เพื่อนผมสองคน คนนึงนักอนุรักษ์ในพื้นที่ ทำงานกับก้าวไกลและหน่วยงานอื่นๆ อีกคนคือช่างภาพที่พอมีผลงานระดับทวีป คนนึงบอกว่าสิ่งที่ทรายเป็นคือ "เขียวเข้ม" หรือก็ far left หรือจะเรียกว่า ELF ก็ได้

คือสุดโต่งด้านการอนุรักษ์แต่ไม่ได้มองบริบทของการอยู่ร่วมกันระว่างคนกับธรรมชาติ ซึ่งอันนี้ก็ว่าไม่ได้ เพราะถ้าดูพื้นเพเค้า เค้าไม่ใช่คนพื้นที่ ไม่ใช่คนที่ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติหรือท้องถิ่นตรงนั้น แต่คนอีกจำนวนมากที่ทำตามกฏ ใช้ชีวิตแบบนั้นมาเป็นสิบๆปี (เราไม่พูดถึงพวกทำผิดกฏนะ) การที่คุณจะเป็น far left แต่ไม่ได้มองบริบทของการ co-exist นั่นคือประเด็นหลักๆต่างหากที่ตอนนี้เค้าถกกัน การอยู่ด้วยกันต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ ถ้าเอาแต่อนุรักษ์ก็ได้ ก็ปิดเกาะไปเลยจบๆ แต่ประเด็นมันคือ จุดที่พอดีคือตรงไหนมากกว่า

กับอีกเรื่องที่เค้าคุยกันคือ ถ้าเทียบกับกรณีบ้านบางกลอย ที่จนท.ไปไล่บิลลี่และคนในพื้นที่ออก ทำไมอันนั้นเราเข้าข้างคนในพื้นที่ แต่กรณีนี้เรากลับเข้าข้างฝั่งเจ้าหน้าที่ล่ะ เพราะหลายๆการกระทำที่ไม่ใช่ดราม่ารอบนี้ของทราย ก็ไม่ต่างอะไรกับจนท.ในพื้นที่บางกลอยเลยนะครับ แล้วไหนจะยังไม่พูดถึงที่มาว่าเข้ามาทำงานตรงนี้ได้อย่างไรด้วย นี่มันคือการ"ฝาก"เข้ามาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะเหมือนไม่ได้รับราชการมาก่อนด้วย แล้วหลายอย่างก็ลุแก่อำนาจอีก รวมไปถึงว่ามีข่าวว่าทางทรายเองก็เหยียดคนในพื้นที่บ่อยๆนะ เรื่องการศึกษา เรื่องความรู้ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นนักอนุรักษ์แต่ชาวบ้านไม่ใช่ ทั้งๆที่หลายครั้งคนพื้นที่ก็พยายามช่วยกันเพราะมันหมายถึงรายได้และวิถีชีวิตเค้าด้วย แต่ก็อย่างที่กล่าว พอเป็น far left แนวคิดมันคือเอาคนเป็น 2nd priority อยู่แล้ว เพราะมองธรรมชาติก่อน (ซึ่งมันไม่ได้ไง เรื่องพวกนี้มันเป็นองคาพยพใหญ่ มันต้องมองเป็น holistic ว่าจะทำยังไง ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนแบบนี้)

นั่นคือประเด็นที่นักอนุรักษ์หลายๆคนเค้าเป็นห่วงด้วยครับ

edit : สำหรับคนที่ไม่ทราบว่าทำไมดราม่ากับจนทหรือนักอนุรักษ์
1/ อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาอธิบดีฯหลายครั้ง เพื่อทำตามใจตัวเอง
2/ เข้าพื้นที่ที่ปกติห้ามเข้า แต่อ้างสิทธิ์เหมือนด้านบน หรือไม่แจ้งจนท.
3/ พาคนของตัวเองเข้าพื้นที่โดยไม่ขออนุญาติก่อน
4/ ใช้พาหนะของราชการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
5/ ชาวบ้านไม่กล้ามีปากเสียงเพราะเป็นทั้งที่ปรึกษา + นามสกุลใหญ่
6/ ทำคอนเทนต์ลงเพจ/ช่องตัวเอง ไม่ใช่ของหน่วยงานทั้งๆที่ทำ 2-4

แค่นี้ก่อนก็พอครับ

เรื่องอื่นมันมีหลายมุมมอง แต่งงอันเดียว

“คุณทรายนี่อยู่ๆเป็นที่ปรึกษาอธิบดี”

อันนี้อธิบดีไม่ได้รับรู้ ไม่ได้เป็นคนเลือกเองก่อนแต่งตั้งที่ปรึกษาเหรอ? งง

ผมไม่ได้เข้าข้างอธิบดี และรู้ว่าหน่วยงานราชการมีความไม่โปร่งใส

แต่วิธีการเข้ามาของคุณทราย สาบานว่าไม่ได้มาด้วยความเป็น elite ชน?

