ถ้ามีเงินซัพพอร์ทในการแก้ไขปัญหาบ้านเจออุทกภัยหรือภัยต่างๆ ก็ซื้อเลยครับ ไม่มีใครว่า
แต่ถ้าไม่ หาทำเลอื่นครับ คุยกันดีๆ เงินค่าเดินทางไปหาเพื่อนถูกกว่าเงินบำรุงรักษาบ้านอีกนะครับ

ตลกดี หมายถึงแฟนท่านนะ

การซื้อบ้านนี่เข้าใจว่าต้องใช้การคุยกันด้วยเหตุผลจากทั้งสองฝ่ายมากพอสมควรก่อนตัดสินใจแบกภาระ
แต่ตอนนี้มันเหมือนว่าเค้ากำลังใช้ความรู้สึก(เป็นหลัก)ในการคุยกับท่านที่กำลังใช้เหตุผล
จังหวะนี้ถ้าเค้ายังมองไม่เห็นฝั่งเหตุผลอาจจะคุยกันให้ลงตัวยากหน่อย

ถ้ามีเงินถุงเงินถังเหลือๆกระทั่งว่าซื้อไปได้แบบที่ขนหน้าแข้งไม่ร่วงก็คงไม่มีปัญหา
แต่พอมันจะเป็นภาระก้อนใหญ่ในชีวิตเมันก็ต้องคิดกันให้มากหน่อย ความยากคือการ balance ระหว่างความรู้สึกแล้วก็เหตุผลนี่แหละ

ความรู้สึกก็อย่างเช่นว่า บ้านสวย รู้สึกน่าอยู่ อบอุ่น ปลอดภัย อย่างในกรณีนี้ก็อาจเป็น ความสนุก ตื่นเต้นที่ได้อยู่ใกล้เพื่อน อาจจะมีความอบอุ่นปลอดภัยจากการได้อยู่ใกล้เพื่อนด้วยเหมือนกัน
ถ้าเป็นเรื่องเหตุผลก็อย่างที่ท่านว่า เกินงบมั้ย น้ำจะท่วมรึเปล่า ซึ่งพอมันอยู่ในเขตน้ำท่วม มันก็จะไปกระทบกับความรู้สึกปลอดภัยแล้ว

ที่จะบอกก็คือพยายามจูนช่องทางการคุยกันให้ตรงกันน่ะครับ ถ้าเค้าใช้ความรู้สึก ท่านก็ลองใช้ความรู้สึกคุยกับเค้า ด้วยการบอกความรู้สึกของตัวเอง และที่สำคัญคือพยายามใช้ "I Statement" ในการคุยกันให้ได้มากที่สุด นั่นคือการไม่โยนความรู้สึกหรือความต้องการของตัวเองไปให้คนอื่น เช่น เรารู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าจะต้องซื้อบ้านตรงนี้ เพราะมันเป็นโซนที่เสี่ยงน้ำท่วมมากๆ ถ้าน้ำท่วมขึ้นมาแล้วปัญหา 1 2 3 4 จะเกิดขึ้น หรืออาจจะลองถามเพื่อให้เค้าระบุความรู้สึกของตัวเค้าเองไปเลยก็ได้ว่าทำไมถึงอยากอยู่ใกล้เพื่อน

ผมมองว่าการคุยกันมันจะเป็นปัญหาครับ ถ้าหากว่าเราจูน channel ของการคุยกันไม่ตรงกัน
ความรู้สึกชนกับเหตุผล จะไม่มีทางเข้าใจกันแน่นอน ที่น่าลองก็คือการ balance ให้ทั้งคู่มีทั้งสองอย่าง คนนึงเข้าใจเหตุผลอีกคนให้มากขึ้น อีกคนเข้าใจความรู้สึกอีกคนมากขึ้น อาจช่วยให้การคุยกันโอเคขึ้นได้บ้างครับ

น้ำท่วมนี่เหนื่อยเลยครับ ล้างบ้านทำความสะอาดบ้าน ขนาดเพื่อนมาช่วยเคลียร์ให้

ถ้าเลือกได้แนะนำหนีให้ไกลเลยครับ

ให้แฟนท่านตอบวคำถามพวกนี้ก่อน

'ทำไมต้องอยู่ใกล้เพื่อน'

'ทำไมต้องไปซื้อบ้านในโซนน้ำท่วม'

