ก็สามารถทำนายได้ แม้ไปถึงอดีตกาลที่ยาวนาน แสนมหากัป
หรือ ทำนายไปอนาคต อีก 1พุทธันดร ย่อมได้อยู่แล้ว

แต่คำว่า อวดอุตริ จะใช้กับพวก อนุพุทธะ มากกว่า อวดจนทำให้ปาราชิกแบบนี้เป็นต้น
เพราะพระพุทธเจ้าอยากให้พระธรรมเป็นศาสดา แทนท่าน
ถ้าไปอวด ใครจะเชื่อพระธรรมละ ต่อไปคนก็จะหากินแต่กับ "ลาภสักการะ"

อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด

พระพุทธเจ้าพูดจริงๆรึเปล่ายังไม่มีใครกล้ายืนยันเลย

จริงๆ คำสอนต่างๆ เรื่องเล่าต่างๆ มันเกิดจากพระ หรือ ผู้เผยแพร่ศาสนาเล่ามาอีกที พระพุทธเจ้าบอกว่า... สอนว่า... แต่ไม่ได้รีบสารโดยตรงทั้งนั้น มันผ่านมาหลายพันปี บอกต่อกันมาเป็นพันเป็นหมื่นแสนขั้น บางอย่างเล่าเวอร์ให้คนตั้งใจฟัง ดึงดูดคน ขนาดเราเล่า แล้วคนไปเล่าต่อยังเปลี่ยนจากอารมณ์ของผู้เล่า จากนิสัยผู้เล่า

เพราะฉะนั้น อย่ายึดติดเลย ผมเองไม่ได้นับถือศาสนา แม้ในบัตรจะเป็นพุทธ เราก็แค่ยึดหลักว่า ทำให้ถูกต้อง ไม่คดโกง ไม่ทำอะไรที่เดือดร้อนผู้อื่น ก็น่าจะพอแล้ว

เจอเพื่อนแล้ว ผมก็ไม่นับถือศาสนานะเดี๋ยวนี้ ใช้เมียกับครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยว

รู้สึกว่าศาสนาไม่ได้ขัดเกลาอะ รู้สึกว่าคำสั่งสอนของแม่คอยขัดเกลามากกว่า

รู้อนาคต แต่ไม่ได้เฉลย เป็นการบอกเล่าเป็นนัยเชิงปริศนาธรรมออกแนวสอนมากกว่ามั้งครับ เช่นรุ้ว่าจะเกิดแต่ก็ไม่ได้พยายามหยุดไม่ให้มันเกิด ให้เป็นไปตาม สังสารวัฏ (ถ้าตามมาเวล ก็ไม่มีผลกระทบต่อเส้นเวลา)

แต่บางเรื่องเราก้ไม่รุ้ว่าสิ่งที่ท่านรู้จริงแค่ไหนบางบริบทก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ หรืออย่างที่บอกสิ่งที่เล่าอาจจะเป็นเพียงนัยยะเชิงปริศนาธรรม

เห็นด้วยครับ ดูแค่คำสอนพอครับ อย่าไปดูตำนานครับ.

ใช่ครับ เป็นการอวดอุตริ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเกิดจริงหรือไม่

ถ้าทำได้จริงก็ไม่อวดอุตริครับ

ผมก็เคยถามแบบนี้กับหลายคน
ว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้พระสงฆ์ใช้อิทธิฤทธิ์
แต่ทำไมพระพุทธเจ้ากลับใช้ซะเอง

คำตอบที่ได้มักออกแนวประมาณว่า
เจ้าของสวนดอกไม้ ย่อมมีสิทธิ์เก็บดอกไม้

ถ้าพระสงฆ์ใช้แต่อิทธิฤทธิ์
ผู้คนก็นับถือแต่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
ไม่สนใจทางหลุดพ้น

ไม่ใช่ การอวดอุติริ เป็นเพียงการคาดเดา และใช้หลักเหตุผล
ตัวท่านก็เคยถูกทำนายมา่นกัน ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่ง นานมากกว่า จะได้เป็น ไม่ใช่ว่าเห็นล่วงหน้า หรือรู้อนาคต แต่ดูจากการปฎิบัติองท่าน ที่มีความแน่วแน่ ก็สามารถบอกได้ว่าซักวันนึง ต้องได้เป็น

และเช่นกัน ท่านก้ดูตามปัจจัยว่า อนาคต ศาสนาของท่านก็จะเสื่อม ผู้คนจะใช้ชีวิตแบบไหน จนมันต้องมีคนหาทางหลุดพ้นคนใหม่ขึ้นมา เป็นวัฒฐจักร

ความอวดอุตริเนี่ย มันคืออวดในสิ่งที่ตัวเองไม่มี และต่อให้มีจริงและอวดก็ยังผิดแค่ไม่มาก

ประเด็นคือบุดด้าท่านตรัสไว้จริงหรือแค่ลูกศิษย์ fc แต่งเพื่อยกยอท่าน ก็คงไม่ต่างกับเกิดมาเดินได้เจ็ดเก้า ตรัสรู้มีเทวดามาอวยพร อะไรทำนองนั้น

บางเรื่องศาสนาก็โม้ไปเรื่อยครับอย่าเชื่อแบบไร้เหตุผล

แก่นแท้ของศาสนามีแค่ไม่กี่อย่างเองแค่กาลามสูตร ก็อธิบายข้างบนได้หมดแล้ว
คือถ้าเชื่อทุกอย่างโดนไม่มีการไตร่ตรองกรองอะไรด้วยปัญญาเลยก็ถือว่างมงายแล้ว

ลองฟังเรื่องของบูเช็กเทียนดูครับ เขาเล่าว่าสมัยพระนางมีคนไปเจอตำราพุทธศาสนากล่าวว่าก่อนท่านจะมาเกิดชาติสุดท้าย ท่านเป็นกระษัตรีมาก่อน.. พระนางเลยยกย่องการค้นพบนี้เข้าไปใหญ่ให้คนเชื่อว่าพระนางก็มีอะไรคล้ายกับพุทธเจ้า
..
คราวนี้มาลองพิจารณาดูเรื่องข้างบนครับ ท่านคิดว่าจริงไหม?
เป็นข้อคิดเห็นหรือข้อเท็จจริง? ทำไมถึงคิดแบบนั้น

.

ต่อมา ท่านคงทราบว่าศาสนาพุทธยุคที่พุทธเจ้ายังอยู่ เป็นการเรียนการสอนแบบมุขปาฐะ (เขียนแบบนี้มั้ง)
คือการสอนแบบปากต่อปาก ไม่ใช่การเขียนตามคำบอกและเซ็นรับรองโดยพุทธเจ้า
ฉนั้นผมไม่เชื่อว่าพระไตรปิฎกจะถูก 100% เพราะฉนั้นอ่านโดยใช้วิจารณญาณของวิญญูชนดีไหมครับ