พึ่งมาเห็นว่า กระแสคนที่ทำงานจริงทางภาคใต้อันดามันค่อนข้างสวนกับกระแสในอินเตอร์เน็ต อาจจะเพราะสิ่งที่คุณทรายออกมาพูดโจมตีหลังจากมีดราม่าด้วยมั้ง คนที่ทำงานมาด้วยกันเหมือนน้อยใจ555

คิดว่าเรื่องนี้ก็คงต้องตามดูต่อไป ส่วนตัวผมยังขอกลางๆไว้ก่อน ยังไม่กล้าออกตัวแรง แต่ทรายดันพลาดไปเปิดแผลให้ตัวเองไป1แผลก่อน

เอาที่ผมรับข้อมูลมาทุกด้าน ทั้ง ทราย อาจารย์ต่างๆ และผู้ประกอบการ
ย้ำว่าความเห็นส่วนตัวนะ แบบนี้สำหรับผม คือ คลั่งทะเล ไม่ใช่ รักอะ
สิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องเสมอ ไม่สนใจอะไรเลย ทั้งระบบ ทั้งผู้คน ไม่มีความใจในรอบด้าน
มุ่งเป้าแต่คำว่าอนุรักษ์ โดยไม่สนใจอะไรเลย

ทะเลเป็นของทุกคน ไม่ใช่แค่ของคนๆเดียว
บางคนมีทะเลไว้สำหรับเลี้ยงชีพ
บางคนมีทะเลไว้สำหรับความสุขยามพักผ่อน
บางคนมีทะเลไว้สำหรับสนองนีดตัวเอง

ออกสรยุทธ์อยู่ครับ ลองดูทัศนคติแกในมุมนึงดู เอาที่ดู ผมชอบที่แกตรงไปตรงมานะ แกactionแบบเจ้าหน้าที่ฝรั่ง คือใช้อำนาจเลย ด่าเลย มันเลยมีดราม่าในสังคมไทยได้ง่าย อีกอย่างคือแกดูรักศักดิ์ศรีในความเป็นไทยกับเอเชียมาก เอาง่ายๆดูเกลียดฝรั่งที่ชอบเหยียดมาก

ปัญหาอย่างนึงของแกและกลุ่มคนรุ่นใหม่คือจะตรงและแรงและเร็วไป ถ้าค่อยๆแทรกซึม สร้างความรักความน่าเชื่อถือ การ action ของแกจะดราม่าน้อยลง เท่าที่ดูแกยังไม่ได้เป็นที่รักของคนพื้นที่ แต่การกระทำของแกผมคิดว่าแกตั้งใจอนุรักษ์จริงๆ

ถ้าถามผมอยู่ข้างไหน จนถึงวันนี้เท่าที่รับข้อมูลแค่จากสื่อ ผมอยู่ข้างแกนะ ผมว่าแกทำจากใจจริง แต่ก็ต้องปรับทัศนคติบางอย่างเฉยๆเพื่อให้พาพรวมมันไปได้


แต่ก็ดักไว้ก่อนเผื่อมีข้อมูลใหม่ๆภายภาคหน้า

มีref ไหมครับ อยากอ่าน

เค้าคือใคร คนที่ทำงานจริง

เห็นหลายเม้นละ คนในวงการสวนกระแส (ใครวะ??)

ออกสรยุทธ์อยู่ครับ ลองดูทัศนคติแกในมุมนึงดู เอาที่ดู ผมชอบที่แกตรงไปตรงมานะ แกactionแบบเจ้าหน้าที่ฝรั่ง คือใช้อำนาจเลย ด่าเลย มันเลยมีดราม่าในสังคมไทยได้ง่าย อีกอย่างคือแกดูรักศักดิ์ศรีในความเป็นไทยกับเอเชียมาก เอาง่ายๆดูเกลียดฝรั่งที่ชอบเหยียดมาก

ปัญหาอย่างนึงของแกและกลุ่มคนรุ่นใหม่คือจะตรงและแรงและเร็วไป ถ้าค่อยๆแทรกซึม สร้างความรักความน่าเชื่อถือ การ action ของแกจะดราม่าน้อยลง เท่าที่ดูแกยังไม่ได้เป็นที่รักของคนพื้นที่ แต่การกระทำของแกผมคิดว่าแกตั้งใจอนุรักษ์จริงๆ