งั้นก็ต้องทำบ้านหนีน้ำ ยกสูงครับ

เป็นผมไม่โอเคนะ น้ำท่วมมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รู้หรอว่าอีก 2 เดือน หรืออีก 1 ปีข้างหน้า บ้านคุณจะไม่จมน้ำ

แต่ถ้าไม่ศึกษามาก่อน แล้วมาโดน มันก็โทษตัวเองได้ ถ้ารู้ตัวแต่ทีแรกยังจะซื้อก็รับผลกรรม

อีกอย่างคือถ้าหารครึ่ง กู้ร่วม เราควรความคิดเห็นเท่ากันนะ

ถ้าแบบนี้ให้แฟนกู้คนเดียว เราหารเป็นค่าเช่าไปเลยดีกว่า เผื่อวันนึงแยกย้าย จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหา

เรื่องเพื่อนสำหรับผมไม่เท่าไหร่ แต่น้ำท่วมนี่ไม่สนุกเลยเด้อ ต่อให้บ้านเราน้ำไม่เข้าแต่รอบๆมันท่วมนี่กลายเป็นเกาะออกไปไหนก็ลำบากอีก
มีโครงการหลังในใจรึยังอะครับ ถ้ามีแล้วยังไม่ต้องเถียงกัน พาเธอไปดูบ้านช่วงฝนตกหนักๆนั่นแหละ ไปสัมผัสชีวิตจริง ลองจำลองชีวิตตั้งแต่บนถนนเลย ขับไปเย็นๆค่ำๆมีเสียงคลื่นกระทบใต้ท้องรถเป็นลูกๆ

รออีกเเป๊บ ไม่กี่เดือนก็หน้าฝนแล้ว

อย่าอยู่ใกล้เพื่อนเค้า ให้อยู่ใกล้เพื่อนเรา แม่งโทรชวนแดกเหล้าทุกวัน

อยู่ด้วยกันเหละดีแล้ว มีอะไรจะได้ช่วยกัน ชีวิตคนเรามันสั้น

เดาว่าแฟนท่านไม่เคยเจอเหตุบ้านน้ำท่วมรึป่าว เลยไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้

ถ้าเพื่อนกันจริง เค้าควรจะเตือนแฟนท่านนะอย่ามา น้ำท่วม บลาๆ อีกอย่างดูแล้ววุฒิภาวะการตัดสินใจของแฟนท่านยังไม่ดีพอ แนะนำ กำตังไว้เถอะครับ น้ำท่วมบ้านไม่สนุกเลยสักนิด ยิ่งในประเทศนี้ที่แม่งภาครัฐไม่เห็นหัวปชชแบบนี้

ทำไมถึงอย่าอยู่ใกล้เพื่อนอะ

แล้วใกล้ที่ว่าคือขนาดไหน ติดกันเลยไหม หรือเดินไปได้
ถ้าเว้นแค่หลังเดียวเวลาทะเลาะกันก็แทบไม่มีผลแล้วมั้ง แทบไม่เจอ


ถ้าเป็นบ้านที่ชอบ ทำเลที่ใช่ เพื่อนอยู่ใกล้ๆก็ดีแล้วนิ ??

เพิ่ม ส่วนประเด็นเรื่องน้ำท่วม ท่วมแค่ไหน เมื่อไหร่ บ่อยไหม โอกาสเท่าไหร่
ถ้าแบบปี 54 มันก็ท่วมหมดแหละ หรือ ท่วมตามฤดู หรือท่วมทุกฝนตกหนัก
ดูให้ชัดๆ แล้วค่อยประเมินอีกที

ที่สำคัญเรื่องความคุ้มค่า ความปลอดภัย ความสมบูรณ์ของบ้าน สังคมรอบข้าง
การเดินทาง ที่ทำงาน ความเสี่ยงการย้ายถิ่นฐาน
โดยรวมเรียกว่าบ้านที่ชอบ เรื่องพวกนี้สำคัญกว่า

เป็นผมจะหาใกล้ที่ทำงานมากกว่านะ

มันต้องใกล้ที่ทำงานมาก่อนสิ ใกล้ของกินของใช้ต่อมา ไม่โดนน้ำท่วม มีการออกแบบระบบระบายน้ำ หรือถมดีก็ว่าไป ใกล้เพื่อนอันสุดท้าย