อันนี้ผมไม่ได้พูดถึงเคสนี้นะ แต่เห็นหลายๆที่ คนในก็ไเ้ผลประโยชน์อะ

อันนี้พูดเรื่องไหนละ
จะเล่นเรื่องอีลีท หรือจะเล่นเรื่องเนื้อหาที่ทะเลาะกัน
ปนกันมั่วไปหมด

สมมุตินะ กฎมันก็ชัดเจนว่าตรงนั้นห้ามไปเรา ไปเล่นทรายที่เข้าไปบอกว่าห้ามเข้าเพราะะเป็นอีลีทงี้หรอ
ต้องให้คนไม่ใช่ไปพูดงี้หรอ

คืออยากคุยเรื่องไหนกันอะ เรื่องผิดถูกเข้าไปพื้นที่ฟื้นฟู
หรือเรื่องหนีห่าว
หรือเรื่องอีลีท

หรือจะเอาแบบคนบางกลุ่ม เอ็งอีลีทนะเพราะงั้นไม่มีสิทธิ์ งี้หรอ หนักอยู่น้าแบบนั้น

ถ้าจะให้ตอบในมุมของเจ้าหน้าที่ ที่เค้าพยามสื่อ แต่ไม่อยากออกตัวมาก คือ ความผิดเค้าพบกันตลอดอยู่แล้ว และเค้าก็ดำเนินการ แต่เค้าไม่จำเป็นต้องมาประจาน หรืออกสื่อ

แล้วดิสเครดิตคนอื่น เสมือนว่ากูทำอยู่คนเดียว

ก็นี่ไงที่ “อธิบดี” ต้องมาตอบป่ะ?

แต่งตั้งเอง งงเองเหรอ

ก็เอาหลักฐานออกมาสิ เปิดเผยเรื่องชั่วๆหรือเรื่องผิดกฏหมายทำไมต้องเหนียมต้องกั๊ก? จะไปกลัวอะไรก็เปิดมาเลยดิ้

ใครจะถูก จะผิด หรือจะอะไรยังไงไม่รู้

ผมว่าบทสรุปคือ ทรายไม่น่าจะเป็นที่ปรึกษาต่อไม่ได้ทำงานต่อ

ชาวบ้าน หรือ ธุรกิจ ก็อยู่กันไปเหมือนเดิมนี่แหละ

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

แล้วทำไมอธิบดี ถึงออกมาพูดไม่ได้ละ

มาพูดให้ความรู้ ข้อมูล วิธีการทำงาน การอนุรักษ์

มันยิ่งดีกว่าที่จะอยู่เงียบๆไม่ใช่หรอ

คนจะได้เข้าใจ มากขึ้นไง แต่ทำไมเงียบหว๋า

คห.ผมนะ

ทำไมโควทไม่ได้หว่า ...... ขี้เกียจแก้โค้ดละ

จนท เห็นเรื่องผิด ทำไรกันละ เอาความจริงมากางกันดู

มีติ่งอธิบดี ด้วยหรอวะ

ด้านบนหัวๆ ราชการนี่ เน่า

มันต้องจับมานั่งคุยกัน แต่ปัจจุบันคือ คนในพื้นที่เขาเคยเอาเปรียบธรรมชาติมากแค่ไหน

เขาจะยอมถอยแล้วเสียผลประโยชน์หรือเปล่าละ มันจะยอมนั่งคุยกันจริงๆหรือเปล่า

จากที่ฟังถ้า ทรายแจ้งเข้าพื้นที่ ก่อนมากกว่า 3 วัน คือมีการผักชีโรยหน้าเรียบร้อยหมดแล้ว มันสื่อถึงอะไร

รู้ๆกันอยู่ครับ เพราะงั้น คนที่มองผลประโยชน์ของอีกฝั่งเป็นหลักจ๋าๆทั้งสองฝั่ง จะยอมคุยกันจริงๆหรอ