ถ้าถามผมอยู่ข้างไหน จนถึงวันนี้เท่าที่รับข้อมูลแค่จากสื่อ ผมอยู่ข้างแกนะ ผมว่าแกทำจากใจจริง แต่ก็ต้องปรับทัศนคติบางอย่างเฉยๆเพื่อให้พาพรวมมันไปได้


แต่ก็ดักไว้ก่อนเผื่อมีข้อมูลใหม่ๆภายภาคหน้า

ปัญหาคือแกไม่ได้มีอำนาจครับ แกเป็นแค่ที่ปรึกษาครับ แล้วการกระทำของแกมันก็มีปัญหาจากนักอนุรักษ์ในพื้นที่ด้วย ลองไปหาโพสต์ของคุณน้อยหน่าก็ได้ (เค้าเป็นนักอนุรักษ์ทะเล) คือสิ่งที่แกทำมันมีทั้งการทำเกินกว่าเหตุก็ส่วนนึง แล้วก็หลายๆอย่างที่แกทำ ก็ไม่ได้รับ endorsement จากคนในพื้นที่ครับ

เอาจริงๆเรื่องการอนุรักษ์เนี่ย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก (ไม่ได้พูดถึงแค่ทะเลนะ) เช่นเรื่องบางกลอย เรื่องผืนป่าตะวันออก ฯลฯ คือมันต้องหาจุดร่วมระหว่างคน ธรรมชาติให้ได้แหล่ะครับ

เอาที่ผมรับข้อมูลมาทุกด้าน ทั้ง ทราย อาจารย์ต่างๆ และผู้ประกอบการ
ย้ำว่าความเห็นส่วนตัวนะ แบบนี้สำหรับผม คือ คลั่งทะเล ไม่ใช่ รักอะ
สิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องเสมอ ไม่สนใจอะไรเลย ทั้งระบบ ทั้งผู้คน ไม่มีความใจในรอบด้าน
มุ่งเป้าแต่คำว่าอนุรักษ์ โดยไม่สนใจอะไรเลย

ทะเลเป็นของทุกคน ไม่ใช่แค่ของคนๆเดียว
บางคนมีทะเลไว้สำหรับเลี้ยงชีพ
บางคนมีทะเลไว้สำหรับความสุขยามพักผ่อน
บางคนมีทะเลไว้สำหรับสนองนีดตัวเอง

อันนี้เท่าที่ผมเคยแคปมา และมีอ.อีกท่านนึงก็เคยออกมาพูดถึงประเด็นนี้ และอีกหลายๆท่าน ซึ่งผมไม่ได้แชร์ไว้ หาไม่เจอแล้ว ขออนุญาตให้ดูเท่าที่แคปไว้นะครับ ขออภัยด้วยนะครับ

ผมเคยเห็นคนคลั่งทะเล จะสู้เพื่อทะเลทุกอย่าง แต่ตัวเองก็ยังเที่ยวดำน้ำไปทั่ว แล้วไอ้เรื่องที่สู้ๆกันเนี่ยบางอย่างมันก็กระทบธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างดำน้ำด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องการอนุรักษ์ผมก็บอกกับคนรู้จักรอบๆตัวผมแล้วว่า มันก็ยังมีนักอนุรักษ์คนอื่นอีกมากมายที่เขาทำงานเชิงลึกกว่านี้มาก (เพราะเคยไปทำรายการและ csr กับหลายหน่วยงาน) ไม่ใช่แค่คนๆนี้คนเดียวที่ตั้งใจทำ แม้แต่ภาคประชาชนและธุรกิจท่องเที่ยวเขาก็พยายามในส่วนของเขา

ดังนั้นผมก็บอกว่า ไปคุยกันให้ครบทุกฝ่ายให้มันเคลียร์ซะ เพราะพวกคลั่งทะเลใช่ว่าทุกคนจะมีความรู้ด้านทะเลหรือธรรมชาติเท่านักวิชาการเชิงอนุรักษ์บางคน บางคนยังแชร์ข้อมูลมั่วๆทางทะเลกันในโซเชียลกันอยู่เลย เพราะรู้แค่ด้านเดียว ไม่เปิดรับด้านอื่นบ้าง เห็นโซเชียลพวกคลั่งทะเล จะเล่นกับจารย์ธรณ์ นี่ก็อยากบอกว่าคิดดีๆนะพวกคุณ !!

https://www.facebook.com/kvs.da.thi.ra.wut.hi/

พี่แกโดนทัวร์ลงละ

ก็ฟีลลูกน้องมีปัญหาหัวหน้า

เราก็ไม่รู้เบื้องหลังการทำงานหรอก

บอกแล้วว่าเด่นเกินคนไม่มีแสงก็น้อยใจ

เป็นจุดที่ผมคิดเช่นกันครับ แต่มายเซ็ตแก เท่าที่ฟังในรายการนะ ผมว่าก็คนไฟแรงคนนึงที่มีความคิดอยากอนุรักษ์ในแบบตัวเอง เพียงแต่วิธีการต้องปรับเปลี่ยนมให้เหมาะสม เวลาทำงานเดี๋ยวเจอคนแบบนี้เยอะเลยครับ คือยึดหลักแนวทางของตัวเอง แต่ไม่ปรับหาคนอื่น แต่ถ้ามองไปลึกๆผมว่าสิ่งที่เค้าตั้งใจมันก็ดีมากกว่าแย่ แต่ก็อยู่ที่บุคคลว่าจะอีโห้หรือยอมรับฟังคนอื่น ตัดสินกันตรงนี้แหละ

ขี้เกียจพิมเยอะแยะ กรมนี้ ทำมา 6-7ปี ไม่คิดจะกลับไปทำอีกเลย บอกได้แค่ว่า ผลประโยชน์เยอะมาก

อยากรู้ฮะ พิมอีก

ลองเปิดใจดูความเห็นต่างของคนอยู่หน้างานผมว่ามันเมคเซ้นนะ คือมันมีงานวิจัยออกมาว่าการอนุรักษ์แบบขอความร่วมมือ มันได้ผลดีกว่าการอนุรักษ์แบบหักดิบ

ผมสมมตินะ สมมติว่าแซวม่อนมันไม่เคยเป็นสัตว์สงวนมาก่อน ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นจับมันกิน + ขายเพื่อการดำรงชีพเป็นเรื่องปกติ มันเป็นวิถีชีวิตของเค้า อยู่มาวันนึงมันใกล้จะศูนย์พันธุ์ คุณออกกฎหมายมาว่าการจับแซวม่อนมันผิดกฎหมาย นั่นหมายความว่าวิถีชีวิตของคนกลุ่มนึงจะต้องเปลี่ยนไปแบบ "ทันที" การต่อต้านมันย่อมตามมาแน่นอน การไปหักดิบห้ามเลยตามวิธีแบบคุณทราย มันไม่ได้ผลในภาพรวมเพราะอะไร เพราะคุณจะต้องมีคนแบบคุณทราย ลาดตระเวนทุกวัน ทุกพื้นที่ของทะเล ในทางปฎิบัติแล้วมันค่อนข้างยากและเปลืองงบประมาณ

ลองคิดกลับกันถ้าคุณให้เวลาชาวบ้าน คนในพื้นที่ ค่อยๆเปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนความคิด มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่ถ้ามันสำเร็จ คนในพื้นที่ก็จะเลิกจับแซวม่อนกิน แล้วจะเป็นคนในพื้นที่เองเนี่ยแหละ ที่ช่วยจับตาดูว่ามีใครทำผิดมั๊ย ไม่จำเป็นต้องมานั่งหาเจ้าหน้าที่เป็นสิบเป็นร้อยคน

ทรัพยากรเป็นของทุกคน คนในเมืองปากว่าตาขยับเรื่องอนุรักษ์แบบหักดิบได้เพราะมันไม่ใช่วิถีชีวิตของคุณ ผมลองเทียบง่ายๆนะสมมติคุณขับรถน้ำมันมาทั้งชีวิต อยู่ดีดีมาวันนี้รัฐบาลประกาศว่ารถน้ำมันผิดกฎหมาย ห้ามขับอีกต่อไป ถามว่าคุณจะเปลี่ยนมันเป็นรถไฟฟ้าในวันพรุ่งนี้ หรือเปลี่ยนไปนั่งโดยสารสาธารณะทันทีในวันพรุ่งนี้ ได้เลยรึเปล่า คุณเองก็ต้องการเวลาในการเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองเหมือนกัน ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เค้าก็ต้องการเวลาเหมือนกันครับ

ออกแนวเบียว